เย้ย‘ทักษิณ’เพ้อกวาดเก้าอี้ส.ส.เกิน300


เพิ่มเพื่อน    

 "สุริยะใส" เย้ย น.ช.ทักษิณคงคิดว่า ส.ส.ในสภามีถึงพันคน ถึงประกาศจะชนะเลือกตั้ง 300เสียง ไล่ไปอ่านระบบเลือกตั้งใหม่ ยิ่งได้ ส.ส.เขตมากจะเสีย ส.ส.บัญชีรายชื่อไปพร้อมๆ กัน "จตุพร" ปัดข่าวร่วมกับ พปชร.หนุน "บิ๊กตู่" เป็นนายกฯ อ้างเสนอทุกฝ่ายคุยกัน ไม่ได้หมายความว่าร่วมกันตั้งรัฐบาล กกต.เผยยอดลงทะเบียนองค์กรเสนอชื่อ ส.ว. 14 จว.แค่ 29องค์กร จ่อชง คสช.ปิดทางให้พรรคการเมืองระดมทุนรับบริจาคได้

    เมื่อวันศุกร์ นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่นว่า หากมีการเลือกตั้งจริง เชื่อว่าประชาธิปไตยจะกลับคืนมา และฝ่ายที่สนับสนุนประชาธิปไตยจะต้องชนะการเลือกตั้งให้ได้มากกว่า 300 ที่นั่ง จากจำนวนกว่า 500 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรว่า ทักษิณ ต้องกลับไปอ่าน “ระบบเลือกตั้งใหม่” ให้ถ่องแท้ เห็นคุณทักษิณออกมาประกาศว่าพรรคเพื่อไทยและแนวร่วม จะชนะเลือกตั้ง 300 เสียง และยังบอกว่าพร้อมกลับเข้าสู่การเมืองอีกครั้งทั้งๆ ที่เคยสัญญาไม่รู้กี่ครั้งว่าจะเลิกยุ่งการเมืองและจะวางมือทางการเมือง
    "300 เสียงของคุณทักษิณจะเอาจากที่ไหน เขตไหน บัญชีรายชื่อ แกก็ไม่ได้แจกแจงนะ แต่จำได้ว่าวันก่อนแกบอกจะกวาด 200 ที่นั่ง วันนี้เพิ่มเป็น 300 ที่นั่ง พูดครั้งหน้าคง 400 หรือจะกวาดหมดทั้งสภา 500 ที่นั่งก็เป็นไปได้ คือพูดไปเรื่อย พูดราวกับว่า ส.ส.ในสภามีจำนวนถึง 1,000 คนซะงั้น แกอ่านรัฐธรรมนูญ ศึกษาระบบเลือกตั้งบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ ว่าเป็นระบบนับจำนวน ส.ส.แบบ "งูกินหาง"  หมายความว่า ยิ่งคุณได้ ส.ส.เขตมากๆ คุณก็จะเสียจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อไปพร้อมๆ กัน"
    นายสุริยะใสระบุว่า พูดง่ายๆ ตรงๆ ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะ ส.ส.เขต 200 ที่นั่ง ปาร์ตี้ลิสต์ก็อาจไม่ได้สักที่นั่งเลย ไม่ได้เพิ่มจำนวนแบบ “เงาตามตัว” เหมือนระบบเลือกตั้งเดิม ที่สำคัญเวลาพูดว่าฝ่ายประชาธิปไตย หมายถึงใคร พรรคไหนบ้าง ช่วยบอกที ชาวบ้านจะได้ชัด จะได้เห็นหน้าค่าตานักประชาธิปไตยว่าจอมปลอมหรือแค่เปลือกนอก
    "อ่านข่าวนี้แล้ว ผมขำๆ มากกว่า สงสัยโดนดูดหนักขึ้น ก็เลยออกมาเบ่งกล้ามว่าไม่กลัว ไม่กระทบเสียงกระมัง!" นายสุริยะใสระบุ  
    ทั้งนี้ นายทักษิณให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่นว่า พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยรวมกันจะได้ที่นั่งในสภาผู้แทนมากกว่า 300 ที่นั่ง จากทั้งหมด 500 ที่นั่ง นี่คือเวลาที่ประชาชนจะหย่อนบัตรเลือกตั้งเพื่อขับไล่เผด็จการออกจากประเทศไทย” นายทักษิณกล่าวในโอกาสให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเกียวโดระหว่างเยือนฮ่องกง
