โอ่ฟ้องอินเตอร์โพล เจ๊เพ็ญฉุนถูกจัดฉาก/แป๊ะสวนมีแนวคิดรุนแรง/อึ้งปล่อยวัฒนา


เพิ่มเพื่อน    

"จักรทิพย์" ยันมีหลักฐานมัดแก๊งซุกอาวุธแปดริ้ว ชี้ "จักรภพ" มีแนวคิดรุนแรง สั่ง จนท.เฝ้าจับตาทุกกลุ่ม เผยพบ "ฮาร์ดคอร์" รอจังหวะป่วน คสช.ปัดแกล้งหมวดเจี๊ยบ จ่อดำเนินคดีคนทำผิดเพิ่ม "เพ็ญ" โวยจัดฉาก แค้นเตรียมเดินสายเผาประเทศ "บิ๊กป้อม" โผล่ประชุม ก.ต.ช. 15 นาที "ผู้พันเบิร์ด" ควง "น้องเกี่ยวก้อย" แจกสัญญาปรองดอง

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการออกหมายจับนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำ นปช. และ พล.ท.มนัส เปาริก อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมพวกรวม 5 คน ในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และเป็นอั้งยี่ หลังพบความเชื่อมโยงกับอาวุธสงครามจำนวนมากซุกในบ่อน้ำพื้นที่ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ว่าเรื่องนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ด้านความมั่นคง กำกับดูแลอยู่ หลังพบอาวุธสงคราม ได้เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม กระทั่งมีการออกหมายจับทั้ง 5 คน

ทั้งนี้ ต้องมีพยานหลักฐานที่ครบถ้วนอยู่แล้วศาลถึงจะออกหมายจับให้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดที่เชื่อมโยงกันเมื่อปี 2557 ส่วนจะโยงกับนายจักรภพอย่างใดนั้น อยู่ในสำนวน ไม่ขอก้าวล่วง แต่นายจักรภพพื้นฐานเป็นคนรุนแรงอยู่แล้ว และซีเรียลนัมเบอร์ของอาวุธสงครามที่พบที่ จ.ฉะเชิงเทรา เชื่อมโยงกับอาวุธสงครามที่พบในช่วงการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2557

"ที่ผ่านมาพบอาวุธสงครามอยู่เรื่อยๆ ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือนัยอะไรเกี่ยวกับการเมือง ผมมีหน้าที่ดำเนินการสืบสวนจับกุมทุกมิติ ถ้ารู้เบาะแสเรื่องอาวุธก็ดำเนินการไป ส่วนการขยายผลไปเชื่อมโยงใครก็ค่อยว่ากัน ส่วนใหญ่แล้วกลุ่มคนที่เคลื่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรงก็หน้าเดิมๆ เชื่อว่าผู้สื่อข่าวก็รู้ ซึ่งเราก็เข้มมาตลอด ถ้าไม่เข้มคงไม่พบอาวุธชุดดังกล่าว แม้แต่การตั้งด่านตรวจค้นความมั่นคงก็ทำมาตลอด" พล.ต.อ.จักรทิพย์ระบุ

เมื่อถามว่า จากการข่าวของเจ้าหน้าที่ พบความเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ยังมีบางกลุ่มที่ยังคิดอยู่ เราเฝ้าติดตามมาตลอดเรื่องของความมั่นคง ส่วนการข่าวที่ทางโซเชียลฯ พบการเคลื่อนไหวของกลุ่มนิยมความรุนแรง จากพยานหลักฐานพบว่ามีความเชื่อมโยงกัน แต่ไม่หวั่นใจ เพราะการทำงานที่ผ่านมาอยู่ในสถานการณ์ที่หนักๆ ทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม การที่ยังพบอาวุธสงครามอยู่อีกจำนวนมากนั้น เป็นธรรมชาติ กลุ่มเคลื่อนไหวความรุนแรงเขารอเวลาและโอกาสอยู่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมพร้อมตลอดเวลาอยู่แล้ว โดยจับตาทุกกลุ่มที่เคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเมืองและความมั่นคง

พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) และทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย และศูนย์ติดตามประเมินผลวิเคราะห์ข้อมูลของ คสช. ตรวจสอบพบว่า การตรวจพบอาวุธสงครามมีการบิดเบือนข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐได้สร้างเรื่องในลักษณะที่เรียกว่า "การจัดฉากและมีผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่ได้รับการซัดทอด คสช." จึงขอชี้แจงกรณีนายวัฒนา ทรัพย์วิเชียร ว่า ได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาวุธสงครามที่ จ.ฉะเชิงเทรา เนื่องจากเคยมีคดีเชื่อมโยงอาวุธสงครามเมื่อปี 2557 ซึ่งเราได้สอบสวน ติดตาม ขยายผล ตรวจสอบ ไม่พบว่านายวัฒนามีส่วนเกี่ยวข้อง จึงได้ปล่อยตัวนายวัฒนาไปเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ส่วนกรณี พล.ท.มนัส ซึ่งเข้ามามอบตัวกับตำรวจ ทาง คสช.พิจารณาแล้วเห็นว่า พล.ท.มนัสแสดงความบริสุทธิ์ใจเดินทางมามอบตัว จึงไม่คัดค้านการประกันตัว เพื่อให้สู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม ในส่วนของร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ฝ่ายกฎหมายได้ร้องทุกข์กล่าวโทษในข้อหากระทำความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116

