‘จำนำ-นิรโทษ’หลอน ‘ชัชชาติ’ยันไม่ใช้เป็นนโยบายแล้ว‘หน่อย’ให้เลือกอยู่กับ‘ลุง’หรือ‘เจ๊’


เพิ่มเพื่อน    

  เข็ดแล้ว! "ชัชชาติ" ยืนยัน นิรโทษกรรม-จำนำข้าว ไม่เอามาเป็นนโยบายพรรค รับปากกับชาวบ้านจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก ลั่นใครชนะเลือกตั้งก็พร้อมไปร่วมงาน แต่ "เจ๊หน่อย" จูง "โอ๊ค" ไปช่วยหาเสียง ยังปราศรัยดุ ถามว่ายังมีความสุขกับการฟังเพลงทุกวันศุกร์อยู่กับลุง หรือจะก้าวออกจากความทุกข์ไปกับเพื่อไทย "มาร์ค" ให้นายกฯ สั่ง 250 ส.ว.สนับสนุนคนที่ประชาชนเลือก ยันหลักการพรรคที่ชนะต้องมีสิทธิตั้งรัฐบาลก่อน

        เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมแกนนำพรรค อาทิ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน, นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ลงพื้นที่สวนสุขภาพสมาคมแต้จิ๋ว ช่วยหาเสียงให้ น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 บางรัก สาทร ปทุมวัน หมายเลข 4 และ ม.ล.อภิมงคล โสณกุล ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 ยานนาวา บางคอแหลม หมายเลข 13 โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชนที่มาออกกำลังกาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุคนไทยเชื้อสายจีนที่คุ้นเคยกันกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นพื้นที่ฐานเสียงเดิมของพรรคประชาธิปัตย์มายาวนาน ซึ่งบางคนบอกว่าเลือกพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน เพราะอยากให้นายอภิสิทธิ์กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
    นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์กรณีที่บางพรรคการเมืองกังวลว่าเมื่อทราบผลการเลือกตั้งแล้ว พรรคพลังประชารัฐจะชิงจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับ ส.ว. 250 คนก่อนพรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้งว่า ตนยืนยันมาตลอดว่า แม้ ส.ว.จะมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ แต่อยากให้บ้านเมืองเดินหน้าราบรื่น เพื่อเป็นพื้นฐานสำคัญแก้ปัญหาเศรษฐกิจและประชาธิปไตยเป็นที่ยอมรับ ส.ว. ควรดูเจตนารมณ์ของประชาชน 
    "ผมได้เรียกร้องให้พรรคการเมืองดำเนินการภายในของสภาผู้แทนราษฎรให้ชัดเจนก่อน ว่าเสียงข้างมากสนับสนุนใครเป็นรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ถ้าทุกพรรคทำแบบนี้ ก็จะสะท้อนความต้องการของประชาชน พร้อมฝากถึงคนที่คิดจะทำว่าอย่าทำเลย ขอให้เห็นแก่ประเทศชาติ ให้เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ทำให้ชาวโลกมั่นใจในกระบวนการประชาธิปไตย"
         ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่าการมี ส.ว. เพื่อแก้ปัญหากรณีการจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ นายอภิสิทธิ์เห็นว่า เป็นคนละประเด็น เพราะตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้ ส.ว.มีความเป็นกลาง ซึ่งในอดีตพรรคประชาธิปัตย์ได้ทักท้วงเวลาที่พรรคการเมืองพยายามเข้าไปครอบงำ ส.ว. ซึ่งหาก พล.อ. ประยุทธ์เห็นว่าหลักการนี้ถูกต้อง ควรสร้างความมั่นใจ ในฐานะที่เป็นรัฐบาลในขณะนี้ ซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วนได้เสียในการเลือกตั้ง ว่าจะไม่ครอบงำ ส.ว. และควรบอกกับ ส.ว. เหมือนกับที่ตนเองพูดมาตลอดว่าให้ ส.ว.สนับสนุนใครก็ตามที่ประชาชนสนับสนุนให้จัดตั้งรัฐบาล
