พลังเงียบหลับ ‘บิ๊กตู่’ยังนำลิ่ว เพืิ่อไทยมาแรง


เพิ่มเพื่อน    

 ซูเปอร์โพลเผยพลังเงียบยังไม่ตื่น จับตาส่วนใหญ่เป็นแม่ยก พลิกโผ "เสี่ยหนู" เข้าวินสเปกนายกฯ อายุ 50 ต้นๆ ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของใคร ทิ้ง "ธนาธร" ขาด ขณะที่กรุงเทพโพลชี้พรรคเพื่อไทยยังได้รับความนิยมสูงสุด ตามด้วยพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์  แต่ "บิ๊กตู่" ยังได้รับการสนับสนุนให้เป็นนายกฯ มากที่สุด ตามด้วย "เจ๊หน่อย-มาร์ค"

    เมื่อวันเสาร์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง จับคู่เหตุผล ผู้เสนอตัวนายกฯ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 3,572 ตัวอย่าง โดยดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 20 กุมภาพันธ์-8 มีนาคม พ.ศ.2562 ที่ผ่านมา 
    เมื่อสอบถามถึงจุดยืนทางการเมืองช่วงก่อนโค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง พบว่า ร้อยละ 21.5 สนับสนุนรัฐบาล ในขณะที่ร้อยละ 16.1 ไม่สนับสนุนรัฐบาล และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.4 เป็นพลังเงียบ โดยในกลุ่มผู้หญิงมีอยู่ร้อยละ 65.3 ซึ่งมากกว่าในกลุ่มผู้ชายที่มีอยู่ร้อยละ 59.7 ที่เป็นพลังเงียบ 
    นอกจากนี้ เมื่อจำแนกตามอาชีพ พบว่า กลุ่มคนว่างงานเป็นกลุ่มพลังเงียบมากที่สุด คือร้อยละ 74.4 รองลงมาคือกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ ร้อยละ 64.6 และกลุ่มเกษตรกรและรับจ้างทั่วไปร้อยละ 62.8 อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลที่มากที่สุด คือ นักศึกษา มีอยู่ร้อยละ 34.7
    ที่น่าสนใจคือ การจับคู่เหตุผล ตัวตน ผู้เสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรี พบว่า อันดับแรก หรือร้อยละ 22.2 ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล อายุ 50 ต้นๆ เป็นนักธุรกิจ เคยเป็นผู้บริหารประเทศระดับสูง เก่งแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของใคร จิตใจดีมีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่น รองลงมาคือ ร้อยละ 19.4 ได้แก่ นาย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อายุประมาณ 40 ปี อดีตนักธุรกิจ เป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ฯลฯ, ร้อยละ 9.1 ได้แก่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อายุ 50 กว่าปี อดีตผู้บริหารประเทศระดับสูง ยึดหลักการ แก้ปัญหามากมาย 
    นอกจากนี้ ร้อยละ 8.7 ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อายุกว่า 60 ปี เป็นผู้บริหารประเทศระดับสูง แก้ปัญหามากมาย, ร้อยละ 5.8 ได้แก่ คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อายุเกือบ 60 ปี อดีตผู้บริหารประเทศระดับสูง เด่นด้านสุขภาพ แก้ปัญหามากมาย,  ร้อยละ 3.0 ได้แก่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อายุ 50 ปีต้น ๆ อดีตผู้บริหารประเทศระดับสูง เด่นด้านคมนาคม ฯลฯ และร้อยละ 2.5 ได้แก่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อายุประมาณ 70 ปี มีผลงานมากมาย เป็นต้น
    ขณะที่กรุงเทพโพลล์ โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง “นับถอยหลัง 14 วัน สู่การเลือกตั้ง” โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 1,735 คน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 96.7 ตั้งใจว่าจะไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ส.ส. ในวันที่ 24 มี.ค.62 ที่จะถึงนี้ ขณะที่ร้อยละ 1.5 ตั้งใจว่าจะไม่ไป ส่วนร้อยละ 1.8 ยังไม่แน่ใจ
    เมื่อถามว่า เชื่อมั่นมากน้อยเพียงใดว่าการเลือกตั้งที่จะถึงนี้จะไม่มีการทุจริตการเลือกตั้ง ซื้อสิทธิ์ขายเสียง ส่วนใหญ่ร้อยละ 63.0 เชื่อมั่นค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ขณะที่ร้อยละ 37.0  เชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
