พลังดูด พลังประชารัฐ เร่งเครื่องหนัก ก่อนเส้นตาย 23 พ.ย.  


เพิ่มเพื่อน    

    ความเคลื่อนไหวของแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) คือ อุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ว่าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ว่าที่เลขาธิการพรรค, กอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าที่โฆษกพรรค เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา กับการยกทีมไปยังตลาดน้ำคลองลัดมะยม ซึ่งเป็นตลาดที่ ชวน ชูจันทร์ ว่าที่กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ปลุกปั้นจนโด่งดัง ถึงขั้น ชวน ชูจันทร์ ต้องบินไปรับรางวัลจากต่างประเทศ โดยมีตัวแทนเครือข่ายจากกลุ่มต่างๆ อาทิ เครือข่ายการจัดการน้ำชุมชน ตามแนวทางพระราชดำริ กทม. เครือข่ายเกษตรกรรุ่นใหม่ วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา กลุ่มนักธุรกิจคนรุ่นใหม่ สมาคมชาวนาไทย และพันธุ์ข้าว ผู้แทนกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยว ที่พักรายย่อย จ.เชียงใหม่ เข้าร่วมกว่า 200 คน
    สนธิรัตน์-ว่าที่เลขาธิการพรรค พปชร. บอกว่า เป็นการลงพื้นที่เพื่อฟังประชาชนจากตัวแทนกลุ่มต่างๆ มาแลกเปลี่ยนกับทุกคน เพราะภาคประชาสังคมคือหัวใจใหญ่ที่สำคัญมากกับการเปลี่ยนแปลงประเทศ เพราะหากภาคประชาสังคมไม่เข้มแข็ง จะเป็นจิ๊กซอว์ที่ขาดหาย เพราะอยู่ภาคประชาสังคมมาเป็น 10 ปีแล้ว ทำงานภาคประชาสังคมมาโดยตลอด คิดว่าโอกาสที่ภาคประชาสังคมจะเข้ามาให้นโยบายต่างๆ ยังมีโอกาสน้อย หากแต่ละฝ่ายมีอะไรดีๆ ที่คิดว่าประเทศไทยขาด เราอยากเติมสิ่งนั้นไปด้วยกันเพื่อช่วยประชาชน ช่วยเปลี่ยนแปลงประเทศ ช่วยคนข้างล่างได้มีโอกาส
    ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นกิจกรรมการเมือง เริ่มต้นหาเสียงครั้งแรกๆ ของ 3 แกนนำพรรคพลังประชารัฐ 
    ยิ่งเมื่อกิจกรรมดังกล่าวมีการปรากฏตัวอย่างเป็นทางการของอดีตสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ที่มีข่าวว่าได้ย้ายสังกัดไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ จำนวน 3 คน ได้แก่ น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ อดีต ส.ก.พระนคร, นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา อดีต ส.ก.คลองเตย และนางกนกนุช กลิ่นสังข์ อดีต ส.ก.ดอนเมือง ซึ่งมีกระแสข่าวว่า ถูก ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค พปชร.-อดีต ผอ.พรรคประชาธิปัตย์ ดึงตัวมาอยู่กับ พปชร. ไปร่วมเปิดตัวในงานดังกล่าว มันก็ชัดว่านี่คือการเริ่มคิกออฟหาเสียงของ พปชร.แล้ว เพียงแต่ใช้กลยุทธ์ทำให้แลดูไม่ตกเป็นเป้า ด้วยการทำกิจกรรมในวันหยุดราชการ เพื่อไม่ให้มีปัญหาข้อกฎหมายตามมา สำหรับ 3 รัฐมนตรี ในเสื้อนักการเมือง พลังประชารัฐ 
    ท่ามกลางกระแสข่าวว่า พลังดูด ของพลังประชารัฐ ยังไม่หยุดแค่นี้ แต่จะมีมาอีกเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันที่ 23 พ.ย. ซึ่งหากการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันที่ 24 ก.พ.2562 คนที่ลงสมัคร ส.ส.ต้องสังกัดพรรคการเมืองที่จะลงไม่น้อยกว่า 90 วัน ดังนั้น การย้ายพรรค-สังกัดพรรค ต้องทำให้เสร็จภายในไม่เกิน 23 พ.ย.นี้ ไม่เช่นนั้นอาจลงสมัคร ส.ส.ไม่ได้ เว้นแต่การเลือกตั้งไม่ใช่ 24 ก.พ.62 เส้นตาย 23 พ.ย.61 ก็อาจขยับได้อีก ซึ่งก็มีโอกาสเป็นไปได้ ไม่ใช่ไม่มี  