ให้เป็นตามระบบสากล
    "ถ้าพลเอกประยุทธ์ออกมาพูดแบบนี้จะทำให้ทุกคนสบายใจ เพราะตามหลักสากล หลักธรรมาภิบาล ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เพราะจะทำให้เกิดปัญหาตามมา หากมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถตอบแทนพรรคการเมืองอื่นได้ว่าพรรคพลังประชารัฐและพรรคที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์จะชิงจัดตั้งรัฐบาลกับ ส.ว.ก่อน แต่ผมได้พยายามสอบถามพรรคการเมืองที่ไปเจอทุกเวที ว่าควรให้การเลือกตั้งเป็นไปตามระบบสากล"
          นายอภิสิทธิ์ยอมรับว่า สิ่งที่รัฐบาล คสช.ทำในเรื่องดีๆ ก็มี เช่นเรื่องของความสงบ ประชาชนพอใจ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง การบริหารแบบนี้คนส่วนใหญ่ไม่ไหว ต้องพูดความจริง การจะลงสู่สนามประชาธิปไตยต้องสามารถยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่จะให้ดีนายกรัฐมนตรีควรที่จะมาร่วมดีเบตกับพรรคการเมือง และจะเป็นโอกาสที่จะได้ชี้แจงในสิ่งที่พรรคการเมืองกล่าวหา หากไม่ใช่เรื่องจริง
    นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์บอกว่า ส.ว.ทั้ง 250 มีสมองว่า ตนเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์มีสมองมากกว่า ส.ว. 250 คน ซึ่งความเป็นจริงถ้า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เสนอตัวอยู่ในบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ และจัดตั้ง ส.ว. ตนก็เชื่อว่า ส.ว.จะมีสมอง สามารถทำได้ตามเจตนารมณ์ รู้ผิดชอบชั่วดี แต่ทั้งนี้เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์แต่งตั้ง ส.ว.เองได้นั้น ขอถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ตั้งคนที่ไม่โหวตตนเองหรือ
    ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย, นายพานทองแท้ ชินวัตร สมาชิกพรรคเพื่อไทย และบุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นำทีมผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย ทั้ง 3 เขต ประกอบด้วย นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ผู้สมัครเขต 1, น.ส.ชนก จันทาทอง เขต 2, นายเอกธนัช อินทร์รอด เขต 3 ซึ่งผู้สมัครทั้ง 3 คนต่างได้หมายเลข 16 เหมือนกันใน 3 เขต โดยคณะลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากประชาชนที่ตลาดสดโพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองคาย 
    โดยคุณหญิงสุดารัตน์ระบุกับประชาชน โดยขอให้เลือกพรรคเพื่อไทย จะได้ตนในฐานะแคนดิเดตนายกฯ เข้าไปทำงาน การเลือกครั้งนี้เป็นอนาคตของลูกหลานว่าจะอยู่ต่อไปอีก 4 ปีไหวหรือไม่ เพราะกลไกเลือกตั้งครั้งนี้ มี ส.ว. 250 คนมาเลือกนายกฯ โดย ส.ว.สามารถเลือกนายกฯ ได้ถึง 8 ปี จึงต้องถามว่าจะยอมอยู่แบบนี้ต่อไปอีก 4 ปีหรือไม่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะเป็นกุญแจไขออกจากความทุกข์ 
