แยมมี่รับจิตตกหลัง’สุรชัย แซ่ด่าน’โดนอุ้มผวาปีหน้าคิววงไฟเย็น


เพิ่มเพื่อน    

27 ม.ค.2562 - น.ส.รมย์ชลี สินสืบผล หรือแยมมี่ ขันแดง ผู้ต้องหาที่หนีลี้ภัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านโพสต์เฟซบุ๊กวิเคราะห์การเสียชีวิตผู้ต้องหาที่ลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ โดยมีเนื้อหาว่า จิตตกมาหลายวันแล้วบอกเลย และคำถามคือ จะจิตตกอยู่แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน เพราะมันยากที่จะลืม จิตตกถึงขนาดว่า นั่งมองดูรูปพวกเขาแล้วร้องไห้  แน่นอนว่า จะต้องมีคนตั้งคำถามว่า ทำไม 2 รายแรก แยมไม่เห็นเรียกร้องแบบนี้ 

โอเคแยมจะเล่าให้ฟัง 1.กรณีดีเจซุนโฮ ปี 2559 ถ้าจะพูดถึงผู้ลี้ภัยการเมืองมาอยู่ทางนี้ แยมนี่ก็คงจะเรียกได้ว่า เป็นน้องสาวคนสุดท้อง แยมมาทีหลังสุด มีการต้อนรับทักทายจากพี่พี่เพื่อนๆ และ ก็ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยทักทายกับดีเจซุนโฮ ได้ชิมปลาร้ากระปุก ที่ดีเจซุนโฮทำขาย ได้ประมาณ 3-4 ครั้ง (ตอนแยมไป หลายๆคนแยกกันอยู่เป็นกลุ่มๆอยู่แล้ว) หลังจากนั้นได้ไม่นาน ก็มีข่าวดีเจซุนโฮหายตัวไป แน่นอนว่าตอนนั้น แยมก็ค่อนข้างอ่อนประสบการณ์ และไม่ได้รู้จักหรือมีข้อมูลหลักฐานใดๆ เพื่อชี้แจงเลย ไม่เคยได้ติดต่อใครนอกจากกลุ่มไฟเย็นและลุงสนามหลวง ก็พูดอะไรไม่ได้ และผู้ใหญ่ คือลุงสนามหลวงแกก็บอกแยมว่า อย่าพูดอะไรมาก มันมีผลกระทบ ด้วยความเชื่อฟัง แยมก็ไม่พูดอะไร เพราะแยมพึ่งมาแยมไม่รู้เรื่องว่าใครเป็นอย่างไรในตอนนั้นเลยจริงๆ แต่ก็มีการจับกลุ่มคุยกันถึงเหตุการณ์นี้จากหลายๆ คน แยมก็เป็นหนึ่งที่ร่วมนั่งฟัง จนกระทั่งพี่พี่สืบไปคุ้ยมา ก็เจอผู้ต้องสงสัย และก็สรุปร่วมกันว่า ดีเจซุนโฮ คงถูกคนร้ายล่อลวงไปอุ้มฆ่าแล้ว ช่วงนั้นก็ขวัญหนีดีฝ่อกัน แต่เราก็ไม่เคยพบศพที่จะเอามายืนยันและเรียกร้องใดๆได้ มีเพียงร่องรอยการต่อสู้ รองเท้าหนึ่งข้าง มอเตอร์ไซค์ล้มอยู่ ทิ้งให้เราดูจนเวลาผ่านไปหนึ่งปี ก็ไม่คิดว่า เหตุการณ์จะเกิดขึ้นอีกครั้ง

