กระสุนตกใส่ป.ป.ช. รุมยี้มติ5:3อุ้มเสี่ยป้อมโรเล็กซ์จุดพลุล่าชื่อถอดพ้น‘ตำแหน่ง’


เพิ่มเพื่อน    

 ภาค ปชช.-การเมืองรุมถล่ม ป.ป.ช. สับเละมติอัปยศฟอกป้อม ล่า 2 หมื่นชื่อถอดถอน  "จาตุรนต์" ขู่หลังเลือกตั้งแก้ รธน.โละทิ้งทั้งชุด "ชูวิทย์" โวยถ้ารู้ว่ายืมแล้วรอดคงไม่สารภาพให้ติดคุก  ป.ป.ช.เมินสังคมวิพากษ์ ปัดใช้อคติพิจารณา อ้างตัดสินตามหลักฐาน-ข้อเท็จจริง "ประวิตร" เก็บอาการ  แถเรื่องนี้ไม่เคยอยู่ในใจ 

    เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติตีตกปมนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ทำหน้าที่ตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายระบุ โดยพิจารณายึดจากพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน ซึ่งกรรมการจะใช้ดุลพินิจในการพิจารณา ซึ่งข้อวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นั้น ป.ป.ช.ไม่สามารถไปห้ามไม่ให้ใครวิพากษ์วิจารณ์ได้ เพราะเป็นสิทธิในการแสดงความเห็นของแต่ละคน แต่ระยะเวลาจะพิสูจน์การทำงานของ ป.ป.ช.
    "ป.ป.ช.เป็นองค์กรที่บังคับใช้กฎหมาย การตัดสินใดๆ ตัดสินจากพยานหลักฐาน ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายเป็นสำคัญ ไม่มีการใช้ความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบในการทำงาน ส่วนที่จะมีการล่ารายชื่อเพื่อถอนถอด 5 กรรมการ ป.ป.ช.เสียงข้างมากนั้น ไม่สามารถห้ามได้ แต่ประชาชนต้องรับทราบว่าการทำงานของ ป.ป.ช.เป็นไปตามกระบวนการทุกอย่างเช่นเดียวกับการพิจารณาคดีของศาล" นายวรวิทย์ระบุ
    ด้าน พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงมติ ป.ป.ช.เกี่ยวกับกรณีการครอบครองนาฬิกาหรูและแหวนเพชรว่า  เป็นเรื่องของ ป.ป.ช. ไม่ใช่เรื่องของตนเอง ซึ่งได้ชี้แจงไปหมดแล้ว
    เมื่อถามว่าโล่งใจหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่คนพูดถึงมาตลอดและอยู่ในใจมาตลอด 1 ปี พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "ไม่มี ไม่เคยอยู่ในใจเลย ถ้าเขาสอบออกมาว่าไม่ดีก็คือไม่ดี ถ้าดีก็คือดี เราก็ไม่ได้อะไร เพราะผมได้ให้ข้อเท็จจริงไปหมดแล้ว"
    ขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกแถลงการณ์สมาคมฯ เรื่อง "ขอล่า 2 หมื่นรายชื่อปลด 5 ป.ป.ช." ว่า ตามที่สมาคมฯ ได้ยื่นคำร้องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ พล.อ.ประวิตรว่าจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ  หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีไม่แสดงนาฬิกาหรูและแหวนประดับมีค่าที่สวมใส่ในโอกาสต่างๆ นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติ 5 ต่อ 3 เห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ แต่กลับไม่ให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ตามที่กรรมการเสียงข้างน้อยเสนอ เพียงแต่ให้แจ้งข้อมูลนาฬิกาจำนวน 22 เรือนต่อกรมศุลกากรเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
       ดังนั้นการใช้อำนาจของ 5 ป.ป.ช.ดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 234 (1) คือ "ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง" ซึ่งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยมิอาจปล่อยเว้นกรณีเช่นนี้ไปได้ และเชื่อว่าคนไทยทั้ง 66 ล้านคนก็คงยอมรับมิได้จากผลของการใช้อำนาจดังกล่าวของ 5 ป.ป.ช. 
ล่า 2 หมื่นชื่อถอด 5 ป.ป.ช.
