ย้อนวันวาน"งานวัดประยุรวงฯ"


เพิ่มเพื่อน    

 

ม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ เครื่องเล่นเอกลักษณ์งานวัด มีครบในงานสมโภชพระอาราม 191 ปี 

 

     "งานวัด" เอกลักษณ์งานรื่นเริงของไทยที่มีมาแต่อดีต ที่บ่งบอกถึงความเป็นไทย แต่นับวันบรรยากาศความรื่นเริงสนุกสนานแบบ "งานวัด" ที่มีทั้งชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน ปาเป้า ตักปลา ยิงปืน นับวันจะหายากขึ้นทุกที แต่เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา "วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร" ได้จัดงาน "สมโภชพระอาราม 191 ปี วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร" ขึ้น โดยจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิสิริวัฒนภักดี  ในบรรยากาศงานวัดกลางกรุง ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้ร่วมอิ่มบุญอิ่มใจกับกิจกรรมภายในงานตลอด 3 วัน 3 คืน ตั้งแต่วันที่ 11-13 มกราคมที่ผ่านมา
    วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร หรือเรียกกันว่า "วัดรั้วเหล็ก" อยู่ติดเชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้า ฝั่งธนบุรี วัดประยุรฯ เคยสร้างชื่อเสียงระดับโลกมาแล้ว โดย "เจดีย์พระประธาน วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร" ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอันดับ 1 หรือ Award of Excellence จากโครงการประกวดรางวัลเพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ประจำปี 2556 จากยูเนสโก ซึ่งวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร จัดเป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร ที่สมเด็จพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) เมื่อครั้งเป็นเจ้าพระยาคลัง ว่าที่กรมท่า และพระสมุหกลาโหม ได้อุทิศสวนกาแฟสร้างเป็นวัดขึ้น เมื่อ พ.ศ.2371 และได้ถวายเป็นอารามหลวงในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 และได้รับพระราชทานนามว่า วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร จนถึงปัจจุบันมีอายุ 191 ปี

 

เวทีรำวงสุดมันส์บรรยากาศย้อนยุค


    บรรยากาศภายในงานตั้งแต่ช่วงเย็น ผู้คนในละแวกใกล้เคียงก็เริ่มเดินทางมายังวัดประยุรฯ หากมองมาจากบนสะพานพุทธฯ จะพบว่าหลอดไฟสีสันสดใสถูกประกอบเป็นรูปวงกลมขนาดใหญ่เด่นตระหง่าน เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกได้อย่างดีเลยว่าที่วัดนั้นมีการจัดงานรื่นเริงแน่ๆ เมื่อมาถึงด้านหน้าประตูทางเข้าวัด ร้านอาหารทั้งในและรอบนอกบริเวณวัด ก็จะมีให้ได้เลือกซื้อกันเป็นทางยาว ซึ่งมีทั้งอาหารคาว-หวาน แต่เมนูอาหารบางชนิดก็ต้องประยุกต์ให้เข้ากับยุคปัจจุบัน อย่างขนมสายไหม ที่ปกติเราอาจจะคุ้นเคยกับการใส่ถุงใสขนาดยาว ภายในรถเข็น และห้อยเป็นสายๆ แต่ตอนนี้ก็จะเห็นว่ามีการนำมาใส่ในแก้วน้ำ มีการตกแต่งหน้าได้ เด็กๆ ที่ชอบก็จะทานง่ายขึ้น อาหารเมนูอื่นๆ ที่เป็นอาหารพื้นบ้านทั้ง 4 ภาค ก็มีให้เลือกซื้อเลือกทาน
    พื้นที่ต่างๆ ภายในวัดประยุรฯ ถูกจัดสรรให้มีกิจกรรมต่างๆ อย่างบริเวณเขามอ ด้านหน้าก็จะมีตู้รับบริจาค และสามารถเข้าไปทานอาหารได้ฟรี ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีงานวัดที่จัด ศาลาตรงบริเวณทางเข้าจึงเต็มไปด้วยขันโตกที่จะบรรจุอาหารหลากหลายประเภท ทั้งแกง หมูสะเต๊ะ ข้าวเหนียว ผลไม้ น้ำพริกผักพร้อมทาน ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากผู้คนมากทีเดียว อีกทั้งในระหว่างที่ทานก็จะการบรรเลงดนตรีไทย และการแสดงชุดตานสลากยอง จากนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ซึ่งส่วนของการแสดงก็จะสลับหมุนเวียนกันไป เคล้าคลอไปกับการทานอาหารมื้อค่ำ หากยังไม่อิ่ม บริเวณด้านข้างทางเดินเขามอก็มีการจำหน่ายอาหารพื้นถิ่นของแต่ละภาค อย่าง อาหารเหนือ ที่มีชื่อเมนูว่าข้าวกันจีน ลักษณะคล้ายๆ กับการห่อใบตองข้าวต้มมัด แต่ข้างในจะเป็นข้าวผสมกับเลือดหมูและเนื้อหมูสับ จากนั้นเอาไปนึ่ง ก็จะได้รสชาติที่ออกหวานๆ มันๆ ใครไปเชียงใหม่ก็ลองไปหาทานกันดูได้

