ระบอบทักษิณรุ่นลูก ทายาทเจ๊เบียบนั่งหัวหน้าทษช.-เครือข่ายฯตบเท้ามาเพียบ


เพิ่มเพื่อน    


    “ประยุทธ์-ประวิตร” ย้ำมีเลือกตั้งแน่ ปลดล็อกวันคุยพรรคการเมืองทันทีหากไม่งอแง ไทยรักษาชาติเปิดตัวลูกท่านหลานเธอเครือข่าย “แม้ว-แดง-ปู”   ตบเท้ามาเป็นแถว ลูกเจ๊เบียบ “ร.ท.ปรีชาพล” ผงาดหัวหน้า ลูกยุทธ ตู้เย็น เลขาธิการพรรค ฟุ้งไม่ได้มาเล่นๆ   พร้อมส่งคนรุ่นใหม่ลงทุกสนาม ไม่มีฮั้ว ตั้งเป้าปาร์ตี้ลิสต์ 30-40 ที่ เด็กหญิงหน่อยแซะมีแต่คนหล่อ-รวย แต่ไม่รู้ว่าเข้าใจหน้าที่ ส.ส.ไหม “หนูนา” ลั่นปริศนานันทกุลเป็นเหมือนครอบครัว หวัง 2 ทายาทเฮียตืออยู่ ชทพ.ต่อ สามมิตรได้ฤกษ์ซบ พปชร. 18 พ.ย.   
เมื่อวันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวกับประชาชนในการลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ตอนหนึ่งว่า เป็นอดีตทหารกว่า 40 ปี วันนี้แม้มาเป็นนายกฯ ก็ยังมีจิตสำนึกที่ดีของทหารอยู่ ส่วนการทำการเมืองก็เป็นอีกเนื่องหนึ่ง ดังนั้นทำไมเราไม่ทำการเมืองให้โปร่งใส ให้สะอาดและมีประสิทธิภาพ ถ้ามุ่งเน้นเรื่องการเลือกตั้งอย่างเดียวตามกระแสก็คงไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรเราก็ต้องเลือกตั้ง ยืนยันว่าต้องเลือกตั้งแน่นอน ใครจะพูดอะไรก็แล้วแต่ ก็เป็นเรื่องของเขา 
    พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวเช่นกันว่า การเลือกตั้งไม่เลื่อน ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) ในเรื่องการสั่งการจากคนนอกพรรคนั้น ไม่ทราบ เป็นเรื่องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณา
“สถานการณ์ขณะนี้ไม่น่าห่วง แต่ทุกคนก็ต้องเฝ้าติดตามเพื่อให้เกิดการเลือกตั้ง หากไม่มีการเคลื่อนไหวหรือสู้รบกัน ก็เลือกตั้งตามปกติ ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มใต้ดิน เราก็ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบเช่นกัน” พล.อ.ประวิตรกล่าว และว่า ส่วนกรณีรัฐมนตรีที่สังกัดพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะลาออกเมื่อใดนั้น หลัง กกต.ประกาศรับรองพรรคแล้วนั้น ต้องไปถามรัฐมนตรีเหล่านั้น แต่นายกฯ ระบุแล้วว่าไม่ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะอีก 2-3 เดือนจะเลือกตั้งแล้ว และนายกฯ ไม่เคยมาปรึกษากรณีจะลงเล่นการเมือง และไม่เคยให้คำแนะนำเช่นกัน ส่วนใหญ่คุยเรื่องงาน
    เมื่อถามถึงความชัดเจนปลดล็อกทางการเมือง พล.อ.ประวิตรย้ำว่า ชัดเจนอยู่แล้ว เมื่อครบ 90 วัน ปลดล็อกทันที แต่ต้องดูวันเหมาะสม ซึ่งจะเรียกพรรคการเมืองมาคุย แล้วจะปลดล็อกวันนั้นทันที แต่ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องก็ยังไม่ปลดล็อก
สำหรับการดำเนินการกับผู้อยู่เบื้องหลังแจกปฏิทินนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2 อดีตนายกฯ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบแล้ว ถ้าผิดหรือสร้างความแตกแยก ความไม่พอใจก็ว่าไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องไปสอบสวนดู ส่วนจะแจกได้หรือไม่นั้นยังไม่ทราบ ถ้าแจกได้ เจ้าหน้าที่คงไม่ตามไปเก็บ ต้องให้เจ้าหน้าที่ดูก่อนและรายงานมา
แนะตรวจเส้นทางเงิน