    "ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมฯ จึงใคร่ขอเชิญชวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งร่วมกันลงชื่อ 2 หมื่นรายชื่อเพื่อถอดถอนและดำเนินการเอาผิด 5 ป.ป.ช.ดังกล่าวตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 236 และ 237  บัญญัติว่าสามารถกระทำได้ ดังนั้นหากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งผู้ใดเห็นด้วยต่อแนวทางดังกล่าว ได้โปรดร่วมลงชื่อกับตัวแทนของสมาคมฯ ที่จะตระเวนไปตั้งโต๊ะล่ารายชื่อในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อรวบรวมรายชื่อให้ครบ 2 หมื่นรายชื่อเพื่อเสนอประธานรัฐสภา และเสนอประธานศาลฎีกาเพื่อตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระที่มีความเป็นกลางทางการเมืองและซื่อสัตย์สุจริต เพื่อไต่สวนหาข้อเท็จจริงเพื่อให้ศาลฎีกาวินิจฉัยหรือให้อัยการสูงสุดดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อ 5  ป.ป.ช.ดังกล่าวต่อไป" นายศรีสุวรรณระบุ
    นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ในฐานะผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนกล่าวหาต่อ ป.ป.ช. ใช้สิทธิ์ขอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการตรวจสอบของ  ป.ป.ช.มาดำเนินการต่อแน่นอน รอให้ ป.ป.ช.แจ้งหนังสือตอบอย่างเป็นทางการก่อน ตนเอาเรื่องถึงที่สุดแน่ และเชื่อว่าภายในอายุความทางอาญา มีกรรมการและเลขาธิการ ป.ป.ช.ติดคุกแน่ ถึงแม้จะใช้เวลาอีกหลายปี เราต้องอดทน การเอาคนทำผิดเข้าคุกต้องใช้เวลาหน่อย
    "ไม่ผิดคาด อย่างนี้เรื่องยาวแน่ ประวิตรรอด ป.ป.ช.เป็นจำเลยแทน" นายวีระระบุ
    นายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กว่า เมื่อนาฬิกาเดินไม่ตรง ป.ป.ช.จึงตกเป็นจำเลยร่วม การเชื่อคำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดแบบสวนความรู้สึกประชาชนย่อมทำให้ ป.ป.ช.กลายเป็นจำเลยร่วมไปทันที ตามกฎหมายกรรมการ ป.ป.ช.ทุกคนต้องมี "คำวินิจฉัยส่วนบุคคล" อธิบายเหตุผลที่ตนลงมติไป จึงควรเปิดเผยบันทึกนี้ของกรรมการเสียงข้างมากและเสียงข้างน้อย ให้สังคมได้รับรู้เพื่อความโปร่งใสตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย 
    ป.ป.ช.ควรอธิบายด้วยว่า 1.หากมีข้าราชการคนหนึ่งไปยืมเงินญาติที่รักใคร่มาโดยเขาไม่คิดดอกเบี้ย มีเมื่อไหร่ค่อยใช้คืน หนี้ก้อนนี้ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินหรือไม่ 2.หากการมีหนี้สินต้องแสดงบัญชี ดังนั้นการยืมของแพงจำนวนมากและต้องใช้คืนย่อมไม่ต่างกับการเป็นหนี้ จริงหรือไม่ 3.ป.ป.ช.มีข้อมูลไหมว่านาฬิกาทั้ง 22 เรือนนั้น แต่ละเรือนยืมมาช่วงเวลาไหน ยืมนานแค่ไหน เรือนไหนบ้างที่ยังสวมใส่อยู่แม้คนที่ถูกอ้างว่าเป็นเจ้าของเสียชีวิตไปแล้ว 4.เรื่องนี้ต่างอย่างไรกับกรณีนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ที่ถูกสืบเสาะหาข้อมูลจนเอาเขาติดคุก แม้จะอ้างว่ารถตู้ที่เป็นหลักฐานนั้น "ยืมเขามา" เช่นกัน
