เมื่อ “ไฟร้อน” กลายเป็น “ไฟเย็น”


เพิ่มเพื่อน    

                                                          (1)

                ทรรศนะสัปดาห์นี้...จะไปว่ากันเรื่อง เย็นๆ แบบประเภทเรื่องธรรมะ ศาสนา ปรัชญา อย่างที่เคยเทศน์ไป-เทศน์มาเหมือนก่อนๆ ไม่รู้ว่ามันจะเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ ณ ช่วงขณะนี้ มาก-น้อยเพียงไหน เพราะตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้คนเขาคงหันไปสนใจในเรื่อง ร้อนๆ ประเภทเรื่องการมง การเมือง การชิงเล่ห์ ชิงเหลี่ยม ชิงไหว ชิงพริบ อะไรต่อมิอะไรนั่นแหละ ซะเป็นหลักใหญ่...

                                                      (2)

                แต่ก็นั่นแหละ...ภายใต้เรื่องร้อนๆ หรือภายใต้อุณหภูมิสูงสุดแห่งความร้อน ถ้าจะเอาแนวคิดทางธรรมะ ศาสนา ปรัชญา เข้าไปจับ มันก็น่าจะยังมีอะไรที่เย็นๆ หรือสามารถค้นหา แสวงหา สิ่งที่เย็นๆ ได้อยู่ดี เพราะเรื่องความร้อน-ความเย็น ความมืด-ความสว่าง ความรัก-ความไม่รัก ชอบ-ไม่ชอบ ชัง-ไม่ชัง เอาเข้าจริงๆ แล้ว...มันก็คงขึ้นอยู่กับ อารมณ์-ความรู้สึก ที่เกี่ยวเนื่องกับ ผัสสะ หรือประสาทสัมผัสในลักษณะต่างๆ นั่นแหละทั่น ว่ามันจะเข้ามา Concoct หรือถูกนำเข้ามา ปรุงแต่ง ความรู้สึกกันไปในลักษณะไหน...

                                                         (3)

                อย่างที่ศาสนาโบร่ำโบราณ ซึ่งได้ชื่อว่าออกจะเก่าแก่ที่สุด...อย่าง ศาสนาโซโรอัสเตอร์ ของพวกชาวเปอร์เซีย ที่ว่ากันว่าน่าจะเป็นพวกเดียว กลุ่มเดียวกับ ฤาษีมนู ซึ่งถือเป็นผู้ประดิษฐ์ คิดค้น ผู้ร่ายโศลกคัมภีร์พระเวท ยุชรเวท อาถรรพ์เวท ให้กับผู้คนที่อพยพมาตั้งหลัก ตั้งแหล่ง อยู่แถวๆ แม่น้ำสินธุ อันกลายมาเป็น ศาสนาฮินดู ในลำดับต่อมา อีกทั้งยังถือเป็นศาสนาที่ว่ากันว่า มีเค้าโครงอิทธิพลสอดแทรก ซึมซ่าน อยู่ใน ศาสนายูดาย ของพวกฮิบรู ไปจน ศาสนาคริสต์ และ ศาสนาอิสลาม อีกด้วยต่างหาก ได้เคยพูดถึงสิ่งร้อนๆ ระดับพอๆ กับ ไฟประลัยกัลป์ ที่จะอุบัติขึ้นมา ชำระล้างสิ่งสกปรก รกรุงรัง ในช่วง ยุคสุดท้าย ของโลก แต่ไฟที่ว่านี้...แม้จะเผาผลาญ ทำลายล้างสิ่งต่างๆ ให้พินาศ วอดวาย กันไปเป็นแถบๆ แต่สำหรับผู้ซึ่งยึดมั่น ศรัทธา ในคุณงาม ความดี ในสิ่งที่เป็น ธรรมะ แล้ว ศาสดา โซโรอัสเตอร์ ท่านกลับสรุปเอาไว้ว่า จะเยือกเย็น ลื่นไหล ปานประดุจ น้ำนมอุ่นๆ ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตราย ไม่สามารถล้างผลาญ ทำลาย ต่อบรรดาผู้ซึ่งยึดมั่นในธรรมะ ในแนวทางของศาสนาที่ท่านชี้แนะ ชี้นำ เอาไว้ได้เลย...