    “ถ้าพี่น้องเห็นว่า 4-5 ปีลำบาก ขอให้ไปเลือกพรรคเพื่อไทยไปสร้างอนาคต การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องชนะถล่มทลายท่วม 250 ส.ว. เป้าหมายต้องขอคะแนนเขตละ 70,000 โดยวันเดียวที่ไล่เขาไปคือ 24 มี.ค. อย่าเลือกเพราะชนะ แต่ต้องเลือกให้ถล่มทลายท่วม ส.ว. 250 คน” 
จะอยู่กับลุงหรืออยู่กับเจ๊
    คุณหญิงสุดารัตน์ระบุว่า สิ่งที่พูดมาทั้งหมดจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.นี้ พรรคเพื่อไทยสอบตก แล้วลุงได้อยู่ต่อ ถามว่ายังมีความสุขกับการฟังเพลงทุกวันศุกร์อยู่กับลุง หรือจะก้าวออกจากความทุกข์ไปกับเพื่อไทย 
    คุณหญิงสุดารัตน์ยังย้ำว่า พรรคเพื่อไทยจะเข้ามากู้เศรษฐกิจไม่นาน ใช้เวลาใน 6 เดือนจะทำให้ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น ขอโอกาสให้ผู้สมัคร ส.ส.หนองคายของพรรคเพื่อไทยยกจังหวัดทั้ง 3 คน หมายเลข 16 
    จากนั้น คุณหญิงสุดารัตน์, นายพานทองแท้ พร้อมทีมผู้สมัคร ส.ส. เข้ากราบนมัสการและขอพรพระธรรมมงคลรังษี (คำบ่อ อรุโณ) เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย อายุ 96 ปี 77 พรรษา โดยพระธรรมมงคลรังษี ประพรมน้ำมนต์พร้อมมอบพระหลวงพ่อพระใส รุ่นแผ่บารมี และให้พรคุณหญิงสุดารัตน์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี รวมทั้งให้ผู้สมัคร ส.ส.ได้รับเลือกตั้งยกจังหวัด
    ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า 250 ส.ว. จะมีสมองหรือรักประเทศชาติหรือไม่ ก็ต้องรอดูหลังการเลือกตั้งว่าจะฟังเสียงคนส่วนใหญ่ของประเทศที่ส่งสัญญาณผ่านการเลือกตั้ง หรือจะทำตัวเป็นหุ่นยนต์ยืนรอให้ พล.อ.ประยุทธ์กดปุ่มว่าจะให้ยกมือแบบไหน ทั้งนี้ ส.ว.ทั้ง 250 คน มีสิทธิ์ยกมือโหวตเลือกนายกฯ ได้ แต่กลับถูกแต่งตั้งโดย พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งก็เป็นแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคพลังประชารัฐด้วย จึงถือว่ามีส่วนได้ส่วนเสียกับการเลือกตั้ง แล้วจะไม่ให้ชาวบ้านมองว่า 250 ส.ว เป็นฐานเสียงส่วนตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อสืบทอดอำนาจได้อย่างไร เพราะ พล.อ.ประยุทธ์สามารถล็อกสเปกและคัดเลือก ส.ว สรรหาเหล่านี้เองกับมือ โดย พล.อ.ประยุทธ์ก็ยอมรับเองว่า 250 ส.ว.กลุ่มนี้เป็นเครือข่ายของตน ถือว่าไร้ยางอายทางการเมือง เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อนกันอย่างชัดเจน 
    “ทั้งยังสะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีอภิสิทธิ์เหนือคนไทยทั้งประเทศ เพราะคนไทย 77 ล้านคน มีสิทธิ์เลือก ส.ส. ทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อเพียง 500 คนเท่านั้น แต่ พล.อ.ประยุทธ์เพียงคนเดียว มีสิทธิ์เลือก ส.ว. ได้ถึง 250 คน หรือครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้แทนทั้งหมดที่คนไทยทั้งประเทศมีสิทธิ์เลือก แสดงว่า พล.อ.ประยุทธ์คนเดียวมีเสียงเท่ากับคนไทย 36.5 ล้านคนเชียวหรือ แบบนี้มันเท่าเทียมกันตรงไหน เพราะมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะยากดีมีจน ก็ควรจะมี 1 สิทธิ 1 เสียงเท่ากัน แล้วทำไมเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์คนเดียวจึงดังเท่ากับคนไทยครึ่งประเทศ” รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว
    ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในบัญชีของพรรคเพื่อไทย และ น.ส.ลีลาวดี วัชโรบล ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 1 (พระนคร-ป้อมปราบฯ-ดุสิต) หมายเลข 9 เดินทางมาหาเสียง พูดคุยกับชมรมตลาดผลไม้สะพานขาว สี่แยกมหานาค ผู้รับซื้อและค้าส่งผลไม้ทั่วประเทศ โดยเปิดเผยว่า พ่อค้าหลายรายยอมรับว่าการค้าขายจาก 100% ลดลงเหลือ 5% เนื่องจากเศรษฐกิจระดับฐานรากตกต่ำ ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ พ่อค้าแม่ค้าผลไม้ปลีกจากต่างจังหวัดที่เคยมาซื้อที่ตลาดมหานาคก็ลดลง ประกอบกับการจัดระเบียบที่จอดรถริมถนนและการจัดระเบียบทางเท้า ทำให้การจอดรถซื้อขายผลไม้ลดลงอีก ซึ่งพ่อค้าต้องการให้พรรคเพื่อไทยเตรียมนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้
เข็ดแล้วไม่เอาจำนำข้าว
    นายชัชชาติกล่าวว่า อันดับแรกคือต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา เพื่อให้เกิดการลงทุน เพราะทุกวันนี้เงินในระบบมีเยอะ แต่คนไม่กล้าลงทุน เพราะไม่มั่นใจในเสถียรภาพทางการเมือง พร้อมทั้งพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานราก เช่น เกษตรกร ให้ได้ราคาสินค้าที่ดีขึ้น มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพื่อให้มีกำลังซื้อ ขณะเดียวกันต้องพึ่งพาการลงทุนจากต่างประเทศให้น้อยลง แต่พึ่งพาเศรษฐกิจภายในประเทศให้มากขึ้น ได้แก่ การลงทุนในระดับเส้นเลือดฝอย, การบริโภคภายในประเทศ และการเกษตร ขณะเดียวกันจะต้องช่วยเหลือคนตัวเล็กให้มีแหล่งกู้ยืมเงินลงทุนและใช้จ่ายหมุนเวียน ประกอบกับรัฐบาลจะต้องสนับสนุนเทคโนโลยีและให้ความรู้ในการใช้จ่ายเงินลงทุน
    นายชัชชาติยังกล่าวเสริมว่า เดิมประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม แต่ยังไม่มีการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพของการเกษตรให้ดีขึ้น กลับไปเริ่มต้นอุตสาหกรรมและพัฒนาอุตสาหกรรมก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นแรงงานราคาถูก และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ในขณะที่โครงสร้างเศรษฐกิจโลกเริ่มเปลี่ยนไป ดังนั้นต้องเพิ่มประสิทธิภาพของเกษตรให้ดีขึ้น เพิ่มความต้องการซื้อในตลาด พัฒนาและแปรรูปสินค้าเพื่อเพิ่มราคา พัฒนาระบบชลประทานเพื่อให้เกษตรกรสามารถปลูกพืชทางเลือกได้เพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตร ลดต้นทุนแรงงานให้น้อยลง เพิ่มรายได้ให้มากขึ้น ส่วนการช่วยเหลือคนจนเป็นนโยบายระยะสั้นที่ต้องดูเป็นรายกรณี
    นอกจากนี้ยังมีประชาชนพูดถึงเรื่องร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นายชัชชาติน้อมรับและพร้อมปรับปรุงไม่ให้เกิดขึ้นอีก พร้อมกล่าวว่า อยากให้ทุกคนถอดเสื้อทุกสี แล้วใส่เสื้อประเทศไทย หลังการเลือกตั้งหากใครได้เป็นรัฐบาล ตนก็พร้อมที่จะทำงานไปด้วยกัน
