หนังสือ"นวมินทรบรมนาถราชไมตรี" จารึกน้ำพระทัยราชไมตรี ร.9


เพิ่มเพื่อน    

ล้นเกล้าฯ ทั้งสองพระองค์ทรงรับการถวายความเคารพกองทหารเกียรติยศ เสด็จฯ สมาพันธรัฐสวิส ปี 2503

 


        การสืบสานแนวพระราชดำริและพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนได้ทำจัดทำและดำเนินการมาโดยตลอด ด้วยรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น 7 ทศวรรษแห่งการครองราชย์ ทรงสร้างความมั่นคงให้แผ่นดิน สะท้อนพระปรีชาสามารถและพระราชวิสัยทัศน์ของรัชกาลที่ 9 ซึ่งด้านการเจริญสายธารพระราชไมตรีกับนานาประเทศทรงได้รับการยกย่อง เป็นที่กล่าวขานมิลืมเลือน 

      เพื่อเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ตลอดรัชสมัยพระองค์ ธนาคารกสิกรไทยจึงขอพระราชทานพระราชานุญาตสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร จัดทำหนังสือเฉลิมพระเกียรติ "นวมินทรบรมนาถราชไมตรี" ในโอกาสครบรอบ 59 ปีแห่งการทรงเจริญพระราชไมตรีของ ร.9 ครั้งแรก วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ.2561 โดยจัดงานเปิดตัวหนังสือ ณ ห้องระเบียงศิลป์ระฟ้า ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ เมื่อวันก่อน มีนิทรรศการเทิดพระเกียรติให้ผู้ร่วมงานชม พร้อมรับฟังจิระนันท์ พิตรปรีชา กวีซีไรต์อ่านบทอาศิรวาทบรมนาถบพิตรที่ประพันธ์ไว้ในหนังสือ โอกาสนี้ บัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย มอบหนังสือให้แก่กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการต่างประเทศ

 

หนังสือ "นวมินทรบรมนาถราชไมตรี" ประมวลการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเจริญพระราชไมตรีในต่างประเทศ

 

      บัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะประธานโครงการจัดทำหนังสือ "นวมินทรบรมนาถราชไมตรี" กล่าวว่า เล่มนี้เป็นผลงานทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ประมวลพระราชกรณียกิจสำคัญด้านหนึ่งของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ทรงปฏิบัติตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ทรงครองสิริราชสมบัติ นั่นคือ การเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเจริญพระราชไมตรีในต่างประเทศ ซึ่งในประวัติศาสตร์ไทยมีพระมหากษัตริย์เพียงสองพระองค์ทรงประกอบพระราชกรณียกิจเช่นนี้ คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการบันทึกการเสด็จประพาสประเทศต่างๆ ผ่านเอกสารและภาพ ขณะที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีทั้งเอกสาร ภาพพระราชกรณียกิจและวีดิทัศน์พระราชกรณียกิจ ในหนังสือบันทึกการเจริญพระราชไมตรีกับ 28 ประเทศ และอีกหนึ่งนครรัฐ เป็นเหตุการณ์ทรงคุณค่า พร้อมเชิญผู้ทรงคุณวุฒิ คณาจารย์ นักประวัติศาสตร์ ร่วมดำเนินงานครั้งนี้ รวบรวมข้อมูลที่บันทึกไว้ระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินทุกครั้ง ใช้เวลากว่า 1 ปี จนสำเร็จเป็นหนังสือ “นวมินทรบรมนาถราชไมตรี” 

      “ ในเล่มสามารถชมภาพยนตร์พระราชกรณียกิจทรงเจริญพระราชไมตรีประเทศต่างๆ โดยจัดทำเป็นคิวอาร์โค้ดแทรกอยู่ในแต่ละตอน เพียงสแกนบนมือถือจะปรากฏคลิปให้ชม หนังสือเล่มนี้เทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 มีพระปรีชาสามารถและตั้งพระราชหฤทัยที่จะแผ่พระราชไมตรี นำชื่อเสียงของประเทศไทยให้คนทั้งโลกได้รับรู้ งานชิ้นนี้บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ เป็นประโยชน์กับคนรุ่นหลังไม่เคยเห็นภาพเสด็จฯ เช่นนี้ จัดพิมพ์จำนวน 15,999 เล่ม ความหนา 590 หน้า มอบให้สถาบันการศึกษาระดับมัธยมศึกษา 8,000 เล่ม หน่วยงานด้านวัฒนธรรม หอจดหมายเหตุแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์ 300 เล่ม สถานทูตต่างๆ 200 เล่ม ห้องสมุด 1,000 เล่ม และคณะรัฐมนตรี 1,000 เล่ม โดยไม่มีการจำหน่าย” บัณฑูรกล่าว

   

 

บัณฑูร ล่ำซำ ประธานโครงการจัดทำหนังสือ "นวมินทรบรมนาถราชไมตรี"

 