"จะเห็นได้ว่า คสช.ดำเนินการต่อผู้กระทำผิดกฎหมายโดยผ่านกระบวนการยุติธรรม ภายใต้หลักฐานข้อเท็จจริง และได้ให้ความเป็นธรรมต่อทุกกลุ่มทุกฝ่าย ไม่ได้ดำเนินการด้วยความรู้สึกหรือดำเนินการในลักษณะกลั่นแกล้ง รังแกหรือเลือกปฏิบัติใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้ง คสช.ไม่เคยปิดกั้นในการแสดงความคิดเห็น แต่ผู้แสดงความคิดเห็นต้องรับผิดชอบตนเอง ถ้ากระทำความผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ และจากนี้ไปอาจจะมีผู้กระทำผิดที่ต้องถูกร้องทุกข์กล่าวโทษอีกจำนวนหนึ่ง" พล.ท.ปิยพงศ์ระบุ

แจกสัญญาปรองดอง

ทางด้าน พ.อ.วันชนะ สวัสดี หรือผู้พันเบิร์ด ผู้ช่วยโฆษกกระทรวงกลาโหม ควงแขนน้องเกี่ยวก้อย ตัวแทนสัญลักษณ์แห่งความปรองดอง ลงพื้นที่ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อมอบเอกสาร “สัญญาประชาคม” ให้กับประชาชน โดย พ.อ.วันชนะระบุว่า การสร้างความสามัคคีปรองดองมีการดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทุกกลุ่ม จนเกิดสัญญาประชาคมขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องสร้างความรับรู้และความเข้าใจ และการปฏิบัติร่วมกัน เพื่อนำไปสู่เป้าหมายคือความสามัคคีปรองดอง นอกจากพื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้ว จะนำเอกสารไปแจกยังห้างสรรพสินค้าต่างๆ และหากประชาชนให้การตอบรับดีจะนำน้องเกี่ยวก้อยและเอกสารต่างๆ ไปแจกจ่ายในพื้นที่ต่างจังหวัดด้วย

ขณะที่นายจักรภพได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องอาวุธผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ในที่สุด ระบอบเผด็จการรัฐไทย ใช้วิธียัดเยียดข้อกล่าวหาตัวตนและบุคคลอื่นๆ ว่าได้กระทำการต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องอาวุธ แต่งเรื่องผูกโยงไปถึงอาวุธจำนวนหนึ่งที่อุตส่าห์ไปจัดฉากกันไว้ก่อนแล้วที่จังหวัดฉะเชิงเทรา กระบวนการยุติธรรมของไทยได้ทรุดต่ำลงมาก ถึงขั้นสนองตัณหาเผด็จการที่ทำเรื่องนี้ขึ้น เพียงเพื่อจะได้ยืดอำนาจมาปล้นสะดมประเทศชาติบ้านเมืองต่อไป

เมื่อสถาบันหลักของชาติสมคบคิดกันทำชั่วกันอย่างหน้าด้านเช่นนี้ได้แล้ว ก็เหลือเพียงสถาบันหลักของชาติบางสถาบันที่คงต้องเลือกแล้วว่า จะพายเรือให้โจรนั่ง เพื่อที่จะโดยสารไปกับโจรด้วย จะหลอกใช้โจรเพื่อสนองความต้องการส่วนตัวไปพลางก่อน หรือจะเลือกอยู่ข้างประชาชนที่กำลังมองสถานการณ์ของบ้านเมือง มองเงินในกระเป๋าตัวเอง และมองอนาคตลูกหลานด้วยความกังวลห่วงใย ถ้าเลือกผิด เมืองไทยทั้งเมืองจะเดินไปสู่ห้วงเหวแห่งความหายนะในเวลาไม่นานนี้

"สิ่งที่ผมจะทำต่อไปจากนี้คือ จะเดินทางเยี่ยมเยือนมิตรประเทศของเราจำนวนมาก รวมทั้งสำนักงานตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพล เพื่อแถลงความบริสุทธิ์ของเราและจะเล่าเบื้องหลังความฉ้อฉลของกรณีนี้ให้เขาได้รับรู้โดยละเอียด โดยจะไม่รอให้ระบอบเผด็จการไทยใช้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการกล่าวโทษได้ก่อน

ผมจะเล่าด้วยว่าประเทศไทยของท่านและของผมยังน่าลงทุน และยังควรค่าที่เขาจะเข้ามาร่วมงานทางเศรษฐกิจและสังคมด้วย ผมจะเดินหน้าบริหารความสัมพันธ์เหล่านี้ตามระบบสากล อาจขอให้บางชาติร่วมกับเราอย่างถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อขับไล่ฝูงโจรที่ใช้เท้ากดหัวคนไทยมาเนิ่นนานนับปีอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อจะได้กลับมาร่วมมือกันอย่างสากล และเป็นประชาธิปไตยกันต่อไป" นายจักรภพระบุ