ส่วนเมื่อถามว่า “ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ตั้งใจจะเลือกผู้สมัครจากพรรคใดมาบริหารประเทศ” พบว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 21.7 จะเลือกพรรคเพื่อไทย (เพิ่มขึ้นจากผลสำรวจครั้งก่อนร้อยละ 8.9) รองลงมาร้อยละ 19.0 จะเลือกพรรคพลังประชารัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4), ร้อยละ 15.5 จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9), ร้อยละ 12.0 จะเลือกพรรคอนาคตใหม่ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3) และร้อยละ 3.9 จะเลือกพรรคเสรีรวมไทย (เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1) ขณะที่ร้อยละ 21.6 ยังไม่ตัดสินใจ (ลดลงร้อยละ 31.8)
สุดท้ายเมื่อถามว่า “ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ท่านจะสนับสนุนใครเป็นนายกรัฐมนตรี” พบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 24.8 จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6) รองลงมาร้อยละ 17.3 จะสนับสนุนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3), ร้อยละ 13.3 จะสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4), ร้อยละ 11.3 จะสนับสนุนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8) และร้อยละ 6.5 จะสนับสนุน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส (เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9) ขณะที่ร้อยละ 17.7 ยังไม่ตัดสินใจ (ลดลงร้อยละ 28.3)
    พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเปิดเผยผลสำรวจของสำนักวิจัยซูเปอร์โพล ที่นายอนุทินได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่งเรื่องการจับคู่เหตุผล ตัวตน ของผู้เสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ว่าต้องยอมรับผลโพลที่ออกมาเป็นสิ่งสะท้อนความรู้สึกนึกคิดของประชาชนได้เป็นอย่างดี ซึ่งการที่ท่านหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่งที่ 22.2% ก็เพราะว่าความที่เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากมาย มีสถานะเป็นนักบริหารที่มีความเก่ง มีความสามารถที่จะเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ และโดยบุคลิกส่วนตัวเป็นที่มีจิตใจดี ชอบการช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือผู้อื่น ที่สำคัญคือภาพการทำงานการเมืองที่ชัดเจนคือ การไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร มีความเป็นกลางทางการเมือง เน้นเรื่องการแก้ไขปัญหาปากท้องให้พี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ
    โฆษกพรรคภูมิใจไทยกล่าวต่อว่า จากผลโพลที่ออกมา ส่วนหนึ่งได้สะท้อนให้เห็นแล้วว่าแนวทางการทำงานของพรรคเป็นสิ่งที่ประชาชนให้การยอมรับ ทั้งในโยบายและตัวบุคคล โดยเฉพาะตัวท่านหัวหน้าพรรค นอกจากนี้ ช่วงที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยได้ลงพื้นที่อย่างหนัก ส่งแกนนำลงไปในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อบอกกล่าวนโยบายและความจริงใจในการเข้ามาพัฒนาประเทศ จึงเห็นผลสะท้อนออกมาที่โพลอย่างชัดเจน
    “เบื้องต้นท่านหัวหน้าพรรคและสมาชิกทุกคนต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ได้ให้การตอบรับพวกเราเป็นอย่างดี ซึ่งเราจะเข้าใจปัญหาและจะเดินหน้าทำหน้าที่อย่างหนักต่อไป เพื่อพี่น้องประชาชน และหวังว่าพี่น้องประชาชนจะให้ความไว้วางใจกับพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.ที่จะถึงนี้” พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"