2.กรณีโกตี๋ ปี 2560 พอพูดถึงกรณีนี้ เป็นกรณีที่มีดีเทลเยอะมาก่อนการหายตัวไป ซึ่งหลายๆ คนจะทราบดี ก่อนหน้านั้นแยมอยู่รวมกันกับองค์การสหพันธรัฐไท โดยลุงสนามหลวงเป็นแกนหลัก ซึ่งมีโกตี๋รวมอยู่ด้วย เรื่องดีเทลของการแยกย้ายกัน แยมไม่ขอพูดถึง เพราะแยมยอมรับว่าตนเองในตอนนั้นขาดการควบคุมทางอารมณ์ เจตนาเราเพียงแค่จะพูดถึงสาเหตุจริงๆ กลับกลายเป็นว่า สร้างความขัดแย้งกันในหมู่มวลชนเป็นจำนวนมาก. ก็ต้องขออภัยในความไร้เดียงสาและขอนำมันเป็นบทเรียน แยมกับขุนทองแยกตัวออกมาจัดรายการอีกทีนึงไม่กี่วัน ก็มีข่าวจากสหายเผด็จแจ้งกับลุงสนามหลวงว่าโกตี๋โดนอุ้ม เนื่องด้วยตอนนั้น มันมีดีเทลเยอะอย่างที่บอกไป แยมจึงยังไม่ปักใจเชื่อ ยัง 50/50 เพราะในตอนนั้นแยมจะฟันธงก็ต่อเมื่อเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุและหาข้อสรุปได้เหมือนกรณีดีเจซุนโฮ แต่ปรากฎว่า เจ้าหน้าที่ไม่สามารถไปตรวจสอบได้ เพราะเขาแจ้งว่าลุงสนามหลวงไม่ให้ความร่วมมือ ติดต่อไม่ได้ แยมก็ไม่รู้จะตัดสินใจยังไง จึงเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ระยะนึง และแยมคิดว่า หากโกตี๋ยังอยู่ ด้วยลักษณะนิสัยเขาแล้ว ยังไงเขาต้องกลับมา แต่จะกลับมาในรูปแบบไหนนั้นแยมเองก็คาดเดาไม่ได้ จนเวลาผ่านไปนาน ไม่มีวี่แววของโกตี๋ แยมก็คิดขึ้นมาอีกครั้งและคุยกับเพื่อนๆวงไฟเย็นว่า ถ้าหากโกตี๋โดนอุ้มไปแล้วจริงๆ ใครคือคนที่น่าสงสัยที่สุด เรามีการพูดคุยถึงเรื่องนี้กันอีกครั้ง แต่ไม่พูดออกสาธารณะ เพราะอย่างที่บอกไป ตอนนี้มวลชนใต้ดินซัดกันนัว เลยไม่อยากให้เป็นกระแสความขัดแย้งอีก แล้ววันเวลาก็ผ่านไปอีก 1 ปี มันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 3

3.กรณี อาจารย์สุรชัย สหายกาสะลอง สหายภูชนะ ปี 2561 ช่วงเวลา1ปี แยมสังเกตเห็นแล้วว่ามันเป็นระยะเวลานานพอสำหรับการปรับตัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลายๆคนหลุดออกจากความหวาดกลัวที่ผ่านมาเมื่อปีที่แล้ว แยมเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ใช้ชีวิตปกติแบบลืมบรรยากาศที่น่ากลัวเหมือนตอนมีข่าวช่วงแรกๆไปแล้ว ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นอีก แต่ครั้งนี้ มันอุกอาจ มันมีเบาะแส และข้อมูลยืนยันชัดกว่า 2 กรณีแรกมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของดีเอ็นเอที่ยืนยันออกมาชัดเจนแล้ว และบุคคลกลุ่มสุดท้ายก่อนที่อาจารย์หายตัวไป และการวิเคราะห์ของเจ้าหน้าที่ ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่สามารถปิดปากแยมได้อีก และ 4 ปี แยมคิดว่าแยมพร้อมรับความเสี่ยงในการตัดสินใจครั้งนี้ได้ แยมไม่อาจเก็บความรู้สึกได้อีกต่อไป เพราะถ้านิ่งเฉยกันอีก ปีหน้าคงเป็นคิวพวกเราวงไฟเย็นและคนอื่นๆ ที่ต้องตกเป็นเหยื่อด้วยเช่นกัน แยมเห็นว่าเราควรจะต้องตะโกนเรียกร้องขอความช่วยเหลือ เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพวกเขาทั้ง 5 ราย ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"