ร.ท.หญิงสุณิสากล่าวว่า กรณีที่ถูก คสช.ดำเนินคดีเนื่องจากวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลนั้น ขอยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ต้องถูกตรวจสอบและยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งหากทนฟังเสียงวิจารณ์ไม่ได้ควรลาออกไป ส่วนพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ถือเป็นกฎหมายที่มีปัญหามาก และสมควรยกเลิก เพราะมีเนื้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชนและความเป็นส่วนตัวของประชาชน ที่สำคัญยังเปิดช่องให้ผู้มีอำนาจใช้กฎหมายดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการควบคุมและแทรกแซงการทำงานของสื่อมวลชน ปิดปากประชาชนที่คิดต่าง และเล่นงานนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม

บิ๊กตู่ไม่บิดพลิ้วเลือกตั้ง

ที่วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร อ.กันตัง จ.ตรัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับประชาชนตอนหนึ่งว่า การเลือกตั้งใหม่จะทำอย่างไรให้ได้รัฐบาลที่ทำงานให้คนทั้งประเทศได้จริง ที่ผ่านมาเดินหน้าประชาธิปไตยมาตลอด ตนเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน ถึงจะบังคับใช้กฎหมายได้ไม่เต็มที่ เพราะต้องฟังเสียงประชาชน ถ้าประชาชนไม่เห็นด้วยก็ทำไม่ได้ทั้งหมด วันนี้ต้องไว้ใจกันและกันให้มากขึ้น

"การเลือกตั้งต้องมีขึ้นกับสถานการณ์ กฎหมายที่เกี่ยวข้องจะเสร็จหรือไม่ ขออย่ามากดดันผมเรื่องนี้ ผมไม่บิดพลิ้วอะไรทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม วันนี้ต้องไม่ขัดแย้งอีก ถึงจะเป็นประชาธิปไตย ซึ่งทุกคนต้องการให้ประเทศไทยมีความขัดแย้งหรือไม่ และการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยครั้งหน้าต้องเลือกให้ดีใช่หรือไม่ จะเลือกใครจะกาให้ใครดูให้ดี ท้องถิ่นด้วยต้องปรับปรุงตัวเอง ไม่ใช่คิดแค่จะยุบหรือไม่ยุบ สำคัญคือต้องพัฒนาตัวเองก่อน" นายกฯ ระบุ

วันเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ (Suthep Thaugsuban สุเทพ เทือกสุบรรณ) โดยมีใจความว่า “สวัสดีครับ พี่น้องมวลมหาประชาชนที่เคารพรักทุกๆ ท่าน เพื่อเป็นการรำลึกถึงมหากาพย์การต่อสู้เพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน มวลมหาประชาชน ผมขอนำคลิปบันทึกภาพประวัติศาสตร์การต่อสู้ของมวลมหาประชาชน ในปี พ.ศ.2556-2557 มาเปิดเพื่อรำลึกถึงวันเก่าๆ ที่เราได้ต่อสู้ร่วมกัน โดยตอนที่ 2 ในวันเสาร์ที่ 9 ธ.ค.นี้ ทาง Facebook Live นี้ เวลา 18.00 น. ขอบคุณครับ”

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ครั้งที่ 4 โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ และกรรมการ ก.ต.ช. เข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยใช้เวลาในการประชุมเพียง 15 นาทีก็แล้วเสร็จ ก่อนที่ พล.อ.ประวิตรจะเดินทางกลับทันที

จากนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร มีเรื่องแจ้งในที่ประชุม 3 เรื่อง โดย 2 เรื่องแรกเป็นเรื่องแจ้งเพื่อทราบ เรื่องที่ 3 เป็นเรื่องพิจารณาการกำหนดตำแหน่งของข้าราชการระดับนายพล จำนวน 6 ตำแหน่ง ที่ปรับเกลี่ยตัดโอนมาจากตำแหน่งในสังกัดนายตำรวจราชสำนักประจำ (นรป.) โดยพิจารณากำหนดตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. 1 ตำแหน่ง ผู้บัญชาการ 1 ตำแหน่ง และระดับผู้บังคับการ 4 ตำแหน่ง ซึ่งคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้อนุมัติกำหนดตำแหน่งแล้วเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนการแต่งตั้งเป็นไปตามวาระการประชุม ก.ตร.ครั้งหน้า

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตรสั่งการให้หน่วยงานความมั่นคงทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เตรียมข้อมูลสำหรับกำหนดมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยประชาชนและมาตรการลดอุบัติเหตุบนท้องถนนห้วงเทศกาลสิ้นปีให้พร้อม สำหรับการประชุมในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ ที่ศาลาว่าการกลาโหม ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรกำชับให้ทุกส่วนราชการกวดขันและดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง จริงจัง ตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค.นี้เป็นต้นไป โดยเฉพาะต้องป้องกันและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ให้ได้ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดการสูญเสียชีวิตประชาชนที่จะเกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"