    "วันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา ป.ป.ช.ก็จบการแถลงข่าวว่า 'ไม่มีมูลเพียงพอ ให้ยุติเรื่อง' แต่โชคดีที่มีนักข่าวถามขึ้นมาว่า ไม่มีความผิดเรื่องการรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์จากบุคคลอื่นเกินกว่า 3 พันบาทตาม มาตรา 128 ด้วยใช่หรือไม่ คำตอบคือ 'ประเด็นที่ถามนั้น อีกคณะทำงานหนึ่งยังทำไม่แล้วเสร็จ'  พฤติกรรมเช่นนี้ดูเหมือน ป.ป.ช.ต้องการปล่อยให้สังคมเข้าใจว่าเรื่องนาฬิกาหรูนี้จบแล้ว ทำให้เกิดข้อกังขาทันทีว่ายังมีประเด็นอื่นที่ประชาชนยังไม่รู้อีกหรือไม่ น่าเสียดายคดีนาฬิกาหรูที่ทำร้ายความรู้สึกประชาชนมากขนาดนี้กลับไปไม่ถึงมืออัยการและศาลยุติธรรม คำตัดสินครั้งนี้จะกลายเป็นมาตรฐานและวัฒนธรรมใหม่ ห่วงก็แต่ ป.ป.ช.สถาบันหลักในการต่อต้านคอร์รัปชันของชาติว่าจะรักษาศรัทธาประชาชนได้แค่ไหน" นายมานะระบุ
    เพจเฟซบุ๊ก CSI LA ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลและภาพนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตรจำนวน 25  เรือน ได้โพสต์ข้อความว่า "อยากเห็น ป.ป.ช.เปิดเผยข้อมูลที่ได้มาทั้งหมด เพื่อประชาชนและสื่อจะได้ตั้งคำถามต่อว่า ทำไมนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ตายไปตั้งแต่ต้นปี 2560 อยากทราบว่านาฬิกา Rolex รุ่น  Yacht Master 40 Everose Gold Black Rubber มันเพิ่งออกมาช่วงปลายปี 2559 (2016) กว่าจะเริ่มวางขายมันก็ต้นปี 2560 แล้ว เป็นไปได้หรือที่นาฬิการุ่นที่นายปัฐวาทซื้อมาแล้วตอนใกล้ตายหรือตายแล้วครับ?"
    สำหรับนาฬิกาโรเล็กซ์ รุ่น Yacht Master 40 Everose Gold Black Rubber ราคาเรือนละ 7-8  แสนบาท        
มติอัปยศฟอกป้อม
    นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กว่า ความเชื่อถือต่อ ป.ป.ช.ที่เคยมีอยู่บ้าง พลันมอดมลายไปกับมติอันอัปยศ ในเวลานี้ ป.ป.ช.เป็นสิ่งอะไรกันแน่
    นายต่อตระกูล ยมนาค กรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ป.ป.ช. หมดสิ้นแล้วซึ่งความเคารพและความเชื่อถือ ถูกนักข่าว "โห่" ยืดแถลงคดีบิ๊กป้อม สุดท้ายมีมติ 5:3 ให้คดียุติ ไม่ตั้งคณะกรรมการสอบ ในขั้นตอนต่อไปเป็นวิกฤติศรัทธา ประชาชนได้รับทราบผลตัดสินแล้ว คงเศร้าสลดใจกันทั่ว ต่อไปนี้จะหวังพึ่ง ป.ป.ช.อย่างไรได้อีก
    นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า คนอย่างตนมีสิทธิ์ที่จะพูดเรื่องนี้  เพราะ ป.ป.ช.ส่งตนติดคุกมาแล้ว ไม่ว่าเงินน้อย เงินมาก หากว่าลืมรายงาน กฎหมายสันนิษฐานว่า "มีเจตนาจงใจปกปิดทรัพย์สิน" อย่างตนลืมรายงานหุ้นเป็นเงินแค่ 150,000 บาท สมัยก่อนให้เงินนักร้องยังมากกว่านี้ แต่จะพูดแก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น เพราะท่านบอกว่าเป็นกฎหมาย "ปิดปาก" ต้องคอตกติดคุก    
    นอกจากนั้นนายชูวิทย์ได้ทิ้งท้ายว่า "อ่านแล้วอย่าไปซีเรียส ป.ป.ช.สอบมาตั้งนานได้แค่นี้จริงๆ มันเป็นกฎหมายพิเศษ คนธรรมดาอย่างพวกเราไม่เข้าใจจริงๆ นี่ถ้ารู้ว่ายืมแล้วรอดแบบนี้ คงไม่สารภาพให้ติดคุกจริงๆ แหม...คิดแล้วมันช่างน่าเจ็บใจเสียจริงๆ"
    นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ ป.ป.ช.แถลงอย่างนี้ดูเหมือนว่าไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่เป็นการตรวจสอบเพื่อหาคำตอบแก้ตัวให้ พล.อ.ประวิตรว่านาฬิกาทั้ง 25 เรือนไม่มีปัญหา ทั้งนี้หากซื้อกับบริษัทที่เป็นตัวแทนจำหน่ายจะต้องบ่งบอกตัวบุคคลได้เพราะมีใบรับประกัน ดังนั้นการที่ ป.ป.ช.บอกว่าไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ จึงถือว่าโกหกประชาชน ซึ่งส่งผลต่อจริยธรรมคุณธรรมของนักการเมืองข้าราชการในอนาคตด้วย และต่อไปหากต้องการตรวจสอบอะไร ทุกคนจะอ้างและยึดคดีของ พล.อ.ประวิตรเป็นบรรทัดฐาน
      นายชาญชัยกล่าวว่า ป.ป.ช.ไม่ส่งศาลพิจารณาเหมือนกับคดีของอดีตปลัดคมนาคมที่ถูกยึดทรัพย์และติดคุกมาแล้ว ซึ่งกรณีของ พล.อ.ประวิตรแม้จะบอกว่ายืมเพื่อนมา แล้วเมื่อถูกจับได้ก็บอกว่าเอาไปคืนแล้วก็ต้องมีความผิด เพราะถือว่าได้ทำความผิดสำเร็จแล้ว แต่ ป.ป.ช.กลับแถลงออกมาค้านสายตาประชาชน ถามว่า ป.ป.ช.ควรยุบไปเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ระบุจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก จะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อพี่น้องผองเพื่อนเป็นแบบนี้ เป็นตัวถ่วงการพัฒนาประเทศ
    "ถ้าผมเป็น พล.อ.ประวิตร จะลาออกจากตำแหน่งไปตั้งแต่ 8 เดือนที่แล้ว จะอยู่ไปทำไม เดินไปขาลากไป ไม่อยู่ให้คนเขามาด่าอย่างนี้ ท่านเป็น ท.ทหารอดทน สามารถพลีชีพให้บ้านเมืองได้ แต่เรื่องแบบนี้ท่านควรจะพิจารณาตัวเอง สิ่งที่ผมพูดไม่ได้เกลียดอะไร พล.อ.ประวิตร แต่อยากให้ ป.ป.ช.รื้อคดีและนำคดีขึ้นสู่ศาลคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป ที่ผ่านมาผมคิดว่าจะไม่ลง ส.ส.เลย แต่วันนี้เมื่อเกิดปัญหาขึ้นผมจะขอลงในระบบบัญชีรายชื่อ หากสามารถเข้าไปอยู่ในสภาได้ ผมจะจับพวกคุณเข้าคุกให้ได้ อยากให้ประชาชนเข้าชื่อ 2 หมื่นรายชื่อเพื่อถอดถอน ป.ป.ช.ทั้ง 5 คนที่ลงมติว่าให้คดีนาฬิกาหรูตกไป" นายชาญชัยระบุ
จ่อแก้ รธน.โละทั้งชุด
    นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า การที่ ป.ป.ช.มีมติไม่สั่งฟ้อง พล.อ.ประวิตร ถือเป็นเรื่องเหลือเชื่อแต่ไม่ผิดคาด โดยเหลือเชื่อว่า ป.ป.ช.จะสามารถตรวจสอบที่มาของนาฬิกาทุกเรือนได้ว่าไปซื้อที่ไหน เมื่อไร และให้ยืมเมื่อไรได้ครบทุกเรือน  และเหลือเชื่อที่ ป.ป.ช.เชื่อว่าบุคคลระดับรองนายกฯ ที่มีตำแหน่งและฐานะทางเศรษฐกิจดีอย่างนั้น จะใช้ชีวิตอยู่โดยการยืมนาฬิกาคนอื่นใช้อย่างต่อเนื่องหลายๆ เรือนสลับกันไป ซึ่งสังคมคงไม่เชื่อตามเสียงส่วนใหญ่ของ ป.ป.ช. และไม่ทำให้ประชาชนหายจากความเคลือบแคลงใจได้ ทั้งหมดนี้เป็นปัญหามาจากการแต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยการแทรกแซงจากรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ   จึงขาดความชอบธรรมในแง่ที่มา
