(1)

สภาวะอากาศช่วงนี้...ต้องเรียกว่า ประหลาด พิสดาร วิปริต ผันผวน อย่างชนิดสามารถรู้ได้ สัมผัสได้ โดยแทบไม่ต้องไปเสียเวลาฟังคำทำนาย ทายทัก ของกรมอุตุนิยมวิทยาอีกต่อไปแล้ว คือไม่ว่าท่านจะออกมาป่าวประกาศถึงการมาถึงของ ฤดูหนาว อย่างเป็นทางการตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนโน่นเลย แต่มาถึงกลางเดือนธันวาคมเข้าไปแล้ว บรรดาผู้คน ทั้งหลายย่อมสามารถรู้ได้ สัมผัสได้ โดยเนื้อหนัง มังสา ของตัวเอง ว่าช่วง ณ ขณะนี้ อุณหภูมิอากาศของประเทศไทย กำลังเข้าสู่ 3 ฤดูภายในฤดูเดียวกัน อย่างเห็นได้โดยชัดเจน...

(2)

คือ ทำท่าว่าจะหนาว ในช่วงเช้าๆ...แต่เดี๋ยวเดียวก็ ร้อนวูบ ไปจนถึง ร้อนตับแตก ในช่วงสายๆ บ่ายๆ จนบางช่วง บางขณะ อาจต้องตกตะลึงพรึงเพริด กับสายฝนที่ซัดกระหน่ำลงมาในช่วงกลางเดือนธันวาฯ เล่นเอารถราติดขนัดชนิดเป็นงูกินหาง กลายเป็น 3 ฤดูภายในฤดูเดียวกัน ระดับที่ใครปรับตัวไม่ทัน มีสิทธิ์ไอค้อกๆ แค้กๆ ไอกระด๊อกกระแด๊ก จามกันฟืดๆ ฟาดๆ หรือถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อกันไปเลยก็มี กลายเป็น สภาวะอากาศที่มิอาจคาดเดาได้ ไม่ต่างอะไรไปจากสภาพสังคม การเมือง เศรษฐกิจ ไม่ว่าทั้งในประเทศไทยไปจนถึงโลกใบนี้ ที่นับวันจะมีลักษณะแทบไม่ต่างไปจากสภาวะอากาศ คือเป็นสิ่งที่ แทบคาดเดามิได้ ยิ่งขึ้นทุกที...

(3)

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างสภาวะอากาศกับสภาวะความเป็นไปในหมู่มวลมนุษย์ มันจะมีส่วนเชื่อมโยง เกี่ยวพัน กันหรือไม่ อย่างไร แบบไหน ลักษณะไหน นั่นคงยากซ์ซ์ซ์ที่จะหาคำอธิบายได้ชัดเจน แม้ว่าตามทฤษฎีทางศาสนา ตามความเชื่อของคนโบร่ำโบราณ กระทั่งศาสนาพุทธของเรานี่เอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านยังเคยนำมาผูกโยงให้เป็น คนละเรื่องเดียวกัน จนได้ แต่ก็ยังไม่ถึงกับจำเพาะเจาะจงลงไปในรายละเอียด แบบการอธิบายโดยสูตร โดยทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย เรื่องของสภาวะอากาศกับสภาวะความเป็นไปในหมู่มวลมนุษย์ จึงคงต้องหาทางใคร่ครวญ พิจารณากันเอาเอง ไปตามแบบฉบับของใครก็ของมัน...

(4)

อย่างไรก็ตาม...ที่แน่ๆ ก็คือ ทั้งสภาวะอากาศและสภาวะความเป็นไปในหมู่มวลมนุษย์ช่วงหลังๆ นี้ ต่างออกอาการในลักษณะคล้ายๆ กัน คือเป็นอะไรที่ แทบคาดเดาไม่ได้ ไปด้วยกันทั้งคู่ คือจะไปสรุปว่าจะหนาว จะร้อน จะฝนตกรถติดไว้ก่อนล่วงหน้า ก็แทบไม่ต่างไปจากการคาดการณ์ว่า ระหว่าง คิมน้อย กับ ทรัมป์บ้า ใครจะบ้าก่อน-ไม่บ้าก่อน บ้ากว่า-ไม่บ้ากว่า อะไรประมาณนั้น หรือขณะที่ คิมน้อย อาจทำท่าเย็นๆ ลงไปบ้าง จู่ๆ ทรัมป์บ้า ก็ดันร้อนขึ้นมาดื้อๆ หรือระหว่าง ทรัมป์บ้า ทำท่าว่าอาจหายบ้าลงไปบ้างเล็กน้อย คิมน้อย ก็ดันส่งจรวด ฮวาซอง ขึ้นฟ้าส่งผลให้ ทรัมป์บ้า กลับมาบ้าหนักยิ่งกว่าเดิม หันมาสร้าง ฝนเทียม ตกใส่กรุงเยรูซาเลม จนกลายเป็น ฝนกรด รินรดใส่ชาวปาเลสไตน์และโลกอิสลามทั้งหลาย ส่งผลให้โลกกลายเป็น โลก 3 ฤดู เล่นเอาพลโลกไอค้อกๆ แค้กๆ ไอกระด๊อกกระแด๊ก ปรับตัว ปรับอุณหภูมิในร่างกายแทบไม่ถูกจนตราบเท่าทุกวันนี้...

