พระเทพฯ ทรงห่วงองค์ความรู้โบราณคดีสูญหาย รับสั่งจัดเก็บรายงานสแกนเป็นไฟล์ดิจิทัล ใช้ศึกษาค้นคว้าต่อไป


เพิ่มเพื่อน    

 12 ก.พ.62-นายพีรพน  พิสณุพงศ์  ผอ.ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)(ศมส.)  กล่าวว่า  จากการที่ ตนนำคณะกรรมการบริหาร ศมส. เข้าเฝ้าฯ  สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเพื่อถวายรายงานความคืบหน้าการดำเนินงาน ของ ศมส. ในโอกาสนี้  พระองค์ทรงมีรับสั่งถึงการเก็บรวบรวมเอกสารรายงานของนักโบราณคดีที่จะต้องมีการบันทึกด้วยการสแกนเก็บไว้เป็นหลักฐานในการดำเนินงานโครงการต่างๆ    ตั้งแต่เริ่มต้นการวางแผนโครงการ สำรวจ เก็บข้อมูล ขุดค้น การศึกษาวิเคราะห์  สังเคราะห์  เทคนิคการทำงาน และขั้นตอนการดำเนินงานต่างๆ จนจบโครงการ  ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนหลายพันรายการ  แต่อยู่กระจัดกระจายตามหอสมุด หอจดหมายเหตุแห่งชาติในพื้นที่ต่างๆ และมีบางส่วนเป็นรายงานเรื่องสำคัญถูกทำลายหายไป เพราะเหตุภัยพิบัติรวมถึงการเก็บรักษาที่ไม่ดี  ทั้งปลวกกิน น้ำท่วม  โดยทรงเห็นว่า  ควรมีการเก็บรักษาและนำมาเผยแพร่  เพราะ รายงานนักโบราณคดีเป็นประโยชน์ต่อการส่งต่อองค์ความรู้การดำเนินงานของนักโบราณคดีในอดีตสู่ปัจจุบัน  ตลอดจนนักศึกษาและผู้สนใจรุ่นต่อไป

 นายพีรพน กล่าวต่อว่า  ตนได้ประสานงานไปยังนายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เพื่อหาแนวทางในการรวบรวมข้อมูล อนุรักษ์ และเผยแพร่รายงานของนักโบราณคดีให้เป็นรูปธรรม ซึ่งได้มีการประสานงานต่อไปยังสำนักศิลปากรทั่วประเทศเพื่อช่วยสำรวจว่า มีจำนวนกี่เรื่อง  พร้อมคัดแยก แบ่งหมวดหมู่ และจัดลำดับช่วงเวลาของรายงาน เพื่อให้สามารถนำมารวบรวมได้ง่าย พร้อมกันนี้ ยังได้มีแนวทางการดำเนินงานต่อไป แบ่งเป็น  2 ส่วน ได้แก่ 1. ทาง ศมส. จะโอนงบประมาณไปยังสำนักศิลปากรเพื่อจ้างผู้มีความรู้ความสามารถในการสแกนรายงานนักโบราณคดี เพื่อนำมาจัดเก็บรูปแบบไฟล์ดิจิทัล  และ 2 ศมส. จะดำเนินการจ้างผู้มีความรู้ไปทำการสแกนในแต่ละพื้นที่เอง  และหลังจากมีการสแกนเอกสารเสร็จแล้ว ทาง ศมส. จะต้องทำการจำแนกประเภทของรายงานอีกครั้ง โดยอาจจะเพิ่มเติมในการส่วนการแบ่งพื้นที่จังหวัด และลักษณะการดำเนินงานของนักโบราณคดี  ก่อนที่จะนำมาเผยแพร่สาธารณะผ่านคลังข้อมูลนักโบราณคดี ในเว็บไซต์ของ ศมส.  ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ 2562 

       “ สมเด็จพระเทพฯ ทรงมีรับสั่งต่องาน ศมส. ว่า การก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นศูนย์เผยแพร่ ข้อมูลวิชาการด้านมานุษยวิทยา  พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ขณะเดียวกันในส่วนรายงานของนักโบราณคดีถือว่ามีความสำคัญและเกี่ยวพันการทำงานของ ศมส. ซึ่งนับวันจะเสี่ยงต่อความเสียหาย  บางเล่มตีพิมพ์เป็นเอกสารทางการแล้ว เป็นเรื่องที่มีประโยชน์ แต่ไม่ได้รับความสนใจ  ดังนั้น ควรมีการสแกนเก็บไว้จะเป็นการรักษาองค์ความรู้  ทั้งนี้ หากเราทำให้สังคมสามารถสืบค้นข้อมูลเชิงลึก ซึ่งอยู่ในบันทึกของนักโบราณคดีได้ ก็จะทำให้องค์ความรู้ตั้งแต่ระดับปฐมภูมิที่ถูกบันทึกไว้โดยนักโบราณคดี จนถึงที่สังเคราะห์แล้วเป็นข้อมูลทุติยภูมิ สามารถนำมาใช้งานได้ ไม่ต้องแขวนขึ้นหิ้งหรือถูกเก็บไว้ในกรุอีกต่อไป” นายพีรพน กล่าว  

///


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"