ร้อนอากาศกับร้อนการเมือง


เพิ่มเพื่อน    

 

                                                          (1)

                อาทิตย์นี้...ยังพอได้นั่งๆ นอนๆ หาทางแก้ร้อน คลายร้อน ด้วยการแก้ผ้า หรือโดดลงตุ่ม ลงอ่าง ไปตามเรื่อง ตามราว แต่สำหรับอาทิตย์หน้า ยังไงๆ...คงต้องใส่เสื้อ ใส่ผ้า ออกไป เข้าคูหากาบัตร หรือไป เลือกตั้งที่รัก กันตามสภาพ ส่วนเมื่อเลือกไปแล้ว มันจะส่งผลให้อะไรต่อมิอะไรร้อนขึ้นๆ หรือพอเย็นๆ ลงไปได้มั่ง อันนั้น...ก็คงต้องขึ้นอยู่กับ ประชาธิปไตยที่อยู่ภายในกำมือ ของแต่ละท่านนั่นแล...

                                                           (2)

                ซึ่งถ้าว่ากันโดยรวมๆ...มันไม่น่าจะถึงกับร้อนมาก ร้อนมาย ร้อนระดับตับแตก ม้ามแตก เหมือนอย่างที่เคยร้อนๆ มาก่อนหน้านี้ประเภทร้อนระดับเผาบ้าน เผาเมือง เผาศาลากลาง ฯลฯ ชนิดผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ไม่ได้ชอบพรรคใด เชียร์พรรคใด ชิงชังพรรคใด พลอยต้องซวยไปล่วย เพราะอย่างน้อย...ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลเผด็จการของพวกทหาร เขาก็หันไปใช้ แป้งเย็นตรางู หรือตรา โยคีในรัศมีวงกลม ก็แล้วแต่ โรยสะดือใครต่อใคร จนพอได้เย็นๆ ลงไปได้บ้าง หรืออย่างน้อยก็พอได้เกิด สติ เกิดการนำเอาบทเรียน ประสบการณ์ มาใช้ในการหาทางช่วยคลายร้อน มากบ้าง-น้อยบ้าง ไปตามสภาพ...

                                                     (3)

                ด้วย สติ อันมีพื้นฐานมาจากบทเรียน จากประสบการณ์ ซึ่งพอจะนำมา ระลึกได้ นี่เอง...ที่น่าจะส่งผลให้บรรดา ปวงชนชาวไทย ทั้งหลาย เกิดทัศนะ มุมมอง ต่อสิ่งที่เรียกๆ กันว่า ประชาธิปไตย แตกต่างไปจากเดิมอยู่บ้างไม่มาก-ก็น้อย คือจะมองไปตาม อารมณ์-ความรู้สึก หรือตาม รสนิยม แบบของใคร-ของมัน คงไม่น่าจะเข้าท่ากันซักเท่าไหร่นัก เพราะโอกาสที่จะทำให้แต่ละสิ่งแต่ละอย่าง มันหวนกลับไปสู่จุดเดิมๆ ฉากสถานการณ์แบบเดิมๆ ย่อมมีความเป็นไปได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ ประเภทอาจต้องกลับไปเผาบ้าน-เผาเมืองกันอีกรอบ กลับไปร้อนแล้ว ร้อนอีก ชนิดไม่เหลือม้าม เหลือตับ ให้ต้องแตกแล้ว แตกอีก ต่อไปแล้ว...

                                                       (4)

                เพราะอย่างที่ ผู้รู้ หรือผู้ที่มีประสบการณ์ คลุกคลี อยู่กับความเป็นประชาธิปไตย จนได้ชื่อว่าเป็น นักประชาธิปไตย ระดับแนวหน้า หรือระดับโลก เคยเป็นทูต เป็นตัวแทนของประเทศประชาธิปไตยอย่างอเมริกา อยู่ในองค์การสหประชาชาติ ผู้มีชื่อว่า นาย ชาร์ลส โยสต์ (Charles Yost) ท่านได้เคยเอ่ยเป็น วาทะ เตือนใจบรรดาพวกนักประชาธิปไตยทั้งหลายเอาไว้นานแล้ว นั่นแหละว่า...Democracy is not a matter of sentiment, but of fore-sight. Any system that does not take the long run into account will burn itself out in the short run. หรือ ประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องของอารมณ์ แต่เป็นเรื่องของการมองการณ์ไกล และระบบอะไรก็ตามที่ไม่ได้คำนึงถึงการณ์ไกล ย่อมต้องเผาไหม้ตัวเองไปในระยะอันใกล้ ในท้ายที่สุด อะไรประมาณนั้น...