    พร้อมกันนี้ นายชัชชาติยังปฏิเสธกรณีพรรคเพื่อไทยจะเอาไว้ทำโครงการรับจำนำข้าวต่อ แต่จะมีโครงการอื่นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว พร้อมทั้งกล่าวย้ำว่า ไม่อยากให้คนไทยเลือกพรรคเพื่อไทย เพราะสัญญาว่าจะให้ราคาสินค้าดี แต่อยากให้เลือกพรรคเพื่อไทยเพราะเห็นว่าพรรคเพื่อไทยมองเห็นปัญหา มองเห็นอนาคต และมีผู้บริหารมืออาชีพที่จะแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
    ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรค และคณะ ได้ลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดนวลจันทร์ 36 และตลาดนัดหัวมุม เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 
โค้งสุดท้ายเจอกัน
    นายสนธิรัตน์ให้สัมภาษณ์ถึงผลสำรวจกรุงเทพโพลล์ล่าสุด คะแนนประชาชนเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นอันดับ 1 แต่ส่วนของพรรคเลือกพรรคเพื่อไทยว่า ผลสำรวจกรุงเทพโพลล์ พรรค พปชร.มีคะแนนพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นว่าพรรคมีคะแนนนิยมที่สูงขึ้น ถือเป็นกำลังใจให้กับผู้สมัครของพรรคทุ่มเทการทำงานในช่วง 4 สัปดาห์สุดท้ายนี้ ที่จะออกมาขอคะแนนจากพี่น้องประชาชน และเป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนที่พี่น้องประชาชนให้ความไว้วางใจ โดยได้รับความนิยมสูงสุดที่จะให้เป็นนายกรัฐมนตรี
    นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยนายศันสนะ สุริยะโยธิน ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 22 เบอร์ 11 ลงพื้นที่หาเสียงพบปะประชาชนเขตธนบุรี และเยี่ยมชมสถานที่สำคัญ โดยได้เข้ากราบสักการะหลวงพ่อโต วัดกัลยาณมิตร ศาลเจ้าเกียนอันเกง อายุมากว่า 100 ปี และโบสถ์ซานตาครูซ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวชุมชนต่างๆ เช่น โรงขนมฝรั่งป้าเป้า บ้านเรือนไทยจันทนภาพ และบ้านกุฎีจีน 
    นายกอบศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้เสียงประชาชนที่สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐใน กทม.ตอบรับดี มีความคึกคักในหลายพื้นที่ที่มีโอกาสเข้าไปสื่อสารนโยบาย และมั่นใจว่าจะได้รับการสนับสนุนมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เหลือ ซึ่งต้องทำงานอย่างหนัก
    เขายืนยันว่า ส.ว. 250 คน ไม่ใช่จุดสำคัญในการขับเคลื่อนรัฐบาล เพราะการทำงานจำเป็นต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นจึงเห็นว่าการใช้เสียง ส.ส.เพียง 126 คน รวมกับ ส.ว. 250 คนเพื่อจัดตั้งรัฐบาล จึงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งใครจะเป็นเสียงข้างมาก ต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ และคิดว่ายังเร็วไปที่จะบอกว่าใครจะเป็นพรรคที่นำการจัดตั้งรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐจะร่วมกับพรรคการเมืองใด 
    ด้านพรรคภูมิใจไทย นำโดย พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรค พร้อมด้วยนายณฐพนธ์ คงศิลา ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางคอแหลม-ยานนาวา นำทีมงานผู้สมัครลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนที่ย่านเจริญกรุง ซึ่งได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี
    พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยให้ความสำคัญกับทุกพื้นที่ อย่างวันนี้เรานำทีมผู้สมัครส.ส.กทม.ของพรรคมาแนะนำให้พี่น้องในพื้นที่ได้รู้จักมากขึ้น ที่บอกอย่างนี้เพราะนายณฐพนธ์ถือว่าเป็นคนพื้นที่อย่างแท้จริง เกิดและโตมากับย่านเจริญกรุง เขาจึงอยากตอบแทนในฐานะที่เป็นบ้านเกิด ซึ่งเราได้นำนโยบายของพรรคที่มีประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่มาบอกกล่าวกับพี่น้องให้เกิดความเข้าใจ ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ของเขตนี้เป็นแหล่งชุมชนเก่า มีตลาด มีสถานที่ท่องเที่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งพรรคภูมิใจไทยมีนโยบายที่จะส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวอยู่แล้ว ผ่านนโยบายเศรษฐกิจแบ่งปัน หรือ Sharing economy ซึ่งเราสามารถพัฒนาให้แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมใหม่ๆ ได้ ส่งผลดีทั้งพ่อค้าแม่ค้า เจ้าของอาคารบ้านเรือนที่จะพัฒนาเป็นโฮสเทลได้ เป็นการเพิ่มและกระจายรายได้ในชุมชนได้เป็นอย่างดี
"ป."แพ้ทางเสรีพิศุทธ์
    ขณะที่ พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งพื้นที่กรุงเทพฯ พรรคภูมิใจไทยยังมุ่งมั่นที่จะปักธงให้ได้ แม้จะเป็นเรื่องยากก็ตาม แต่เราก็ต้องเดินหน้าทำเต็มที่ ลงพื้นที่ทุกวัน ได้เห็นพัฒนาการของการตอบรับที่ดีจากประชาชนเราก็ดีใจ ที่เขาเห็นว่านโยบายของเราจะเป็นประโยชน์กับเขาได้ จากนี้ไปพรรคก็จะเดินหน้าลงพื้นที่นำนโยบายไปบอกประชาชนอย่างต่อเนื่อง
    ด้านนายณฐพนธ์กล่าวว่า ตนเองถือเป็นคนพื้นที่ เข้าใจสภาพความเป็นอยู่ ปัญหาที่พี่น้องต้องเจอ การลงสมัครครั้งนี้ตั้งใจเข้ามาทำบ้านเกิดของเรา อยากแก้ปัญหา ทลายข้อจำกัดต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาปากท้องให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่
    พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวในระหว่างงานเปิดศูนย์ประสานงานพรรคเขตเลือกตั้งที่ 1 และ 2 จังหวัดกาญจนบุรี คนที่มีชื่อเริ่มต้นด้วย ป. แพ้ตนเองมานักต่อนักแล้ว อาสามาช่วยแก้ปัญหาให้บ้านเมือง พร้อมขอความร่วมมือชาวไทยทุกคนมารวมพลัง สร้างชาติ
         “ที่ผ่านมา ผมปราบมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ป.ประตูน้ำ หรือว่ากำนันเป๊าะ นั่นแสดงว่าคนที่ชื่อมีตัว ป. นำหน้า แพ้ทางผมแน่นอน ใครที่ชื่อนำหน้า ป.ปลา คงจะรู้นะ มาถึงวันนี้ ผมยังยืนยันว่าปัญหาของประเทศเกิดมาจากทหาร ฉะนั้น หากเราสามารถจัดการกับทหารได้ บ้านเมืองจะกลับมาสงบสุขได้อย่างแน่นอน" หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยกล่าว
    ที่สวนเบญจกิติ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสฟ้ารักพ่อฟีเวอร์ จะทำให้คะแนน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่มขึ้นหรือไม่ว่า จะมีเซอร์ไพรส์หลังเลือกตั้ง ทั้งในพื้นที่ กทม.และต่างจังหวัด ตนขอให้รอหลังเลือกตั้ง ทั้งนี้ตนยังไม่อยากประเมิน เพราะมองว่ายังเร็วเกินไป แต่ยอมรับว่าจากกระแสฟ้ารักพ่อทำให้ผมมีความหวังมาก ในขณะที่ ส.ส.เขตของพรรคก็มีความพยายามในการลงพื้นที่ ทุกคนสร้างกระเเสด้วยตนเอง ทั้งนี้ นายธนาธร กล่าวว่า สำหรับนโยบายที่เกี่ยวข้องกับกรุงเทพมหานคร อาจจะเน้นในเรื่องของนโยบายการจัดการสิ่งแวดล้อม การคมนาคม การทำให้การใช้ชีวิตประจำวันมีความสะดวก เข้าถึงสาธารณูปโภคพื้นฐาน 