      นอกจากนี้ นายทักษิณยังแสดงความมั่นใจว่าพรรคการเมืองของเขาจะคว้าชัยในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ เนื่องจากประชาชนเชื่อว่าพรรคของเขามีทางออกในการแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชนได้ ทั้งยังประกาศว่าพร้อมกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหากประชาชนเรียกร้อง
    อดีตนายกฯ ของไทยยังตอบข้อซักถามในประเด็นกลับมาสู้คดีในประเทศไทย โดยระบุว่า "ไทยยังไม่มีการใช้หลักนิติรัฐ ผู้พิพากษาสามารถเขียนกฎหมายเองได้ และระบบยุติธรรมก็ถูกแทรกแซงจากฝ่ายทหารในทุกขั้นตอน ในเมื่อไม่มีความยุติธรรม ทำไมต้องเข้ามอบตัวกับกระบวนการอยุติธรรม"
จตุพรปัดข่าวหนุนประยุทธ์
    ขณะที่นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ หรือ เป๊ปซี่ นักข่าวชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Sermsuk Kasitipradit ว่า เห่าหอนจากแดนไกล ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศมั่นใจหลังเลือกตั้งจะเป็นชัยชนะของพลังประชาธิปไตย ที่บ้านเมืองเดินหน้าไม่ได้ก็เพราะนักการเมืองอย่างมรึง ใช้อำนาจสุดๆ มีอำนาจยึดผลประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง รัฐธรรมนูญปี 2540 ที่เชื่อว่าดีที่สุดต้องถูกยกเลิก เพราะนักการเมืองอย่างมรึงเข้าไปล้วงควัก
    "ทำให้องค์กรอิสระที่จัดตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบการทำงานของฝ่ายการเมืองมีแต่คนของพวกมรึง สามหนาห้าห่วงคือความอัปยศที่เกิดขึ้นกับองค์กรอิสระ เข้าไปยึดวุฒิสภาเพื่อแต่งตั้งคนของพวกมรึงเข้าไปทำงานในองค์กรเหล่านี้ มีอำนาจก็หวังควบคุมกองทัพให้เด็ดขาด ให้นางแดะแดะนักโทษหนีคดีผลักดันแก้กฎหมายของกระทรวงกลาโหมหวังเข้ามาคุมการแต่งตั้งโยกย้ายกองทัพหวังกินรวบประเทศไทย สมัยมีอำนาจตั้งญาติสนิทเป็นผบ.ทบ.ไม่ต้องอายฟ้าดิน สันดานเยี่ยงนี้ ปชต.ประเทศไทยถึงเดินหน้าสะดุด เพราะนักการเมืองอย่างพวกมรึง ปากดีต่อสู้ในระบอบประชาธิปไตย โดนพรรคฝ่ายค้านตรวจสอบจนนำไปสู่การฟ้องร้องในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลตัดสินมีความผิดอ้างหน้าตาเฉยถูกรังแกไม่ได้รับความเป็นธรรม สันขวานจริงๆ" นายเสริมสุขระบุ 
    ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงว่า เมื่อสัปดาห์ก่อนตนแถลงกรณีปล่อยข่าวเรื่องจับมือนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ และอดีตพระพุทธะอิสระตั้งพรรคเพื่อชาติ วันนี้ต้องแถลงอีกครั้ง เพราะมีปฏิบัติการข่าว (ไอโอ) ว่าตนกับนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา จะนำพรรคเพื่อชาติไปสนับสนุนพรรคพลังประชาชารัฐ (พปชร.) สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งเป็นการกุข่าว 100% รู้ว่าใครทำและขอประณาม แต่อโหสิให้ เป็นการเอาความจริงไปผสมความเท็จ สร้างความรู้สึกให้กับผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลาย อยากบอกว่าปัจจุบันตนเป็นประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ไม่ใช่เป็นแนวร่วมประชาธิปไตยสนับสนุนเผด็จการแห่งชาติ 