                                                    (5)

                คือถ้าหนักไปทาง...รักไอ้โน่น เกลียดไอ้นี่ เหม็นขี้หน้าไอ้นั่น แหกทวารดมไอ้โน่น ไปตามความ ถูกใจ ของใคร-ของมัน โดยไม่ได้มองให้ไกลไปถึงผลพวงที่จะตามมา ในอนาคตเบื้องหน้า หรืออนาคตอันยาวไกล โอกาสที่จะนำไปสู่ อนาคตหมด หรือ อนาคตไหม้ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ ยิ่งประเภทที่อาศัยเพียงแค่รูปร่างภายนอก มองว่าไอ้นั่นหล่อ ไอ้นี่ไม่หล่อ ไอ้นั่นสวย อีนี่ไม่สวย ไอ้โน่นแก่ไป เหนียงยานเป็นไดโนเสาร์-เต่าล้านปี สู้ไอ้นี่ไม่ได้ที่ออกไปทางรุ่นใหม่ สดๆ ซิงๆ พอๆ กับนักร้องเกาหลี อะไรทำนองนั้น อันนี้...ย่อมมีแต่ ตาย...กับ...ตาย ลูกเดียวเท่านั้นเอง เพราะโอกาสที่จะเผาตัวเองไหม้เกรียม ไปตั้งแต่ ณ ขณะปัจจุบัน ไม่ต้องรอถึงอนาคตข้างหน้า หรืออนาคตใหม่ ย่อมเห็นๆ กันอยู่แล้ว ในทุกวันนี้...

                                                       (6)

                ด้วยเหตุเพราะไม่ว่าประเทศไหน ต่อประเทศไหน สังคมไหน ต่อสังคมไหน ก็แล้วแต่...ยังไงๆ มันคงต้องประกอบไปด้วยคนแก่ คนหนุ่ม คนสาว คนหัวก้าวหน้า คนหัวอนุรักษ์ คนจน คนรวย ฯลฯ ผสมปนเปร่วมอาศัยอยู่ภายในแผ่นดินเดียวกัน อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ จะไปรังเกียจ รังงอน ไปปฏิเสธกีดกันคนกลุ่มหนึ่ง กลุ่มใด โดยไม่คิดหน้า-คิดหลัง คิดแต่จะเอา คะแนนนิยม กันลูกเดียวเท่านั้น อันนี้...วูบเดียว ก็มีแต่ ไหม้...กับ...ไหม้ ไปทั้งแผง ทั้งยวง...

                                                        (7)

                ดังนั้น...ถ้าอยากให้ประเทศไทย สังคมไทย ไม่ถึงกับร้อนเกินไปนัก เพราะแค่ความร้อนของอุณหภูมิอากาศ ก็แทบร้อนฉิบหาย ร้อนตายห่าอยู่แล้ว ก็คงต้องหาทางช่วยลดๆ อุณหภูมิ ความร้อนทางการเมือง ไม่ให้มันต้องร้อนๆ เกินไปกว่านี้ ด้วยกรรมวิธีง่ายๆ แค่เพียง ตั้งสติ หันไปเอาบทเรียน ประสบการณ์ ที่ผ่านๆ มาแล้ว หรือเพิ่งผ่านไปเมื่อแค่ไม่กี่ปีเท่านั้นเอง มาใช้เป็นพื้นฐานในการใคร่ครวญ พิจารณา ว่าจะใส่เสื้อ ใส่ผ้า ออกไป เข้าคูหากาบัตร กันในแนวไหน อย่างไร เพราะอะไรมันจะร้อน จะเย็น ก็คงไม่ได้ขึ้นอยู่ แป้งเย็นตรางู อีกต่อไป เนื่องจาก ประชาธิปไตยอยู่ในกำมือของท่านแล้ว นั่นแล...

                                  --------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"