    ด้านนายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวโพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “อะไรที่อยู่ภายใต้ปฏิทิน นักโทษหนีคดี” ว่าสะท้อนการเคลื่อนไหวของทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ยังมีตลอดเวลาไม่จบ และมีผู้พร้อมให้การสนับสนุน จึงต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ส่งเข้ามา รวมทั้งสังคมไทยต้องตอบให้ได้ว่าเป็นนักโทษแล้วยังสามารถทำกิจกรรมอะไรก็ได้ และเป็นเรื่องที่ยอมรับได้จริงหรือไม่
“ไม่ใช่เรื่องที่เยาะเย้ยว่ากลัวปฏิทิน แต่สำคัญที่ว่าเราแยกแยะ ชั่ว-ดี สนับสนุน-ไม่สนับสนุน คนทำผิดกันได้แล้วหรือยัง พูดกันให้ชัดอย่ามัวอ้ำอึ้งว่าจะผิดถูกหรือไม่ หมดเวลาเกรงใจคนโกงบ้านเผาเมืองแล้ว”
พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงกรณีการตั้งพรรคใหม่เพื่อเป็นสาขาพรรคเพื่อไทยในการสู้ศึกเลือกตั้งว่า ไม่ทราบ ต้องไปถามพรรคเพื่อไทยว่าจะเสียเปรียบได้เปรียบหรือไม่ ต้องไปถามคนวางแผน เพราะตั้งมา 4 พรรค จะไปอยู่ทุกพรรคก็ไม่ได้ ต้องเลือกพรรคใดพรรคหนึ่ง
    วันเดียวกัน พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ได้มีการประชุมเพื่อคัดเลือกผู้บริหารพรรค โดยผลการคัดเลือก ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช บุตรชายนายเสริมศักดิ์ และนางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช เป็นหัวหน้าพรรค, นายฤภพ ชินวัตร น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร นายพฤฒิชัย วิริยะโรจน์ และ นพ.พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล เป็นรองหัวหน้าพรรค, นายมิตติ ติยะไพรัช เป็นเลขาธิการพรรค, นายต้น ณ ระนอง นายวิม รุ่งวัฒนจินดา และนายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ เป็นรองเลขาธิการพรรค ขณะที่ น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ เป็นนายทะเบียนสมาชิกพรรค, นายพงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ เป็นโฆษกพรรค และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ เป็นเหรัญญิกพรรค
    ร.ท.ปรีชาพลกล่าวกับสมาชิกหลังได้รับการรับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคว่า ในวันที่ 19 พ.ย.จะประชุมกรรมการ เตรียมการวางกรอบแนวความคิดพรรคไปเสนอต่อประชาชน โดยจะรวบรวมความคิดคนรุ่นใหม่ และคนทุกรุ่นเติมเต็มให้สังคม จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และขอให้สัญญาว่าจะเดินไปพร้อมกัน จับมือกัน ไม่ทิ้งกัน เพราะโลกก้าวไกล ไทยต้องก้าวทัน  
    ร.ท.ปรีชาพลให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ทษช.เป็นการผสมผสานของคนทุกรุ่นที่เห็นตรงกันว่าประเทศไทยรอไม่ได้แล้ว โดยจะนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ เชื่อว่าจะทำนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชน และสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ไปสู่ทิศทางที่ดีได้ 
    เมื่อถามว่า จะตอบสังคมอย่างไร เพราะเครือญาติผู้บริหารพรรคส่วนหนึ่งอยู่กับพรรคเพื่อไทย ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า ถือเป็นสิทธิถามรัฐธรรมนูญ ที่ไปอยู่พรรคการเมืองใดก็ได้ ยืนยันว่า ทษช.มีความคิดและอุดมการณ์ของตัวเอง ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่า ทษช. เป็นพรรคลูกของพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่ดี การเดินออกจาก พท. ไม่ใช่ความขัดแย้ง แต่ ทษช.เป็นการหลอมรวมคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเติมเต็มสิ่งที่ประเทศขาดหาย พท.ก็ทำสิ่งดีๆ ให้ประชาชน แต่ ทษช.ก็จะนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาประเทศ 