    นายจตุพรกล่าวว่า ส่วนเรื่องข้อเสนอในการเปิดกว้างให้คนเห็นต่างในบ้านเมืองนี้ได้คุยกัน เพราะรัฐธรรมนูญฉบับของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ทำให้เกิดเรื่องได้ทุกเวลา ถ้าฝ่ายการเมือง ประชาชน และเผด็จการไม่คุยกันเพื่อหาทางออก แต่ไม่ได้หมายถึงจะให้แต่ละฝ่ายทั้ง กปปส. พันธมิตรฯ หรือคนที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลหรือเปลี่ยนจุดยืนทางการเมือง แค่ร่วมกันพูดคุยเพื่อให้ชาติพ้นวิกฤติ เพราะรัฐธรรมนูญออกแบบไว้ไม่ให้พรรคใดพรรคหนึ่งได้เสียงเกินครึ่งจะนายกฯ คนในหรือคนนอกก็มีเรื่องหมด
    “กรรมการต้องลาออกก่อนที่จะผันตัวมาเป็นผู้เล่นด้วย 4 รัฐมนตรีที่ยังไม่ลาออกจากตำแหน่งจะรออะไรอยู่ เป็นการตอกย้ำการเลือกตั้งที่อาจจะไม่สุจริต ซึ่งผมได้ยกประวัติศาสตร์ระหว่างจอมพล ป. กับนายพลผ้าขาวม้าแดงขึ้นมาแล้ว ว่าสุดท้ายแล้วเป็นอย่างไร ภายใต้แผ่นดินนี้จะออกมาสร้างสถานการณ์ความไม่สงบและการชุมนุมแบบเดิมจะเกิดขึ้นไม่ได้แล้ว เราจึงต้องเรียกร้องผู้มีอำนาจให้เสียสละเพื่อบ้านเมือง ท่านต้องมีสปิริต ไม่เช่นนั้นการเลือกตั้งจะเกิดวิกฤติ ซึ่งไม่อยากให้เกิดขึ้น ผมจึงชวนสู้ในกติกาที่เป็นธรรมและให้ประชาชนตัดสิน และทุกฝ่ายจะต้องน้อมรับ แต่ถ้าเลือกตั้งแล้วเหมือนปี 2500 ประวัติศาสตร์อธิบายว่าเมื่อเราเริ่มต้นอย่างไรก็จะจบลงแบบนั้น ดังนั้นขอย้ำว่าเราต้องช่วยกันอย่างให้เข้าเงื่อนไข" นายจตุพร กล่าว
    ส่วนกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ระบุว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคเครือข่ายจะได้เสียงข้างมากในสภา  นายจตุพรกล่าวว่า เป็นการแสดงความเห็นหรือประเมินเฉพาะตัวบุคคล การเลือกตั้งครั้งหน้ายังอีกยาวไกล อยู่ที่ประชาชนเป็นผู้กำหนด ซึ่งสิ่งที่อยากเห็นคือการเลือกตั้งที่เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ตนไม่ได้ครอบงำพรรคเพื่อชาติ แต่การเมืองในขณะนี้มีสองซีกคือฝ่ายประชาธิปไตยกับฝั่งเผด็จการ ซึ่งทุกอย่างอยู่ที่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน ส่วนพรรคการเมือง ในทางกฎหมายแล้วไม่สามารถเป็นนอมินีได้ ทุกพรรคต้องต่อสู้กันเต็มที่
พรรคเล็กประชุมคึกคัก
    ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาชาติ มายื่นเอกสารหลักฐานการขอจดจัดตั้งพรรคเพิ่มเติม ซึ่งได้ยื่นขอจดจัดตั้งพรรคไปตั้งแต่ 12 ก.ย.61 โดยขณะนี้เอกสารครบถ้วนแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็รอให้นายทะเบียนพรรคการเมืองพิจารณา คาดว่าภายในเดือน ต.ค. จะได้รับการอนุมัติจัดตั้งเป็นพรรคการเมือง หลังจากนั้นจะจัดประชุมใหญ่เพื่อดำเนินการ แต่ตั้งกรรมการสรรหาผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง เพื่อคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. ส่วนขั้นตอนการรับสมัครสมาชิกพรรคนั้น ได้แจกใบสมัครให้สมาชิกพรรคทั่วประเทศได้เตรียมความพร้อม หากได้รับการอนุมัติก็จะได้สมัครได้ทันที เพื่อไม่ให้กระชั้นชิด มั่นใจว่าหากจะมีการเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ.62 พรรคก็มีความพร้อมในการส่งผู้สมัครไว้ล่วงหน้าแล้ว ขณะนี้มีความพร้อมร้อยละ 80 อีก ร้อยละ 20 เป็นเรื่องทางขึ้นตอนทางกฎหมายที่จะมีการคลายล็อก     
