ระหว่าง “คนแก่” กับ (เด็กๆ) “คนรุ่นใหม่”


เพิ่มเพื่อน    

                                                           (1)                               

                เห็นพวกเด็กๆ...หรือประดา คนรุ่นใหม่ เขาออกมาเปิดตัว เปิดโฉม ในพรรคการเมืองแต่ละพรรคช่วงนี้ ก็ออกจะเป็นอะไรที่ก่อให้เกิดสีสัน บรรยากาศ คึกๆ คักๆ สดๆ ซิงๆ ตามสมควร แม้บางพรรค อาจต้องปวดเศียร เวียนเกล้า กับการเถียงกันไป-เถียงกันมาแบบเด็กๆ หรือระหว่างเด็กประเภท เชียร์โอตะ กับ ไม่เชียร์โอตะ อะไรประมาณนั้น แต่ก็ต้องถือว่า...ยังดีกว่าการเถียงกันในเรื่องไม่เป็นโล้ เป็นพาย อีกหลายต่อหลายเรื่อง ตามประสาพวกเด็กๆ เขา...

                                                       (2)

                แต่ด้วยความคึกๆ คักๆ ของพวกเด็กๆ นี่เอง...ที่ทำให้อดเหลียวมามอง คนแก่ อย่างประเภท อันตัวข้าพเจ้าเอง ขึ้นมามิได้ คือประเภทจัดอยู่ในระดับ 60 ขึ้นทั้งหลาย หรือจัดอยู่ในกลุ่ม ผู้สูงอายุ อย่างเป็นทางการ ที่นับวันออกจะมีจำนวน ปริมาณ มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และอาจต้องกลายเป็น ภาระ ของพวกเด็กๆ เขา โดยเฉพาะถ้าหากเด็กบางราย เขามีโอกาสผงาดขึ้นมาเป็น นายกรัฐมนตรี ตามที่ใครต่อใคร ออกแรงกระตุ้น ออกแรงเชียร์ กันแบบจริงๆ จังๆ บรรดาคนแก่อย่างเราๆ ทั้งหลาย จะต้องกลายเป็นตัวถ่วง ตัวรั้ง เป็นอุปสรรค ขัดขวาง สิ่งที่เขาคิด เขาหวัง ไปด้วยหรือไม่???

                                                      (3)

                คือความเป็น คนแก่ ในยุคนี้ สมัยนี้...คงต้องยอมรับว่า มันเต็มไปด้วย ภาระ ที่จะต้องให้แก้ ให้ต้องหาทางเยียวยา กันเป็นจำนวนมิใช่น้อย เรียกว่า...ไม่ใช่แค่ความเหงาๆ หงอยๆ เหี่ยวๆ แห้งๆ แต่เพียงเท่านั้น ที่ต้องเผชิญหน้าไปตามประสาแก่ๆ แต่ด้วยเหตุเพราะบรรดา ผู้ที่แก่กว่า แต่ก็ยังไม่คิดจะจากโลกนี้ไปซักกะที ก็ดันมีจำนวน ปริมาณ เพิ่มขึ้นๆ ตามไปด้วย คือประเภทอายุ อานาม ปาเข้าไปประมาณ 80-90 ปี หรือหวิดๆ จะร่วม 100 ซึ่งมีฐานะเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นบิดาบังเกิดเกล้า มารดาบังเกิดเกล้า ของบรรดาผู้ที่มีอายุประมาณ 60 กว่าปีทั้งหลาย...นั่นแล...

                                                       (4)

                ภาพของคนแก่...อายุราวๆ 60 ขึ้นในแต่ละราย ที่ต้องคอยกระเตงผู้ที่แก่กว่า ราวๆ 80-90 ปี ไปตรวจเลือด เช็กเลือด วัดความดัน เปลี่ยนสายน้ำเกลือ สายปัสสาวะ ฯลฯ ที่โรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลราษฎร์ นั่งเข้าคิวกันหน้าสลอน ตั้งแต่เช้า ไปจนเที่ยง จนบ่าย ด้วยเหตุเพราะบรรดาเด็กๆ ระดับ 18-19 หรือ 20-30 ปี เขาไม่เอาแล้ว!!! หรือไม่มีศักยภาพ ไม่มีขีดจำกัดมากพอที่จะรับมือกับคุณปู่ คุณย่า คุณทวด คุณชวด ฯลฯ จะด้วยเหตุเพราะพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง หรือเพราะสายใยความเป็นครอบครัวสมัยใหม่ มันทำให้ต้องเหิน ต้องห่าง กันไปโดยปริยายก็แล้วแต่ อย่างมากที่สุด...แค่วานให้เขานั่งเฝ้า นอนเฝ้า ซัก 10 นาที 20 นาที ก็ถือเป็น บุญคุณ พอสมควรแล้ว...

