บี้สางคลังแสงศรีสะเกษ กั๊กฟันพันแดงฮาร์ดคอร์


เพิ่มเพื่อน    

 "บิ๊กป้อม" สั่ง ตร.ขยายผลสอบเส้นทางอาวุธสงครามจำนวนมากถูกทิ้งที่ จ.ศรีสะเกษ "โฆษกกองทัพภาค 2" ยันไม่ใช่ของกองทัพไทย ชี้อาจเป็นอาวุธเก่าสมัยประเทศเพื่อนบ้านสู้รบกัน "ศรีวราห์" ลงตรวจจุดเกิดเหตุ เร่ง พงส.หาหลักฐานผู้ต้องสงสัย พร้อมเช็กไล่กล้องวงจรปิดทุกเส้นทาง ขีดเส้น 3 วันรายงานความคืบหน้า ระบุอาวุธล็อตนัมเบอร์ตรงกับกลุ่มโกตี๋เคยใช้ แต่ไม่ฟันธงเป็นของแดงฮาร์ดคอร์หรือไม่

    ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้าตรวจสอบเหตุชาวบ้านทอดแหหาปลาพบกระสุนปืนจำนวนมาก ประกอบด้วย อาวุธสงครามเป็นกระสุนปืนอาร์พีจี 2 ใช้กับเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี จำนวน 62 นัด, กระสุนเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 40 มม. ใช้กับเครื่องยิงเอ็ม 79 จำนวน 70 นัด, แท่งดินขับส่งอาร์พีจี 2 จำนวน 1 กล่อง, กระสุนปืนขนาด 7.62 มม. ใช้กับปืนเอเค 47 หรืออาก้า อีก 3 กล่อง บรรจุกล่องละ 700 นัด รวม 2,100 นัด บริเวณทางหลวงหมายเลข 24 ถ.สายโชคชัย-เดชอุดม ช่วงบริเวณสะพานข้ามห้วยกมด บ้านขนุนเหนือ หมู่ 15 ต.โสน อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2562 ต่อมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เดินทางไปตรวจสอบ พร้อมระบุมีลักษณะคล้ายคลึงกับอาวุธที่ยึดได้จากกลุ่มของนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ นักเคลื่อนไหวกลุ่มเสื้อแดง เนื่องจากมีหมายเลขล็อตนัมเบอร์เหมือนกันในช่วงชุมนุมทางการเมือง เมื่อปี 2553 และ 2557
    ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียด ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ โดยเฉพาะเรื่องเส้นทางของอาวุธว่ามีความเป็นมาอย่างไร 
    ถามว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ระบุอาจจะเชื่อมโยงกับโกตี๋ นักเคลื่อนไหวเสื้อแดงกลุ่มเสื้อแดงฮาร์ดคอร์ รองนายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ ตนไม่รู้ ส่วนจะต้องมีการกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลเรื่องอาวุธสงครามในช่วงนี้เป็นพิเศษหรือไม่นั้น คงต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป
    ขณะที่ พล.ต.อัครเดช บุญเทียม รองแม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงว่า พื้นที่ที่ตรวจพบอาวุธสงครามเป็นเขตสู้รบช่วงที่ประเทศเพื่อนบ้านมีความขัดแย้งภายใน ไม่ได้เป็นอาวุธสงครามของกองทัพภาคที่ 2 หรือกองทัพบก เพราะรุ่นของอาวุธสงครามเก่ากว่าอาวุธที่อยู่ในความครอบครองถึง 40  ปีมาแล้ว ส่วนจะเป็นของใคร มาซุกซ่อนไว้เพื่อวัตถุประสงค์อะไร ก็จะเป็นหน้าที่ของหน่วยข่าวกรองของกองทัพภาคที่ 2 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของตำรวจภูธรภาค 3 ที่จะร่วมกันค้นหาความจริงต่อไป
    "จะเป็นอาวุธที่นำมาเพื่อไปขายในตลาดมืดหรือไม่ หรือมีไว้เพื่อก่อเหตุร้ายที่ใด ก็กำลังติดตามอยู่ตลอด ส่วนที่สงสัยว่าอาจจะเกี่ยวโยงกับกลุ่มการเมืองในประเทศหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ เพราะต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนกว่านี้ก่อน" พล.ต.อัครเดชกล่าว
    โฆษกกองทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ขอฝากเตือนถึงประชาชน การมีอาวุธสงครามไว้ในครอบครองจะมีโทษหนัก ซึ่งในช่วงที่ คสช.เปิดโอกาสนิรโทษกรรมให้ผู้ครอบครองอาวุธสงครามนำมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ ก็ปรากฏว่ามีประชาชนนำมามอบให้จำนวนหลายตัน แม้ว่าช่วงนี้จะเลยช่วงนิรโทษกรรมมาแล้วก็ตาม ก็ยังมีช่องทางที่จะนำมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ทหารหรือตำรวจได้ หากผู้ครอบครองไม่ได้มีเจตนา ก็สามารถอนุโลมเพื่อไม่ให้ผิดกฎหมายได้ แต่อย่านำไปซุกซ่อน หรือนำไปทิ้งไว้ในที่ต่างๆ เพราะกลัวความผิด ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายกับผู้บริสุทธิ์ได้