    เมื่อถามว่า พรรคอื่นเริ่มชี้แจงสมาชิกพรรคแล้ว พรรคประชาชาติทำไมยังไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหว   นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า เพราะเราเคารพกฎหมาย เมื่อ กกต.บอกว่ายังหาเสียงไม่ได้ การรับสมาชิกก็เป็นการดำเนินการภายในไปก่อน ซึ่งก็ได้ดำเนินการนำนโยบายไปชี้แจงให้กับประชาชนในที่ต่างๆ แต่ไม่เอิกเกริก จนกระทั่งกลายเป็นที่เพ่งเล็งของกฎหมาย เราคำนึงถึงข้อนี้ แต่กิจกรรมของพรรคก็ทำมาตลอด   โดยในวันที่ 20 ต.ค. จะมีการประชุมผู้สมัครของพรรคในส่วนของภาคใต้ตอนล่าง และวันถัดไปก็จะมีการพบปะกับประชาชนในพื้นที่เป็นหมื่นคน แต่ยังไม่ถึงขั้นตอนหาเสียงเลือกตั้ง เพียงชี้แจงนโยบายให้ประชาชนรับทราบ
    ที่ห้องประชุมกรุงสยาม แกรนด์บอลรูม โรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส อ.เมืองฯ จ.ปทุมธานี พรรคเพื่อธรรมได้จัดให้มีการประชุมสมาชิกที่มีภูมิลำเนาในเขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานี เพื่อจัดตั้งสาขาพรรคเพื่อธรรม สาขาลำดับที่ 2 จ.ปทุมธานี (ภาคกลาง) เพื่อเป็นสาขาที่มีเขตพื้นที่รับผิดชอบในภาคกลาง 26 จังหวัด มีสมาชิกเข้าร่วมประชุมมากกว่า 150 คน โดยนายธวัชชัย ไทยเจียมอารีย์ เหรัญญิกพรรคเพื่อธรรม กล่าวว่า ขณะนี้พรรคเตรียมการที่จะจัดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2561 เพื่อเลือกคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรค ในวันที่ 5 พ.ย 61 เมื่อได้คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครแล้ว พรรคก็จะได้พิจารณาสมาชิกพรรคที่มีความพร้อมเพื่อเตรียมการส่งสมัครรับเลือกตั้ง ขณะเดียวกันก็ต้องรับสมัครสมาชิกเพิ่มเติม เพื่อให้ได้สมาชิกที่มีจำนวนเพียงพอต่อการจัดตั้งสาขา หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดให้ครบทุกจังหวัด 
    น.ส.ศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ รองเลขาธิการและโฆษกพรรคพลังพลเมืองไทย แถลงว่า วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคมนี้ เวลา 09.30 น. พรรคพลังพลเมืองไทยจะจัดการประชุมใหญ่สามัญ ครั้งที่ 2 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่ เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารเพิ่มเติม และเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 13/2561เพื่อพิจารณาผู้เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งมีจำนวนมากจากสมาชิกทั่วประเทศ จะเป็นพรรคแรกที่มีกรรมการสรรหาผู้สมัครตามกฎหมาย นอกจากนี้จะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของกรุงเทพมหานคร ที่เป็นผู้หญิงทั้งหมด และเป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความรู้ความสามารถ และมีความมุ่งมั่นทำงานรับใช้ประชาชน โดยพรรคตั้งใจจะส่งให้ครบทุกเขต และในขณะนี้ได้มีผู้สมัครเข้ามาเป็นจำนวนมาก 
    นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ว่าที่หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ใช้รถใช้ถนนจำนวนมากว่าอัตราโทษจับปรับตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522, พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 นั้น มีการแบ่งรายได้ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กทม. 50%, ให้รัฐบาลส่วนกลาง 2.5%, ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้จับกุม-ผู้สนับสนุนงานจราจร 47.5% ซึ่งเป็นรายได้มหาศาล กว่าปีละ 2-3 แสนล้านบาท/ปี รวมทั้งประเทศ ที่ทำให้ประชาชนผู้ใช้รถจำนวนกว่า 40 ล้านคนเดือดร้อน จึงมีความจำเป็นต้องทราบข้อมูลรอบด้านเพื่อประกอบข้อคิดเห็นจากทุกฝ่ายเพื่อปรับปรุงกฎหมาย จึงได้สอบถามไปยังพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อขอข้อมูล อาทิ ยอดรายรับ-รายจ่าย ค่าปรับตามความผิดจราจรทุกประเภทรายการแบ่งจ่ายรายได้ค่าปรับจราจรทุกประเภท รายรับที่ได้รับการจัดสรรจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติของสถานีตำรวจนครบาล ปทุมวัน-มีนบุรี     
ชง คสช.เปิดทางรับบริจาค  
    ที่สำนักงาน กกต. พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. เปิดเผยถึงการเปิดรับลงทะเบียนองค์กรที่มีสิทธิแนะนำชื่อบุคคลเพื่อสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โดยได้กำหนดให้สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดทั่วประเทศเปิดรับลงทะเบียนองค์กรระหว่างวันที่ 15-24 ต.ค.2561 ซึ่งปรากฏว่า ในช่วง 4 วันที่ผ่านมา มีผู้แทนองค์กรมาลงทะเบียนองค์กร จำนวน 29 องค์กร จาก 14 จังหวัดทั่วประเทศ กทม.มากที่สุด 10 องค์กร รองลงมาคือ พัทลุง ศรีสะเกษ 3 องค์กร,  สระแก้ว นนทบุรี 2 องค์กร, พิษณุโลก ลำปาง หนองคาย นครปฐม ร้อยเอ็ด ปทุมธานี ตราด ตรัง และกาญจนบุรี จังหวัดละ 1 องค์กร
    สำหรับองค์กรที่มีสิทธิลงทะเบียน ประกอบด้วย องค์กรที่กฎหมายจัดตั้ง เช่น สภาทนายความ แพทยสภา อัยการ องค์กรของรัฐต่างๆ เป็นต้น และองค์กรที่เป็นนิติบุคคล เช่น สมาคม มูลนิธิ เป็นต้น โดย กกต.เปิดรับลงทะเบียนไม่เว้นวันหยุดราชการ ซึ่งหากพ้นกำหนดแล้วองค์กรที่ไม่ยื่นลงทะเบียนก็ไม่สามารถส่งผู้สมัคร ส.ว.ได้ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ทุกองค์กรมาลงทะเบียน โดยทาง กกต.จะเร่งประชาสัมพันธ์ให้รับทราบโดยทั่วถึง