(5)

ไม่ต่างไปจากบ้านเรานั่นแหละทั่น...ช่วงสุดท้ายปลายทางโรดแมปของ บิ๊กตู่ ที่น่าจะจบลงไปด้วยดี ตามความเป็นไปของฤดูกาล จู่ๆ ก็ดันร้อนๆ หนาวๆ แถมสลับฝนตกรถติดขึ้นมาซะดื้อๆ!!! อะไรที่ไม่ควรร้อน ก็ดันถูกทำให้ร้อนขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย อะไรที่ควรหนาวแต่เฉพาะสภาพภายนอก กลับหนาวว์ว์ว์ลึกลงไปในหัวจิตหัวใจ แถมยังตามด้วยความเปียกๆ แฉะๆ เลอะๆ เทอะๆ จนใครต่อใครและอะไรต่อมิอะไร ทำท่าว่าจะต้องล้มหมอน นอนเสื่อ เอาง่ายๆ จะไปคาดเดากันแบบหยาบๆ ง่ายๆ แบบกรมอุตุนิยมวิทยา ว่ายังไงๆ บิ๊กตู่ ย่อม อยู่ยาวว์ว์ว์ อยู่แล้วแน่ๆ เอาไป-เอามา...มันอาจไม่เป็นไปตามนั้นก็ไม่แน่!!!                                                                              

(6)

อย่างไรก็ตาม...โดยสรุปรวมความแล้ว แม้ว่าตามทฤษฎี ความเชื่อทางศาสนา ท่านจะไม่ได้อธิบายลงไปในรายละเอียดว่าความเป็นไปของสภาวะอากาศมีความสัมพันธ์กับความเป็นไปของมวลมนุษย์ในแง่ไหน มุมไหน แต่ท่านก็ได้นำเสนอหลักการเอาไว้แบบกว้างๆ และครอบคลุมไปถึงภาพรวมทั้งหมด คือประมาณว่า...ความวิปริต ผันผวน ของธรรมชาตินั้นมีความเกี่ยวโยงกับพฤติกรรมอันไม่สอดคล้อง ต้องกัน กับความเป็นไปตามธรรมชาติ หรือพฤติกรรมที่ขัดแย้งกับ ธรรมะ ของบรรดามวลมนุษย์นั่นเอง บรรดา ความไม่ถูกต้องตามฤดูกาล ทั้งหลาย จึงอาจถือเป็นเสมือนหนึ่ง สัญลักษณ์ หรือเป็น สัญญาณเตือน ให้มวลมนุษย์จะต้องหาทางปรับตัว ปรับสภาพ ให้สอดคล้อง ต้องกัน กับความเป็นไปของธรรมชาติหรือหันมายึดมั่นใน ธรรมะ มากๆ เข้าไว้ ความถูกต้องตามครรลอง คลองธรรม ของมวลมนุษย์ จึงจะสามารถช่วยดลบันดาลให้ ความถูกต้องตามฤดูกาล หวนคืนกลับมาได้ดังเดิม จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ อันนี้...คงต้องเก็บไปคิดเป็นการบ้านกันเอาเอง แต่สำหรับผู้ที่เชื่อมั่น ศรัทธาทั้งหลาย คงไม่ต้องเสียเวลาคิดมาก หรือคิดเล็ก คิดน้อย เพราะไม่ว่าฤดูกาลจะวิปริต ผิดเพี้ยน ไปในลักษณะไหนก็ตาม แต่ด้วยความเชื่อ ความศรัทธา ที่มีต่อ ธรรมะ นั่นเอง อย่างน้อยก็พอสบายใจได้มั่ง ว่ายังไงๆ ก็แล้วแต่...ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมต้องเป็นไปตาม พุทธภาษิต อันว่าด้วย ธัมโม หเวรักขติ ธัมมจาริง หรือ ธรรมะ...ย่อมต้องคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม นั่นแล...