 

อิ่มอร่อยกับอาหารคาวหวานนานาชนิด


    ในส่วนของเวทีบริเวณพระบรมธาตุมหาเจดีย์ ก็เป็นเวทีการแสดงดนตรีสดที่มีในรูปแบบของไทยประยุกต์ นำดนตรีไทยอย่างระนาดเอกมาผสมผสานกับดนตรีสากลได้อย่างลงตัว การแสดงฟ้อนรำของภาคต่างๆ เวทีสำหรับเยาวชนที่มีความสามารถ เพราะหากเดินเข้าไปแล้วได้ยินเสียงกลุ่มเด็กๆ ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว แนะนำความเป็นมาและสถานที่สำคัญต่างๆ ภายในวัดประยุรฯ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ในการประกวดมัคคุเทศก์น้อยจิตอาสารักษ์โลก ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-6 ซึ่งแต่ละทีมก็งัดไม้เด็ดออกมาประชันกัน 
    เด็กหญิงจุฑามณี แทบทาม นักเรียนโรงเรียนราชบพิธ ที่มางานวัดพร้อมกับครอบครัว บอกว่า รู้สึกตื่นเต้นที่ในกรุงเทพฯ ได้จัดงานวัด เคยไปงานวัดแค่ที่จังหวัดมหาสารคามแล้วรู้สึกชอบ เพราะมีเครื่องเล่นชิงช้าสวรรค์ แต่ตอนนั้นยังไม่กล้าขึ้นเพราะกลัว พอวัดมีการจัดงานและมีชิงช้าสวรรค์ ตนก็รู้สึกดีใจที่จะได้ลองนั่งครั้งแรก ถึงบรรยากาศจะไม่เหมือนที่เคยไปมา แต่ตนก็ชอบที่มีการจัดงานแบบนี้ในกรุงเทพฯ
    ด้านหน้าเวทีการประกวดมัคคุเทศก์น้อย ถัดจากโซนร้านอาหารก็จะเป็นที่ตั้งของชิงช้าสวรรค์และม้าหมุน เครื่องเล่นยอดนิยมที่ต้องมีในงานวัด ที่มีผู้ปกครองพาบุตรหลานมายืนต่อคิวยาวรอซื้อบัตร และรอขึ้นไปนั่งบนม้าหมุนรูปสัตว์ต่างๆ มีทั้งหงส์ ทั้ง ม้า เพราะหากเป็นในสมัยก่อนตอนเรายังเด็กก็จะไม่ยอมกลับบ้านง่ายๆ แน่ หากพ่อแม่ไม่พาขึ้นม้าหมุนหรือชิงช้าสวรรค์ซะก่อน ซุ้มยิงปืน ปาโป่ง ก็มีให้มีทดลองฝีฝือความแม่นยำกันด้วย 

 

ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนาสุดสวยงาม 


    "สา" หญิงชาวเมียนมาที่พาลูกสาวตัวน้อยของเธอนั่งม้าหมุน พร้อมกับ สามีและลูกสาวคนโต ที่คอยมองด้วยสายตาที่มีความสุขอยู่ด้านล่าง บอกว่า ตั้งแต่เธอมาทำงานที่ประเทศไทยกว่า 20 ปี ไม่ค่อยได้มีโอกาสไปเที่ยวสนุกสนาน เพราะต้องทำงานหาเงิน และตอนที่อยู่ประเทศเมียนมาก็ไม่มีงานวัดแบบนี้ พอเห็นว่าที่วัดจัดงานก็อยากให้ลูกได้เล่น ได้สนุกสนาน เพราะลูกสาวก็เพิ่งเคยขึ้นม้าหมุนเป็นครั้งแรก
    เดินตามเสียงดนตรีเข้าไปด้านในสุด ก็จะพบกับเวทีรำวงสีสันของงานวัดที่จะขาดไม่ได้ บนเวทีที่มีหญิงสาวหน้าสะสวย แต่งหน้าทำผมแบบจัดเต็มนั่งอยู่บนเกาอี้ รอคู่รำวง ซึ่งพื้นที่บริเวณด้านหน้าก็ถูกจับจองนั่งบ้างยืนบ้างแล้วแต่ใครจะสะดวก และเมื่อดนตรีเริ่มบรรเลงในจังหวะโจ๊ะๆ ก็ยิ่งสร้างความสนใจให้กับผู้คนที่ผ่านไปมา เสียงพิธีกรเริ่มการประกาศชักชวนให้ผู้คนซื้อรอบรำวง รอบละ 20 บาทต่อ 1 คน ไม่นานก็มีผู้คนมาร่วมสนุก จากนั้นเพลงเริ่มเร่งจังหวะเป็นสามช่า จนเวทีเต็มไปด้วยคนจากทุกเพศทุกวัยกับลีลาการเต้นที่สนุกสนานกว่า 20 นาที
    สมนิต พอชมพู ผู้ที่มาร่วมงานวัดประยุรฯ หลังจากที่ร่วมเวทีรำวง เล่าว่า งานวัดในความรู้สึกตนคิดว่ามันห่างหายไปนานมาก น่าจะ 30-40 ปี ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ตอนอายุ 20 ปี ก็ไม่ได้เห็นงานวัดเลย และก็ไม่ค่อยมีใครจัดด้วย เพราะตอนยังเป็นวัยรุ่น ตนอาศัยอยู่ที่บึงกาฬ บ้านเกิด และชอบไปรำวงในงานวัดมาก บ้างครั้งก็ไปเป็นนางรำเอง เพื่อหาเงินเข้าวัด พอเห็นที่วัดประยุรฯ จัดงาน และทราบว่ามีเวทีรำวง ตนก็เดินตรงมายังเวทีนี้เลย รีบซื้อตั๋ว ราคาก็ไม่แพงเพียง 20 บาท ได้รำ ได้เต้นหลายเพลง สมกับที่โหยหามานาน แต่แม้ว่าบรรยากาศไม่ได้เหมือนสมัยก่อนซะทีเดียว เป็นการผสมผสานกันระหว่างสมัยก่อนกับปัจจุบัน ใจจริงก็อยากให้มีงานวัดทุกปี เพราะบางครั้งคนต่างจังหวัดที่มาทำงานกรุงเทพฯ ก็อยากจะได้รำลึกความสนุกสนานกับงานรื่นเริงแบบบ้านนอกๆ
    ช่วงเวลาของงานวัดที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องจวนถึงเวลาสี่ทุ่มที่ผู้คนเริ่มซา แยกย้ายกันกลับบ้าน ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มและความสุขหลังจากสิ้นสุดวันจัดงาน บรรยากาศและความรู้สึกที่ได้มาเที่ยวงานวัดคงจะอยู่ในความทรงจำของผู้ที่ได้มาเที่ยวชมไปอีกนาน

 


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"