'ลายจุด'ประกาศเลิกใช้คำว่า'สลิ่ม'ทิ่มแทงอีกฝ่าย ชี้ปชช.เหลือง-แดงหัวอกเดียวกัน


เพิ่มเพื่อน    

19  ก.พ. 61 -  นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด แกนนอนกลุ่มคนวันอาทิตย์สีแดง จัดรายการผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ เมื่อวานที่ผ่านมา โดยยกประเด็นที่มีผู้เสนอให้เลิกใช้คำว่า "สลิ่ม" เนื่องจากเป็นคำทิ่มแทงทำให้ฝ่ายประชาชนด้วยกันเกิดความแตกแยก

นายสมบัติ เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว  พร้อมอธิบายที่มาของคำว่า "สลิ่ม" ว่าตนไม่ได้สร้างคำนี้มา เพียงแค่ช่วยโปรโมทจนเริ่มติดหู ตอนแรกไม่ได้มีความหมายเชิงเหยียดหยาม เพียงแค่ย่อคำให้สั้น  กระชับ ทำให้เข้าใจได้ว่ามาจากเป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อหลากสีที่นำนพ.ตุลย์ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ที่ทนไม่ไหวกับการเคลื่อนไหวคนเสื้อแดงปี 53  

แต่ต่อมาคำว่าสลิ่ม  ได้เกินเลยกลายเป็นคำด่ากัน เชิงดูถูกกัน  เนื่องจากมองว่าพวกนี้เป็นพวกอนุรักษ์นิยม แต่ใช้ชีวิตทุนนิยม ไม่มีหลักการ ขัดแย้งกันเอง ภายนอกดูดีแต่ภายในห่วยแตก ปีกฝ่ายทางการเมือง บางครั้งก็คลางแคลงใจ เราเห็นไม่ตรงกันมากขนาดนั้นเลยหรือ ทั้งที่จริงๆอาจไม่ได้เห็นต่างกันมากขนาดนั้นก็ได้

นายสมบัติ เล่าว่าระหว่าง เหลือง -แดง ตนเคยไปเรียนสถาบันพระปกเกล้า 4ส.รุ่นที่ 6 ร่วมกับ นายวีระ สมความคิด นายแทนคุณ จิตต์อิสระ นายศิริชัย ไม้งาม ปีกเหลือง ร่วมกับปีกแดง เช่น นางพะยาว์ อัคฮาด นายวิภูมิแถลง พัฒนภูไทย นายองอาจ เสื้อแดงจากเชียงใหม่ 

"คนส่วนใหญ่คงรู้สึกในห้องเรียนนี้จะตีกัน มีความวุ่นวายหรือไม่ แต่เมื่อไปเรียนกันจริงๆกลับมีความเห็นร่วมกันในหลายๆเรื่องร่วมกันมากมายมหาศาล เลยมีสมมุติฐาน ประชาชนขัดแย้งกันเพียงส่วนน้อย มีเรื่องจำนวนมากเห็นร่วมกัน แต่มันถูกแบ่งแยกแล้วปกครองไปแล้ว"

แกนนอนวันอาทิตย์สีแดง  ยกตัวอย่างนายสุริยันต์ ทองหนูเอียด ที่เป็นเอ็นจีโอแกนนำพันธมิตรฯเชียงใหม่  ขึ้นโปรไฟล์เฟซบุ๊ก ว่าอยากเลือกตั้ง แต่โดนถล่มกันเละว่าก่อนหน้าขัดขวางการเลือกตั้งแต่กลับอยากให้เลือกตั้ง เหมือนเป็นการฟอกขาว 

"แต่ผมเห็นว่าสุริยันต์ มีสิทธิแสดงความเห็น ส่วนพวกวิจารณ์ก็มีสิทธิเช่นกัน แต่เรื่องคนตายบางครั้งต้องละไว้บ้าง"นายสมับติ กล่าวและยกกรณีศ.ระพี สาคริก ที่เพิ่งเสียชีวิต แต่มีคนถล่ม คนเราทำไมโกรธแค้นกันหนักขนาดนี้  อ.ระพี ไม่ใช่ตัวหลัก อายุตอนมาพูดบนเวทีตอนนั้นก็เกือบ90ปีแล้ว เราถือสาอะไร จะเอาอะไรกับคนตายไปแล้ว  

เขา ว่ากับคนจีนเวลาคนตาย เขาถือกันมาก ตนก็พอนึกออก หากตายไปคงมีคนถุยน้ำลายใส่ตนเหมือนกัน ในเน็ต เวลามีคนด่า ตอนพ่อตาย มีคนเชื่อว่า ปล่อยให้พ่อตายไป4-5วัน ลูกหลานไม่ได้ไปสนใจเลย เป็นการกุเรื่องขึ้นมา ไม่อยู่บนฐานความจริงเลย จนกระทั่งวันนี้ ยังมีคนมาด่าว่า ไอ้สมบัติ เป็นลูกอกตัญญู   ทั้งที่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น

"กระแสความเกลียดชัง ทำให้ประชาชนแบ่งแยก ไม่ใช่การละเลยพูดถึงปัญหา ยังสนับสนุนความขัดแย้งเชิงสร้างสรรค์ ให้มาดีเบต โต้เถียงกัน วันที่ 10 ก.พ. อยู่ที่ร้านศรแดง พี่วีระ ชวนผมกินน้ำส้ม ผมกับพี่วีระ ตกผลึกแล้ว อยากเห็นการจับมือกันของประชาชน ถ้าคิดอ่านหลอมรวมกันอย่างไรได้บ้าง อะไรเห็นต่าง มาถกเถียงกันอย่างมีอารยะ"   

ช่วงหนึ่งนายสมบัติ  ยกกรณีเวทีดารากปปส. ที่หยิบยกเหตุการณ์มือปืนป๊อปคอร์นขึ้นไปแสดง และดาราคนนั้นได้มีบทบาทรณรงค์รักษาทรัพยากรสัตว์ป่ากรณีเสือดำ แต่กลับโดนถล่ม ทั้งที่มันคนละประเด็น 

"ผมยังเคยอยู่ในคุกพูดคุยกับมือปืนป็อปคอร์น พูดคุยกับเขา ทำไมถึงไปอยู่ในม็อบ ผมว่าไม่ต่างกัน ฝั่งเสื้อแดงมีชายชุดดำ  ฝ่ายกปปส.มีป๊อปคอร์นและพรรคพวก สถานะชายชุดดำกับป๊อปคอร์นเหมือนกัน ถ้าคุณยินดีกับชายชุดดำ อีกฝ่ายเขาก็ยินดีที่จะมีป๊อปคอร์น ผมคิดว่าประชาชนไม่ต่างกันมาก คล้ายๆกัน เหมือนกันพอสมควร" 

นายสมบัติ กล่าวว่าการเลยเถิดสถานการณ์สำคัญมาก เป็นการทำลายกำแพงให้ประชาชนมาคุยกัน การคุยกันหรือรับฟังเปิดกว้าง แม้คิดต่างกันกลายเป็นฝ่ายตรงข้ามทันที แม้กระทั่งฝ่ายเดียวกันยังคิดไม่เหมือนกัน แต่เราไม่ควรผลักกัน คนสีเดียวกันยังคิดไม่เหมือนกันเลย ในบางเรื่องบางประเด็น.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"