โอ่ไม่ฮั้วเพื่อไทยแน่
    “ที่ตั้งข้อสังเกตว่าเราจะฮั้วกับเพื่อไทย คำว่าฮั้วใช้กับธุรกิจ ผมไม่เชื่อว่ามีการฮั้วในทางการเมือง เพราะธุรกิจเป็นเรื่องของคน 2-3 คน แต่การเมืองนั้นเป็นเรื่องของประชาชน เราจะหาสมาชิกและผู้สมัครพร้อมส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งให้ได้มากที่สุด และเมื่อลงสนามเลือกตั้งแล้วคงไม่มีการแบ่งคะแนนกัน ผมว่าไม่มีการฮั้วแน่นอน เพราะคนที่ลงคะแนนคือประชาชน” ร.ท.ปรีชาพลกล่าว และว่า ตั้งเป้าต้องการทั้ง ส.ส.เขตและแบบบัญชีรายชื่อ โดยจะส่งให้มากที่สุด 
ร.ท.ปรีชาพลยังกล่าวถึงการตั้งข้อสังเกตอักษรย่อของพรรคคล้ายตัวย่อชื่อ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่าเป็นเรื่องนานาจิตตัง ทษช. หมายถึงการรวมกันเพื่อเป็นหนึ่งของคนไทย เพื่อปกป้องรักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เรื่องตัวย่อของพรรคไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด แต่อยู่ที่อุดมการณ์และหลักการ รวมถึงแนวทางการทำงานของพรรค 
    เมื่อถามว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร ได้ติดต่อเข้าพรรคหรือไม่ ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อ แต่คนของพรรคเพื่อไทยก็พูดคุยกันบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องการตัดสินใจของแต่ละคน ขอให้ติดตามอีกสักพักหนึ่ง เพราะก่อนวันที่ 26 พ.ย. ทุกคนต้องเลือกเข้าสังกัดพรรคที่ต้องการแล้ว 
    “วันนี้ ทษช.พร้อมคุยกับทุกฝ่าย แต่พร้อมทำงานกับฝ่ายประชาธิปไตย เพราะสังคมประชาธิปไตยมีความสวยงามที่ยอมรับความแตกต่าง เราพร้อมทำงานร่วมฝ่ายที่สนับสนุนประชาธิปไตยเท่านั้น” ร.ท.ปรีชาพลย้ำ 
    นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รองหัวหน้าพรรค ทษช.กล่าวว่า พรรคจะเริ่มพิจารณาผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยเน้นคนรุ่นใหม่ และจะส่งมากกว่า 100 เขตขึ้นไป โดยหลังวันที่ 19 พ.ย.จะขับเคลื่อนทางการเมืองมากขึ้น   
    นายมิตติ บุตรชายนางยงยุทธ ติยะไพรัช ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติ (พช.) เลขาธิการพรรค ทษช. กล่าวว่า ได้พูดคุยกับพ่อเรียบร้อย ซึ่งท่านก็เห็นว่าเหมาะสม แต่การที่อยู่คนละพรรคกับพ่อนั้น ต่างคนต่างมีแนวคิดเป็นของตัวเอง แต่เรามีจุดยืนเดียวกัน คือยึดมั่นในระบบประชาธิปไตย และตั้งใจ ไม่ได้เข้ามาเล่นๆ 
    น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ กล่าวถึงการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นลูกหลานตระกูลชินวัตร ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เคยบอกว่าทำดีเท่าตัว ดังนั้นต้องพยายามทำให้มากกว่าคนอื่น ก็หวังที่จะเข้ามาทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ และหวังว่าจะไม่ถูกใช้อำนาจรัฐดำเนินคดีแบบสองมาตรฐานเหมือนคนในครอบครัวที่ผ่านมา
    รายงานข่าวจาก ทษช.เผยว่า การตั้งพรรคดังกล่าว เนื่องจากรัฐธรรมนูญเอื้อให้พรรคขนาดเล็ก รวมทั้งกระแสข่าวยุบพรรคเพื่อไทย โดยทั้งเพื่อไทยและไทยรักษาชาติเน้น ส.ส.บัญชีรายชื่อประมาณ 30-40 ที่นั่ง โดยจะทำงานควบคู่กัน ส่วนเรื่องผู้สมัครรับเลือกตั้งจะพยายามดูไม่ให้ชนกับพรรคเพื่อไทย