    โดยความเคลื่อนไหวพลังดูดก็มีกระแสข่าวว่า แกนนำพลังประชารัฐสายภาคกลาง ทาบทามกลุ่มเมืองกาญจนบุรี กรุ๊ป กำนันเซี้ยะ ประชา โพธิพิพิธ อดีตผู้กว้างขวางเมืองกาญจนบุรี ที่ตอนนี้หลบหนีคดีอยู่ แต่ยังมีลูกชายคือ ธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประชาธิปัตย์ และอรรถพล อดีต ส.ส.กาญจนบุรี ประชาธิปัตย์ ให้ย้ายมาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ โดยมีเงื่อนไขการย้ายพรรคที่ไม่ธรรมดา ชนิด ธรรมวิชญ์-อรรถพล ยากจะปฏิเสธ และคนในประชาธิปัตย์รู้เหตุผลก็ถึงกับอึ้ง ยากจะทัดทานให้อยู่กับ ปชป.ต่อไปได้ 
    โดยในพื้นที่ภาคกลาง ไม่ได้มีแค่ 2 พี่น้อง ลูกกำนันเซี้ยะเท่านั้น แต่ข่าวว่า พลังประชารัฐเปิดฉากทาบทาม ปารเมศ โพธารากุล อดีต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นญาติกับ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ผู้กำกับ-อดีตนักร้องชื่อดัง เพราะปารเมศเป็นพี่ชายของ ธัญญา โสภณ อดีตนางแบบ ภรรยาของอ๊อฟ-พงษ์พัฒน์นั่นเอง โดยปารเมศยอมรับว่าถูกทาบทามจริง และอยู่ระหว่างการตัดสินใจ 
    ซึ่งหากสุดท้าย พลังประชารัฐได้ 3 อดีต ส.ส.กาญจนบุรี ประชาธิปัตย์ เข้าค่ายทั้งหมด คงทำให้พื้นที่กาญจนบุรี ซึ่งมีค่ายทหารอยู่หลายแห่ง น่าจะปักธง พปชร.ได้ค่อนข้างแน่ แต่ก็คงทำให้ภาพ พรรคพลังดูด ของพลังประชารัฐ ยิ่งถูกพูดถึงมากขึ้น แม้แกนนำพรรคจะพยายามบอกว่าการย้ายพรรคของนักการเมืองเป็นเรื่องปกติก็ตาม 
    อย่างความเห็นของ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พูดถึงเรื่องภาพลักษณ์พลังดูดของ พปชร.ว่า 
    “คำว่าดูดฟังดูโหดร้ายไป ผมว่ามันเป็นเสน่ห์ของพรรค ถามว่าใครไม่อยากจะมาทำงานอยู่ในที่ใดที่หนึ่งที่เขาเปิดโอกาสให้ทำงาน 
    ผมว่าเสน่ห์ของพรรค พปชร.คือโอกาสที่จะได้ทำงานในหลายส่วน โดยยังไม่มีข้อจำกัด เช่น อยากจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็มีโอกาส เพราะตอนนี้พื้นที่เลือกตั้งยังเป็นศูนย์ เพราะพรรคยังไม่มีพื้นที่ซึ่งมีการจับจองแล้วของใคร คนที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพมหานครแล้วประสงค์อยากจะลงสมัคร ส.ส.ในพื้นที่ กทม.ก็ลงได้ทุกเขต เพราะตอนนี้ยังว่างหมด ในต่างจังหวัดหากพื้นที่ไหนมีความทับซ้อนกัน บางเขตหากไปลงแล้วไม่ประสบความสำเร็จ นักการเมืองเขาอาจมองว่า ถ้าย้ายไปอยู่ที่ใหม่แล้วมีโอกาสประสบความสำเร็จ”
    เป็นคำชี้แจงจากแกนนำพลังประชารัฐที่ใครจะเชื่อหรือไม่ อยู่ที่แต่ละตัวบุคคล ขณะเดียวกันพบว่า พปชร.ก็พยายามจะสร้างแบรนด์พรรค ให้แลดูเป็นพรรคทันสมัย มีความเป็นพรรควิชาการ เหมือนกับไม่ต้องการให้ถูกมองว่าเป็นพรรคที่เล่นการเมืองแบบเก่าๆ 
    เลยเป็นที่มาของการที่จะมีการตั้ง สถาบันปัญญาประชารัฐ ที่จะมีการแถลงข่าวในวันพุธที่ 17 ต.ค. โดยแกนนำพรรคบอกว่า สถาบันดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผู้นำด้านต่างๆ เพื่อให้ผู้ที่มีความคิดความอ่านทางการเมืองได้เข้าใจบริบทของโลก เข้าใจพลวัตทางการเมือง พลวัตเศรษฐกิจ และพลวัตสังคม 
    การขยับทุกมิติของพลังประชารัฐต่อจากนี้ มองดูแล้วคงถูกจับตามองทุกฝีก้าว โดยเฉพาะหลังบิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ตัดสินใจทางการเมือง ชัดเจนมากขึ้นว่าจะอยู่ในบัญชีรายชื่อแคนดิเดต นายกฯ ของพลังประชารัฐหรือไม่ ซึ่งแม้เจ้าตัวยังไม่ตัดสินใจ แต่คนส่วนใหญ่ก็เชื่อกันไปแล้วว่า ไม่น่าจะมีผิดคิว เพราะ 4 รมต.ออกหน้ามาขนาดนี้แล้ว มันก็ยากจะพลิก เว้นเสียแต่มีจุดพลิกผันในนาทีสุดท้าย. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"