     ทั้งนี้ บัณฑูรกล่าวด้วยว่า หนังสือเล่มนี้สามารถอ่านได้ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ถ้าได้อ่านจะเห็นประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งว่า ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีพระบุญญาธิการและพระปรีชาสามารถในการเจริญพระราชไมตรี ทรงปูทางไว้ให้รัฐบาลไทยหลายยุคสมัย ส่งผลให้การเชื่อมความสัมพันธ์กับนานาอารยประเทศงอกงามจนไทยเป็นที่รู้จัก การจัดทำหนังสือเล่มนี้หวังว่าจะมีคนสนใจประวัติศาสตร์ของตัวเองมากขึ้น

 

เสด็จฯ สานสัมพันธ์ไทย-เยอรมนี ปี 2503 อย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ 

 

        ศ.เกียรติคุณ ดร.แถมสุข นุ่มนนท์ บรรณาธิการหนังสือ "นวมินทรบรมนาถราชไมตรี" กล่าวว่า ผลงานเล่มนี้เป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับความทรงจำของคน เหตุการณ์ และเวลา ในหนังสือเล่มนี้ยึดใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร โดยมีคณะผู้เขียนที่ดำเนินการศึกษาค้นคว้าซึ่งใช้เวลานาน และระมัดระวังการใช้คำอย่างมากเพื่อรักษาไมตรี รวมถึงไม่ให้น่าเบื่อหน่าย หนังสือเล่มนี้ทำให้สนุกและเห็นชีวิตผู้คน วัฒนธรรม ความเปลี่ยนแปลง ตลอดจนผลของการเสด็จพระราชดำเนินทรงเยือนต่างประเทศ เพราะไทยจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติสงครามเย็น เวลานั้นไทยต้องหามิตรประเทศ โดยอยู่กับประเทศที่เป็นประชาธิปไตย เช่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกา จากการทำหนังสือเล่มนี้ ตนชื่นชมในพระบารมี พระวิริยอุตสาหะของในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ในการเจริญพระราชไมตรีตั้งแต่ปี พ.ศ.2502 และการเสด็จฯ ทรงเยือนลาว วันที่ 9 เมษายน พ.ศ.2537 เป็นครั้งสุดท้าย เสด็จฯ ทรงเยือนต่างแดน ทรงย้ำให้ประชาชนสองประเทศเอื้อเฟื้อกัน งานชิ้นนี้ใกล้เคียงกับความจริงมากที่สุด และมีภาพพระราชกรณียกิจที่สวยงามและทรงคุณค่า

      " การเสด็จฯ ทรงเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการมี 3 ลักษณะ คือ State Visit ในฐานะทรงเป็นพระประมุขของประเทศที่เสด็จฯ ทรงเยือนอีกประเทศ รัฐพิธีเต็มรูปแบบ ประมุขของประเทศเจ้าภาพรับเสด็จ ถัดมา Royal Visit แต่หากเสด็จฯ ทรงเยือนอย่างเป็นทางการครั้งใหม่ คือ Official Visit การเจริญพระราชไมตรีทุกประเทศต้อนรับสมพระเกียรติ รู้ว่าทั้งสองพระองค์สนพระทัยสิ่งใด มีการบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ เสด็จฯ ทรงเยือนเยอรมนี รัฐบาลก็ถวายกล้องถ่ายภาพเป็นของที่ระลึก ในเรื่องพระราชดำรัสพระองค์ทรงให้ความสำคัญมาก ภาษาที่ใช้ทรงวางหลักไว้ ถ้าพูดอังกฤษจะรับสั่งตอบเป็นอังกฤษ หากพูดฝรั่งเศสหรือเยอรมันจะรับสั่งตอบเป็นฝรั่งเศสหรือเยอรมัน หากพูดภาษาประจำชาติของตนจะรับสั่งเป็นภาษาไทย และทุกครั้งที่ในหลวง ร.9 เสด็จฯ ไปทรงเจริญสัมพันธไมตรี สมเด็จพระราชินีในรัชกาลที่ 9 ทรงฉลองพระองค์งดงาม แสดงถึงเอกลักษณ์ บางประเทศทรงตระเตรียมฉลองพระองค์ถึง 5 ชุด ทั้งชุดไทยและสากล สื่อมวลชนในประเทศต่างๆ จะไปเฝ้าฯ รับเสด็จและถ่ายทอดพระปรีชาสามารถของพระองค์" ศ.เกียรติคุณ ดร.แถมสุข กล่าว 

      สำหรับผู้สนใจสามารถอ่านได้ที่ www.นวมินทรบรมนาถราชไมตรี.com หรือดาวน์โหลดอ่านฟรีในรูปแบบ e-Book จากแอปพลิเคชัน Ookbee เชื่อว่าจะเกิดแรงบันดาลใจในการสนองพระราชปณิธานในหลวง ร.9 รวมถึงช่วยกันเชิดชูเกียรติภูมิของชาติไทยผ่านบทบาทหน้าที่ของตนเอง.

 

 

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"