       รายงานข่าวแจ้งอีกว่า นายคชาภา ตันเจริญ บุตรชายนายสุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานรัฐสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนสนิทนายพานทองแท้ เดินทางมาร่วมงานด้วย ซึ่งนายพานทองแท้ที่เป็นกองเชียร์ ทษช. ได้ร้องขอให้นายคชาภาเข้ามาช่วยงานสร้างคะแนนเสียงในกลุ่มคนข้ามเพศ (LGBT) 
เด็กหญิงหน่อยแซะ
    ด้านนายวัฒนา เซ่งไพเราะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย และหนึ่งใน ส.ส.คนสนิทคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์  ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง กล่าวในเรื่องนี้ว่า กติกาทำให้พรรคต้องแตกกันโดยชอบตามรัฐธรรมนูญ  แต่อยากให้สื่อเมื่อเจอหน้านักการเมืองรุ่นใหม่ ไปสอบถามนักการเมืองรุ่นใหม่ว่ารู้หรือไม่ว่า ส.ส.ในสภาทำหน้าที่อะไรบ้าง การไปนำเด็กรุ่นใหม่มา โดยไม่คำนึงถึงว่าเด็กพวกนี้จะทำงานในสภา ทำหน้าที่ ส.ส. กลั่นกรองกฎหมายได้หรือไม่ ไม่ใช่เอาแต่คนหน้าตา หล่อเหลา รวยๆ ไป สมมุติบริษัทบริษัทหนึ่งอยากได้คนเก่งบัญชีไปทำงานด้วย แต่ไปเอาคนหน้าตาหล่อไป แต่ทำบัญชีไม่เป็น อย่างนี้บริษัทไม่เจ๊งหรือ
    “คนรุ่นใหม่ในพรรคการเมืองมีได้ แต่ควรให้ไปดู ช่วยคิดนโยบายก่อน เมื่อพรรคได้เป็นรัฐบาล ค่อยผลักดันให้ไปช่วยงานบริหารพรรคการเมือง มีคนรุ่นใหม่ได้ ยิ่งจบกฎหมาย จบเนติบัญญัติยิ่งดีเลย ไม่ใช่ใครก็ได้หล่อ ลูกหลาน หน้าตาดี เพื่อจะเอามือเขามาโหวตให้เป็นรัฐบาล เลยทำให้คนกลุ่มหนึ่ง พวกที่เป็นข้าราชการผู้ใหญ่ดูแคลน สภาผู้แทนราษฎรว่า กระจอก ทุเรศ มีแต่คนไม่มีคุณภาพ จะหาคนมาเป็น ส.ส. ต้องตระหนักถึงหน้าที่วันข้างหน้าที่เขาจะไปทำด้วย วันนี้เห็นแล้ว ว้าเหว่ ดูแล้วกลุ้มใจ ที่พูดคือมองในภาพรวม ไม่ได้บอกถึงพรรคใดพรรคหนึ่ง” นายวัฒนากล่าว
    นายวัฒนายังวิเคราะห์ถึงกรณีคนที่ออกจากพรรคเพื่อไทยว่า ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องพื้นที่ ส่วนกระแสข่าวน้อยใจคุณหญิงสุดารัตน์ที่ไม่เรียกประชุมวงยุทธศาสตร์เลือกตั้งนั้น ยอมรับว่าบรรยากาศแบบนี้คุณหญิงอาจเผลอไปบ้าง เพราะแกนนำบางคนมีข่าวออกมาตลอดจะไปอยู่พรรคเพื่อธรรม เพื่อชาติ เลยไม่ถูกเชิญให้เข้ามาร่วมประชุม คนไม่ถูกเชิญอาจรู้สึกน้อยใจ ก็เป็นได้ แม้แต่ภาค กทม.ทุกวันนี้ ยังไม่มีการประชุมกัน ภาค กทม.บางส่วนก็แอบน้อยใจคุณหญิง 
“เมื่อดูจากงานที่คุณหญิงทำ ก็เข้าใจได้ เห็นไปทั้งอีสาน ประชุมร่วมกับตะวันออก เดี๋ยวก็ไปโคราช ซึ่งการที่คุณหญิงสุดารัตน์เข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ มารับภาระหนักและเสี่ยงมาก น่าเห็นใจคุณหญิง ใครที่อยู่ในบรรยากาศแบบนี้ ควรเห็นใจซึ่งกันและกัน จะมาโทษท่านไม่ได้ ถ้าจะโทษต้องโทษรัฐธรรมนูญ ที่เขียนออกมาแบบนี้ ทำให้พรรคต้องทำแบบนี้ ภาวะแบบนี้ทุกคนมีหน้าที่อะไร ควรไปทำหน้าที่ของตัวเองก่อน” นายวัฒนากล่าว
    ส่วนความเคลื่อนไหวของชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) โดยเฉพาะกรณีนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตแกนนำพรรคชาติไทยโพสต์ เฟซบุ๊กอำลาพรรคในช่วงค่ำวันอังคารนั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า จะเดินทางไปกราบลารูปนายบรรหาร ศิลปอาชา และเก็บของที่พรรค ชทพ.ในวันและโอกาสที่เหมาะสม ส่วนการโพสต์นั้น เมื่อมีสถานะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ก็เกรงว่าหากเข้าไปเกี่ยวข้อง ยุ่มย่าม จะนำไปสู่การถูกร้องให้ยุบพรรค ชทพ.ได้ เหมือนกรณีพรรคเพื่อไทย จึงไม่อยากให้พรรคเดือดร้อน จึงตัดสินออกมาและใช้ชีวิตกับครอบครัวที่ จ.อ่างทอง