"ธนาธร"ไล่ลูกเดียว
    เมื่อถามถึงกรณีได้มีการแก้ไขประวัติการทำงาน นายธนาธรกล่าวว่า ถึงแม้ว่านักกฎหมายออกมาระบุว่าความผิดพลาดดังกล่าวไม่ถึงขั้นยุบพรรค แต่จะถึงผลกระทบอนาคตทางการเมืองนั้น ตนไม่รู้สึกกังวล เพราะไม่ใช่เป็นประเด็นใหญ่ ซึ่งเราได้ชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบแล้วว่าเป็นความผิดพลาดทางเทคนิค และที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยเอาประเด็นดังกล่าวมาหาเสียงหรือหลอกลวงประชาชน และก็ได้ขอโทษไปแล้ว ส่วนใครจะนำเรื่องนี้ไปดำเนินคดีก็ปล่อยไป แต่ยืนยันตนจะสู้ให้ถึงที่สุด 
    รวมถึงประเด็นการไลฟ์สดที่ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความกลัวของระบอบเผด็จการ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ทั้ง 2 ฝ่าย คือฝ่ายเผด็จการและฝ่ายประชาธิปไตย ถือว่ามีการเดิมพันไว้สูงมาก หากฝ่ายเผด็จการแพ้ ตนมองว่าจะไม่มีสิทธิ์กลับมาได้เลย แต่หากฝ่ายประชาธิปไตยแพ้ อนาคตของประเทศไทยก็จะกลับไปสู่วังวนเดิมไปอีก 8 ปี โดยที่มี พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ตนอยากเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันหยุดการสืบทอดอำนาจของ คสช. 
    "ผมยังเชื่อมั่นว่า ส.ว. 250 เสียงไม่มีความชอบธรรมในการโหวตเลือกนายกฯ เนื่องจากไม่ได้มาจากเสียงของประชาชน จึงอยากเรียกร้อง ส.ส. 500 เสียง ที่มาจากการเลือกตั้งเลือกนายกฯ โดยไม่ต้องอาศัยเสียงจาก ส.ว. ทั้งนี้ ตามมารยาทแล้วพรรคที่ได้คะแนนเสียงสูงสุดสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อน" นายธนาธรกล่าว 
    นางวรกร จาติกวณิช ภรรยาของนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผยแพร่ข้อความในเฟซบุ๊กว่า "ในส่วนของประวัติการทำงาน มันเป็นความผิดพลาดจริงๆ ไม่ได้มีเจตนาหลอกลวง และในส่วนที่ใช้โรบอตปั่นแฮชแท็กจนขึ้นอันดับหนึ่ง จนถูกทวิตเตอร์จับได้และลบทิ้ง นี่ก็คงไม่ได้มีเจตนาหลอกลวงเช่นกัน"
    นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ นำนายพุฒิพรชัย พัฒนาบุญไพบูลย์ ผู้สมัครเขตลาดกระบัง และนายทวี พัฒนาบุญไพบูลย์ ผู้สมัครเขตสะพานสูง ลงพื้นที่หาเสียงย่านชุมชน โดยชูนโยบายลดราคาน้ำมันลิตรละ 5 บาท ซึ่งพรรคพลังธรรมใหม่เชื่อมั่นว่าหากมีโอกาสได้เข้าไปบริหารประเทศ การลดราคาน้ำมันลิตรละ 5 บาทจะสามารถทำได้ทันที ซึ่งจะเป็นมาตรการที่ช่วยเหลือคนไทยได้ในทุกระดับชนชั้น
          ทั้งนี้ พรรคพลังธรรมใหม่ยังชูนโยบายปราบการทุจริตคอร์รัปชัน โดยนำเอาแนวทางของพรรคพลังธรรมเดิมที่นำโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตหัวหน้าพรรค มาเป็นหลักในการบริหารประเทศด้วย
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงพื้นที่วันนี้พรรคพลังธรรมใหม่ได้รับการตอบรับจากประชาชน พ่อค้าแม่ค้า เป็นอย่างดี ซึ่งได้มีการสอบถาม นพ.ระวี ถึงแนวทางที่จะช่วยแก้เรื่องพลังงานว่าจะสามารถทำได้จริงหรือไม่.
    
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"