                                                       (5)

                หรือพูดง่ายๆ ว่า...ภาระของคนแก่ยุคนี้ ไม่ใช่แค่เฉพาะ การดูแลตัวเอง เท่านั้น แต่ยังต้อง ดูแลคนแก่ด้วยกันเอง แบบชนิดไม่ใครก็ใครอาจต้องตายไปข้าง ระหว่างการดู การแล นี่แหละ ยิ่งบรรดา ผู้ที่แก่กว่า หรือประเภท 80-90 ทั้งหลาย ท่านไม่ใช่แค่ ยิ่งแก่-ยิ่งดื้อ เท่านั้น แต่อาจถึงขั้น คุยไม่รู้เรื่อง ถามช้าง-ออกม้า ถามวัว-ออกควาย ด้วยเหตุเพราะอาการอัลไซเมอร์ หรืออาการใดๆ ก็แล้วแต่ ยิ่งส่งผลให้บรรดาเด็กๆ ทั้งหลาย เขายิ่ง ไม่เอาแล้ว หนักขึ้นไปใหญ่ บรรดา ภาระ ทั้งหลาย มันเลยตกอยู่กับผู้ที่แก่แล้ว แต่ยังไม่แก่เลย คือบรรดาพ่อๆ-แม่ๆ ของพวกเด็กๆ ที่ต้องคอยดูแลพ่อๆ-แม่ๆ ของตัวเอง ที่ยังไม่คิดจะตาย หรือยังไม่ถึงเวลาตาย กันไปตาม หน้าที่ หรือตามมาตรฐานความรับผิดชอบแห่งความเป็นมนุษย์นั่นเอง ไม่ว่าจะเรียกขานกันในนาม ความกตัญญู รู้คุณ ความตระหนัก สำนึก ถึงคุณค่า คุณประโยชน์ ของสิ่งที่เคยเป็นมาแต่ครั้งอดีต ฯลฯ ก็แล้วแต่จะว่ากันไป...

                                                      (6)

                ซึ่งบรรดามาตรฐานทั้งหลาย ทั้งปวง ที่ว่านี้...คงต้องยอมรับว่า นับวันมันค่อยๆ เสื่อมค่าลงไปตามทัศนคติ ตามความเป็นไปในสังคมยุคใหม่ อย่างมิอาจปฏิเสธได้ ไม่งั้น...ผู้ที่เกิด ผู้ที่เติบโต ขึ้นมาบนเนื้อดิน แผ่นดิน ของมาตุภูมิทั้งหลาย มันคงไม่ออกมาด่า ออกมาแรป ถึง ประเทศเหี้ย หรือ ประเทศ คอ-วอ-ยอ ชนิดใครต่อใครตามไป วิว กันเป็นสิบล้าน ยี่สิบล้าน อยู่แล้วแน่ๆ และด้วยมาตรฐานที่มันค่อยๆ เสื่อมค่า เสื่อมราคา ลงไปเช่นนี้นี่เอง เลยยิ่งทำให้ ภาระ ของคนแก่ ยิ่งเพิ่มตามหนักขึ้นไปอีก จนอดไม่ได้ที่จะหวาดหวั่น หวาดเสียว อยู่พอสมควร ถ้าหากพวก เด็กๆ เขาดันผงาดขึ้นมาเป็น นายกรัฐมนตรี ตามที่ใครต่อใครออกแรงกระตุ้น ออกแรงเชียร์ เขาเอาไว้...

                                                       (7)

                ด้วยเหตุนี้...บรรดาคนแก่ๆ ทั้งหลาย คงต้องเริ่มคิดๆ เอาไว้มั่ง ว่าถ้าหากพวกเด็กๆ เขามาแรง แซงโค้ง ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนอาจขึ้นมามีอำนาจ มีบทบาท ในการบริหาร จัดการ บ้านเมือง ได้อย่างเป็นน้ำ เป็นเนื้อ บรรดา ภาระ ต่างๆ ของคนแก่นั้น จะหาทางรับมือกันอย่างไร จะด้วยการหันมาดูแลกันเอง หรือด้วยการหันไปพร่ำบ่น พร่ำสอน ถึงคุณค่ามาตรฐานต่างๆ ที่มันเสื่อมสภาพลงไปแล้วด้วยวิธีไหน แบบไหน มันถึงจะสามารถรื้อฟื้นให้กลับมามีคุณค่า ราคา แบบเดิมๆ ได้อีกต่อไป อันนี้...คงต้องขอฝากไว้เป็น การบ้าน สำหรับคนแก่ทั้งหลายก็แล้วกัน...

                                 -------------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"