    “ส่วนทิศทางทางการเมืองของนายภราดรและนายกรวีร์นั้น ให้สิทธิบุตรชายเป็นคนตัดสินใจอนาคตและความต้องการทางการเมืองของตนเอง” นายสมศักดิ์กล่าว
นายภราดร ปริศนานันทกุล อดีต ส.ส.อ่างทอง ชทพ. กล่าวว่า ขอปรึกษากับครอบครัว รวมถึงนายกรวีร์ น้องชายอีกครั้งในวันที่ 9 พ.ย.นี้ แต่ยอมรับว่าสถานะในพรรคอึดอัด ตั้งแต่การปรับเปลี่ยนโครงสร้างชุดใหม่ของพรรค โดยวันนี้พูดได้ว่ายังเป็นสมาชิกพรรค ชทพ.อยู่ แต่วันพรุ่งนี้คำยืนยันอาจเปลี่ยน แต่การตัดสินใจจะอยู่บนฐานของการทำงานเป็นหลัก
หวังปริศนานันทกุลยังอยู่
    ด้าน น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ชทพ.กล่าวว่า นายสมศักดิ์ถือเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขและจิตวิญญาณของพรรค ซึ่งการตัดสินใจเช่นนี้คิดว่าเพื่อต้องการให้พรรคอยู่รอดปลอดภัย โดยเฉพาะจากกรณียุบพรรค ซึ่งท่านเห็นแก่ส่วนรวม แม้ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคแล้ว แต่นายสมศักดิ์กับครอบครัวศิลปอาชาเป็นมากยิ่งกว่านักการเมืองร่วมพรรค เพราะเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน 
    “ยังไม่ได้หารือส่วนตัวกับนายสมศักดิ์ ได้อ่านเฉพาะเฟซบุ๊ก ส่วนอนาคตทางการเมืองของนายภราดรและนายกรวีร์นั้น ก็ยังไม่ทราบถึงท่าทีว่าจะตัดสินใจอย่างไร เพราะยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่ทุกคนในพรรคยังต้องการให้ทั้งสองคนอยู่กับพรรคต่อไป ซึ่งการตัดสินใจของท่านสมศักดิ์ไม่เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างพรรค เพราะทุกพรรคการเมืองก็มีทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ จะมีแต่รุ่นใหม่คงเป็นไปไม่ได้” น.ส.กัญจนากล่าว           
    ขณะเดียว ชทพ.มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ครั้งที่ 3/2561 และมีมติแต่งตั้งประธานคณะกรรมการตามข้อบังคับพรรค  5 คณะ ผู้อำนวยการพรรค และที่ปรึกษาพรรค 3 คน คือ 1.นายธีระ วงศ์สมุทร 2.พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และ 3.นายบัณฑูร สุภัควณิช 
    นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร กล่าวว่า กกต.ได้ประกาศรับรองพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แล้ว กลุ่มสามมิตรจะนำสมาชิกทั้งหมดเข้าร่วมงานกับ พปชร.อย่างเป็นทางการในวันที่ 18 พ.ย.นี้
    ที่สำนักงาน กกต. ได้มีการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญต่างๆ ทั้งกรณีการเลือกตั้ง  ส.ส. และการคัดเลือก ส.ว. โดยนายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณี กกต.ตัดสิทธิ์ 40 องค์กรไม่มีสิทธิ์แนะนำชื่อบุคคลเพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ว. และในจำนวนนั้น 23 องค์กรเป็นสหกรณ์ ว่าประกาศที่ออกไปนั้นเป็นการเห็นชอบของ กกต. ตามที่สำนักงานเสนอเป็นเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงการเปิดให้องค์กรที่ถูกตัดสิทธิ์ไม่ได้รับการประกาศรายชื่อยื่นคัดค้าน โดยการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ของ กกต.จะมีในช่วงสัปดาห์หน้า และจะเสร็จทันก่อนเปิดรับสมัคร ส.ว.ปลายเดือน พ.ย.แน่นอน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"