    ส่วนที่มีองค์กรมาลงทะเบียนน้อย จะง่ายต่อการฮั้วหรือไม่ เลขาฯ กกต.กล่าวว่า ไม่ห่วงในเรื่องนี้ เพราะกฎหมายกำหนดมาตรการป้องกันการฮั้วอยู่แล้ว โดยคนที่มีคะแนนไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ 4 คนจะให้เลือกใหม่ โดยคนที่ไม่มีคะแนนเลยจะไม่มีสิทธิเลือก นอกจากนี้ยังมีผู้สมัครอิสระที่จะมาสมัครในอนาคตด้วย จึงเชื่อว่าจำนวนผู้สมัครไม่น่าจะน้อย เพราะหน้าที่ ส.ว.ครั้งนี้มีความสำคัญ เนื่องจาก ส.ว.ทั้ง 250 คนร่วมโหวตนายกฯ ด้วย
    พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวด้วยว่า สัปดาห์หน้า สำนักงาน กกต.จะเสนอที่ประชุม กกต.พิจารณาเรื่องการบริจาค ระดมทุนของพรรคการเมือง ว่าอะไรบ้างที่ควรเปิดให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมให้ถูกต้อง จะได้ไม่ติดขัดเรื่องข้อกฎหมาย โดยอาจเสนอไปยัง คสช.ให้เป็นข้อยกเว้นหรือไม่ เพราะบางกิจกรรมที่มีความจำเป็นต้องเปิดให้ทำได้ เพื่อการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งที่สุจริต เที่ยงธรรม ทั้งนี้ ได้ทราบจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ว่ากำลังเตรียมการเรื่องที่ คสช.จะพบกับพรรคการเมือง แม่น้ำห้าสายรวมถึง กกต. ตามข้อ 8 ในคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 อยู่ แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ซึ่งส่วนตัวอยากให้เกิดขึ้นโดยเร็ว จะได้มีความชัดเจนในเรื่องการปฏิบัติของพรรคการเมือง
    ที่ห้องรับรอง VIP มูลนิธิพลเอกเปรมฯ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย กกต. พร้อมที่ปรึกษา เดินทางไปร่วมประชุมหารือซักซ้อมเตรียมการการเลือกตั้ง ส.ว.จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าฯนครราชสีมา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยนายธวัชชัยกล่าวว่า ทุกคนจะต้องมาช่วยกันดูว่าการเลือก ส.ว.ครั้งนี้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม เที่ยงธรรมหรือไม่ และเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ฉะนั้นอย่าไปคิดว่าอันนี้ประชาชนไม่เกี่ยว ไม่ต้องยุ่งได้ไหม จริงๆ แล้วไม่ได้ เพราะท่านเป็นผู้มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง และช่วยทำให้การเลือก ส.ว.ครั้งนี้เป็นไปด้วยความสุจริต  อย่าให้เกิดการทุจริตหรือการฮั้วกันในการเลือกโดยเด็ดขาด เพราะตอนนี้กำลังปฏิรูปประเทศ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
    "องค์กรต่างๆ หรือผู้สมัครต่างๆ ขณะนี้จากยอด 3-4 วันที่ผ่านมา ปรากฏว่าทั่วประเทศทีเพียง 15 องค์กรเท่านั้น ดูแล้วยังน้อยมาก ถือว่าน้อยมากๆ ส่วนเรื่องจะมีการล็อบบี้หรือการฮั้วเกิดขึ้นนั้น ตรงนี้เราก็ระวังอยู่ อยากจะเชิญชวนพี่น้องประชาชนช่วยไปดูด้วย ถ้ามีการฮั้วหรือล็อบบี้อะไรกัน ช่วยบอกเราด้วย เพื่อจะได้จัดการเลย ถ้าเกิดการทุจริต เราก็ดำเนินการตามกฎหมายทันทีเลย ฉะนั้นความสำเร็จอยู่ที่ประชาชนต้องมาช่วยกันเป็นหูเป็นตา" นายธวัชชัย กล่าว. 
          
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"