                                                     (4)

                ไฟ ที่น่าจะเป็นอะไรร้อนๆ เลยกลับกลายเป็น ไฟเย็น สำหรับผู้ที่ยึดมั่นในธรรม ผู้ประพฤติธรรม ชนิด ธัมโม หเว รักขติ ธัมมะจาริง หรือเป็นธรรมะที่ย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรมไปโดยตลอด ตามแบบฉบับ พุทธภาษิต นั่นเอง อาจด้วยเหตุเพราะสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ นั้น เป็นสิ่งที่ มีมาก่อน ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งเกิดๆ-ดับๆ ซึ่งต้องมีมืด-มีสว่าง มีบวก-มีลบ มีการเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-และดับไป ตามความเปลี่ยนแปลงของเหตุปัจจัย จะค่อยๆ อุบัติตามมาในภายหลัง หรือเป็นสิ่งที่อยู่เหนือไปจากบรรดา ธรรมชาติที่ปรุงแต่ง ทั้งหลาย นั่นแล...

                                                       (5)

                ซึ่ง ธรรมะ หรือ ธรรมชาติ ในลักษณะที่ว่านี้...สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ท่านก็ได้ทรงยืนยัน นั่งยัน ตีลังกายันเอาไว้ตั้งแต่ครั้งที่ท่านยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ จนกลายมาเป็นถ้อยคำซึ่งถูกบรรจุในคัมภีร์ของพุทธศาสนาแทบทุกๆ นิกาย โดยถ้อยคำภาษาบาลีที่ว่าไว้ว่า อุปปาทา วา ภิกขเว ตถาคตานัง, อนุปปาทา วา ตถาคตานัง, ฐิตา วสา ธาตุ, ธัมมัฏฐิตา ธัมมนิยามตา...หรือแปลเป็นไทยๆ ก็คงประมาณว่า...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไม่ว่าพระตถาคต (พระพุทธเจ้า) ทั้งหลาย จะเกิดขึ้นก็ตาม จะไม่เกิดขึ้นก็ตาม ธรรมธาตุที่ว่านี้ ได้ตั้งอยู่แล้วเทียว ตั้งอยู่อย่างธรรมดา และตั้งอยู่ในฐานะเป็นกฎตายตัวแห่งความธรรมดา...อะไรทำนองนั้น...

                                                       (6)

                ธรรมะ ที่อยู่เหนือไปจาก ธรรมชาติแห่งการปรุงแต่ง มันจึงย่อมอยู่เหนือไปจากความร้อน-ความเย็น ความมืด-ความสว่าง ความชอบ-ความชัง และความอะไรต่อมิอะไรที่เป็นไปแบบบวกๆ-ลบๆ ไปตามการปรุงแต่งของอารมณ์ความรู้สึกในแต่ละชนิด แต่ละประเภท และแต่ละสถานการณ์นั่นเอง ไฟ ที่สุดแสนจะร้อน สามารถหลอมละลายขุนเขา แผ่นดิน แผ่นน้ำ แผ่นฟ้า ให้เหลวเป๋ว เปลี่ยนรูป เปลี่ยนร่าง เปลี่ยนไปจากเท่าที่เคยมีมาแต่เดิมๆ ไปจนได้ มันจึงกลับกลายเป็นแค่ น้ำนมอุ่นๆ ที่ไหลผ่านบรรดาผู้ประพฤติธรรม และผู้ยึดมั่นในธรรมทั้งหลาย ด้วยประการฉะนี้...

                                                      (7)

       ด้วยเหตุนี้...ก็อย่าถึงกับต้องไปตื่นเต้ลล์ล์ล์ ตกอก-ตกใจ หูแหก-ตาแหก นั่งโพสต์ นั่งแชร์ อะไรต่อมิอะไรกันชนิดโลกแตกที่ประเทศไทย เกิดอาการแผ่นดินไหวระดับสั่นสะท้าน สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งแผ่นดิน ทั้งปฐพี อะไรทำนองนั้น เนื่องจากสิ่งทั้งหลาย ทั้งปวงที่ว่านี้ ก็เป็นเพียงแค่ ธรรมชาติแห่งการปรุงแต่ง เท่านั้นเอง เพราะสำหรับผู้ซึ่งยึดมั่น ศรัทธา อยู่ในคุณงาม ความดี ใน ธรรมะ ที่อยู่เหนือไปจากการปรุงแต่งทั้งสิ้น ทั้งปวง ท้ายที่สุดแล้ว...ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมต้องเป็นไปตาม กฎตายตัวแห่งความธรรมดา หรือ กฎเหล็กแห่งธรรมชาติ อันว่าด้วย...ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้ย่อมเป็นไป นั่นแล...

                         ---------------------------------------------------------------------

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"