บรูไนเริ่มบังคับใช้กฎหมายอิสลาม ปาหินประหารชีวิตเกย์


เพิ่มเพื่อน    

บรูไนเริ่มใช้กฎหมายอาญาตามหลักกฎหมายอิสลามฉบับใหม่ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน เพิ่มโทษรุนแรงความผิดฐานคบชู้และรักร่วมเพศ โดยเฉพาะผู้ชายมีโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิตด้วยการปาหิน องค์กรนานาชาติและกลุ่มสิทธิประณามป่าเถื่อน เหล่าคนดังรณรงค์คว่ำบาตรโรงแรมบรูไน

คู่รักเพิ่งแต่งงานถ่ายรูปที่มัสยิดสุลต่านโอมาร์อาลีไซฟุดดินในกรุงบันดาเสรีเบกาวัน / AFP

    สมเด็จพระราชาธิบดีฮัสซานัล โบลเกียห์ แห่งบรูไน มีพระราชประสงค์ให้บรูไนใช้กฎหมายชะรีอะฮ์หรือหลักกฎหมายอิสลาม อย่างเคร่งครัดมาตั้งแต่ปี 2556 หลังจากเลื่อนการบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบมานานหลายปี วันพุธที่ 3 เมษายน 2562 ทางการบรูไนยืนยันว่ากฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งทำให้ประเทศเล็กๆ บนเกาะบอร์เนียวประเทศนี้เป็นชาติแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใช้กฎหมายชะรีอะฮ์ในระดับประเทศ แบบเดียวกับอีกหลายประเทศในตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดีอาระเบีย

    เดิมบรูไนเริ่มใช้กฎหมายชะรีอะห์ชุดแรกเมื่อปี 2557 แต่ครอบคลุมความผิดและบทลงโทษที่เข้มงวดน้อยกว่า เช่น การลงโทษปรับหรือจำคุกกรณีความผิดเช่นกระทำอนาจารหรือไม่ละหมาดวันศุกร์

    เจ้าหน้าที่กระทรวงการศาสนาคนหนึ่งกล่าวกับเอเอฟพี ยืนยันว่ากฎหมายฉบับใหม่นี้เริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 3 เมษายน ตามคำประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่รัฐบาลอีกคนที่ไม่เปิดเผยนาม ก็ยืนยันว่ากฎหมายนี้เริ่มมีผลบังคับใช้

    รายงานของสำนักข่าวเอเอฟพีกล่าวว่า กฎหมายอาญาอิสลามนี้มีบทลงโทษที่รุนแรง เช่น ตัดมือตัดเท้าหากเป็นความผิดฐานลักทรัพย์, การข่มขืนและปล้นทรัพย์มีบทลงโทษถึงขั้นประหารชีวิต และอีกหลายฐานความผิดเช่นการดูหมิ่นศาสดามุฮัมมัดนั้น มีผลบังคับใช้ทั้งกับผู้ที่ไม่ได้เป็นมุสลิมด้วย

    ทว่า การกำหนดความผิดทางอาญาและบทลงโทษรุนแรงที่ก่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติและองค์กรสิทธิมากที่สุดคือ การห้ามพฤติกรรมรักร่วมเพศ และกำหนดบทลงโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิตด้วยการปาหิน

    ก่อนการบังคับใช้กฎหมายชะรีอะฮ์นี้ กฎหมายบรูไนห้ามการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายอยู่แล้ว โดยกำหนดบทลงโทษสูงสุดจำคุก 10 ปี แต่ตามกฎหมายอาญาอิสลามฉบับใหม่ ความผิดฐานรักร่วมเพศระหว่างผู้ชายคือการประหารชีวิตด้วยการปาหิน ส่วนรักร่วมเพศระหว่างผู้หญิงนั้นมีโทษตั้งแต่โบยด้วยหวาย 40 ครั้ง หรือโทษสูงสุดจำคุก 10 ปี

    การตัดสินใจเดินหน้าบังคับใช้กฎหมายแม้นานาชาติจะพยายามทักท้วงและคัดค้านอย่างแข็งขัน กระตุ้นความตื่นกลัวทั่วโลก องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวว่า กฎหมายนี้โหดร้ายและไร้มนุษยธรรม ส่วนนักแสดงและบุคคลมีชื่อเสียงระดับโลก นำโดยจอร์จ คลูนีย์ นักแสดงอเมริกัน และเอลตัน จอห์น นักร้องชาวอังกฤษ เรียกร้องให้คว่ำบาตรโรงแรมของบรูไน 9 แห่งในยุโรปและสหรัฐ

    ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียขององค์กรฮิวแมนไรต์วอชต์ กล่าวถึงกฎหมายนี้ว่าโหดร้ายป่าเถื่อนถึงแก่นที่กำหนดบทลงโทษล้าสมัยกับพฤติกรรมที่ไม่ควรเป็นความผิดทางอาญา

    สหภาพยุโรปออกแถลงการณ์วิจารณ์ว่า บทลงโทษใหม่บางประการนั้นเทียบเท่ากับการทารุนทรมาน, การกระทำโหดร้าย, ไร้มนุษยธรรม และลดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

    นักวิเคราะห์หลายคนกล่าวว่า สมเด็จพระราชาธิบดี ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานอันดับ 2 ของโลกและมีพระราชทรัพย์มากมายมหาศาล มีพระราชประสงค์เพิ่มความน่าเชื่อถือด้านอิสลามของพระองค์ในสายตากลุ่มคนหัวอนุรักษนิยม ในช่วงยามที่รายได้ของประเทศผู้พึ่งพาน้ำมันชาตินี้ลดน้อยลงเพราะภาวะเศรษฐกิจถดถอยช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

    ยังไม่แจ้งชัดด้วยว่าการลงโทษประหารชีวิตด้วยการปาหินจะถูกนำมาบังคับใช้จริงหรือไม่ เพราะบรูไนไม่ได้ประหารชีวิตนักโทษมานานหลายสิบปีแล้ว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"