    เมื่อถามถึงธงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะที่มาของ ป.ป.ช. นายจาตุรนต์กล่าวว่า ที่มาขององค์กรอิสระต่างๆ ต้องแก้ ซึ่งในส่วนของ ป.ป.ช. หากเราสามารถแก้รัฐธรรมนูญได้เร็ว จะแก้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่เป็นอยู่พ้นจากตำแหน่ง แล้วสรรหาใหม่ตามรัฐธรรมนูญใหม่
     นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า ถือเป็นสัญญาณอันตรายต่อระบบการตรวจสอบขององค์กรอิสระ และสถานการณ์เรื่องนาฬิกาหรูจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ ที่ทำลายความเชื่อมั่นของประเทศในสายตานานาชาติ เพราะแม้นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปจับมือกับนานาประเทศ ก็ไม่อาจสร้างความเชื่อมั่นได้ว่าไทยมีการตรวจสอบทุจริตที่จริงจัง หากจะมีการสืบทอดอำนาจรัฐจะส่งผลให้การตรวจสอบทุจริตบิดเบี้ยวในลักษณะนี้ต่อไป 
    ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ สุรนาทยุทธ์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พบว่ามีเงื่อนงำหลายอย่างที่น่าสงสัย มีอะไรเป็นมาตรฐานหรือตัวชี้วัดเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนว่ามีจริงหรือไม่ และเหตุใด คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงเชื่อว่านาฬิกาเป็นของนายปัฐวาทเก็บที่บ้านตลอดจริง และจากการที่นายปัฐวาทได้เสียชีวิตไปนานแล้วนั้น ใครเป็นคนอนุญาตให้ยืม และทำไมจึงไม่มีการเรียกร้องหรือทวงคืน หาก ป.ป.ช.นำหลักฐานเหล่านี้มาแสดงให้ประชาชนได้ทราบว่าใครคือผู้ที่ซื้อนาฬิกาเหล่านี้มา คงจะช่วยไขความกระจ่างได้บ้าง
    นายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า เป็นไปตามคาดหมายกับมติ ป.ป.ช.ที่ออกมาดังกล่าว ตั้งแต่ต้นที่มีการเริ่มสอบเรื่องนี้มีสัญญาณแสดงถึงความไม่ตั้งใจในการสอบสวนคดีดังกล่าว  ผิดกับคดีอื่นๆ ของอีกฝ่ายที่สามารถขุดคุ้ยคดีขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งมีการเบี่ยงประเด็นจากที่ควรจะพุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ประวิตรได้นาฬิกามาอย่างไร มิใช่ใครเป็นเจ้าของนาฬิกา แค่ พล.อ.ประวิตรยอมรับมีการยืมนาฬิกาเหล่านี้จริง นี่ถือเป็นหลักฐานที่ชัดเจน ไม่จำเป็นที่จะต้องพิสูจน์การมีอยู่จริงของนาฬิกาเหล่านี้ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม ป.ป.ช.เสียงข้างน้อย 3 ท่านกล้ามีมติสวนทาง ทำให้กฎหมายดูศักดิ์สิทธิ์ กู้หน้าให้ ป.ป.ช.ได้บ้าง
    นายไทกร พลสุวรรณ อดีตแกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ และแนวร่วม กปปส. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "มติตอกฝาโลง รอประชาชนกลบฝัง ในการเลือกตั้งปี 62 ประชาชนตัดสินใจง่ายขึ้น กระแสความลังเลในการตัดสินใจเลือกหรือไม่เลือกพรรคหนุนเผด็จการหายไป เพราะทุกอย่างชัด จนไม่ต้องคิดวิเคราะห์อะไรอีก".


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"