    วันเดียวกัน พล.ต.อ.ศรีวราห์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข รองผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบช.สพฐ.ตร.) และคณะ ลงพื้นที่บ้านขนุนเหนือ ต.สโน อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อประชุมติดตามคดีพบอาวุธระเบิดอาร์พีจี อาวุธปืนสงคราม M79 ลูกกระสุนปืนอาก้า และเชื้อปะทุจำนวนมาก
    พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า อาวุธสงครามที่พบมีทั้ง จรวดต่อสู้รถถัง (ชนิด PG2 ) จำนวน 62 ลูก ดินส่งต่อสู้รถถังหรือดินปะทุ (ชนิด PG2) 25 แท่ง ลูกระเบิด เอ็ม 79 จำนวน 70 ลูก กระสุนขนาด 7.62 จำนวน 4 ลัง จำนวน 2,800 นัด และดินขยายการระเบิด จรวดต่อสู้รถถัง 48 นัด ทุกรายการมีสภาพพร้อมใช้งาน ซึ่งแนวการสืบสวนยังไม่ระบุต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่นหนา เบื้องต้นสั่งให้ขยายผลและหาหลักฐานผู้ต้องสงสัยตั้งแต่อำเภอใกล้เคียงกับจุดที่พบของกลาง ไปจนถึง อ.สะงำ จ.สุรินทร์ ตรวจสอบและไล่เช็กกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบ และจุดที่คาดว่าคนร้ายผ่าน ย้อนหลัง 1 เดือน สอบปากคำพยานแวดล้อม คนหาปลาทุกคน และตรวจสอบด่านตรวจคนเข้าเมืองต่างๆ ว่ามีบุคคลต้องสงสัยผ่านเข้า-ออกด้วยหรือไม่ โดยให้รายงานผลดำเนินการภายใน 3 วัน ส่วนการทำสวนคดีกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ตั้งคณะทำงานกำกับดูแลเพื่อความรอบคอบรัดกุม
    ถามว่าการพบอาวุธสงครามในช่วงการเมืองร้อนแรงมีนัยหรือไม่ รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่การข่าวความมั่นคงยังไม่พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มป่วน
    ซักว่าที่บอกเชื่อมโยงกับกลุ่มโกตี๋ พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า อาวุธที่พบมีล็อตนัมเบอร์ตรงกันเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นของโกตี๋ โดยจะมีการสืบสวนว่าใครคือเจ้าของอาวุธ นำมาจากไหน เอาไปใช้เพื่อการใด ไม่หนักใจกับคดีนี้ ต้องรอการรวบรวมพยานแวดล้อมให้แน่นหนา
    ด้าน พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ รอง ผบก.สปพ. ผู้เชี่ยวชาญด้านตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุระเบิด กล่าวว่า อาวุธสงครามเหล่านี้แม้จะถูกฝังจมอยู่ใต้ดิน แต่ทั้งหมดยังคงใช้การได้อยู่ เนื่องจากมีการคุมถุงพลาสติก เก็บรักษาไว้อย่างดี ยังคงใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม อาวุธสงครามทั้งหมดไม่ได้ผลิตในไทย แต่มาจากสหภาพโซเวียต บางส่วนก็มาจากสหรัฐอเมริกาและสิงคโปร์ ทั้งหมดไม่มีใช้ในกองทัพไทย ทหาร ตำรวจ ไม่เคยมีประวัติการใช้งาน
    ส่วน พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข รอง ผบช.สพฐ.ตร. กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าอาวุธสงครามน่าจะนำมาทิ้งไว้ไม่เกิน 1 เดือน สังเกตจากลักษณะกระสอบที่บรรจุที่ยังคงสภาพดีอยู่ และเมื่อเปรียบเทียบข้อมูลการเกิดเหตุ พบว่ามีการใช้ระเบิดยิงแบบเอ็ม 79 และจรวดอาร์พีจีในช่วงการชุมนุมทางการเมือง ระหว่าง 2553-2557 เฉพาะพื้นที่ กทม. เนื่องจากตรวจสอบหมายเลขซีเรียลนัมเบอร์ตรงกับอาวุธที่เคยใช้ในสถานการณ์ครั้งนั้น โดยมีการใช้ระเบิดเอ็ม 79 ก่อเหตุและรับเป็นคดี จำนวน 55 คดี ส่วนจรวดอาร์พีจีเคยก่อเหตุ จำนวน 2 ครั้ง
    นายไส ศรีราชัย ชาวบ้านที่พบอาวุธสงคราม ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า ปกติจะมีชาวบ้านมาทอดแหหาปลาบริเวณนี้ประจำ แต่ตนเองเพิ่งมาเป็นครั้งแรก ซึ่งก็หาปลาตามปกติ เมื่อทอดแห ก็พบกระสอบ ตอนแรกก็ปัดทิ้งไม่ได้สนใจอะไร พอทอดแหอีกครั้งก็เจออีก จนกระทั่งเจอวัตถุคล้ายระเบิด จึงแจ้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านให้มาดู ยืนยันตนเองเป็นชาวบ้าน ทำมาหากินธรรมดาไม่ทราบเรื่องอะไร.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"