ทุบโต๊ะคุม4กระทรวง บิ๊กตู่อ้อน‘ป้อม-ป๊อก’อยู่ต่อ/‘พท.’ชูธงขาวหันเชียร์‘ธนาธร’


เพิ่มเพื่อน    

 เปิดประชุมสภา 25 พ.ค. เลือกประธาน-รองประธาน “บิ๊กตู่” มั่นใจเป็นนายกฯ อีกรอบ กินรวบ 4 กระทรวงหลัก “กห.-มท.-คลัง-คค.” ต้องอยู่กับ พปชร. พร้อมดูสัดส่วนตามความเหมาะสม ไม่ขัดพรรคร่วมเสริมทีม ศก. อ้าแขนให้ “ป้อม-ป๊อก” มาช่วยงาน เหน็บ "ธนาธร" อยู่ฝ่ายค้าน เผยแกนนำ พปชร.ถกแกนนำ ปชป.ชุดใหม่ แบ่งเค้กให้ 7 ที่นั่งร่วมกระทรวง ศก.-เกรดเอ ด้าน ปชป.รอเคาะ กก.บห. 2-3วันนี้ "เทพไท" ชงเงื่อนไขถ้าร่วม พปชร.ไม่เอา "ประยุทธ์" เป็นนายกฯ "พิเชษฐ" ประเมินเสียงไม่เอาตู่ชนะทุกกระดาน "เพื่อแม้ว" หมดท่ายกธงขาว "ปิยบุตร" ยันเดินหน้าตั้งรัฐบาล ปัดไม่เสียมารยาท  

    เมื่อวันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับหนังสือแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แล้ว ถึงกำหนดวันทำรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภานัดแรกในวันที่ 24 พ.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ  จากนั้นในวันรุ่งขึ้น ตามหลักการที่เคยปฏิบัติมา หรือในวันที่ 25 พ.ค.นี้ จะมีเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรอีก 2 คนทันที ซึ่งตามกระบวนการก็เป็นไปตามที่ได้กล่าวไปแล้ว โดยทางสำนักงานเลขาฯ ได้เรียนเชิญนายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ไว้แล้ว ในฐานะ ส.ส.ที่มีอาวุโสสูงสุดให้ทำหน้าที่ประธานชั่วคราวในการประชุมเลือกประธานสภาฯ  โดยจะใช้หอประชุมทีโอที ถ.แจ้งวัฒนะ เป็นสถานที่ประชุม 
    ส่วนจะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 30  พ.ค. ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ท่าพระจันทร์หรือไม่ นายสรศักดิ์กล่าวว่า ตนยังยืนยันไม่ได้ เพราะต้องหารือ และขอความเห็นชอบจากประธานรัฐสภาคนใหม่ด้วย
    ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 12.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ซึ่งทางสำนักโฆษกสำนักเลขาธิการนายกฯ จัดขึ้นก่อนจะมีรัฐบาลใหม่ โดยนายกฯ รับประทานอาหารพร้อมพูดคุยเปิดใจตอบคำถามสื่อมวลชน ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสอย่างเป็นกันเองกว่า 1 ชั่วโมง 
    โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาพยายามจะปรับเปลี่ยนบทบาทของตัวเองทำหน้างอให้น้อยลง ความจริงอายุ 65 ปี ย่างเข้า 66 ปี ผมก็หงอกหมดแล้ว เราได้เดินหน้ามา 5 ปี มีหลายอย่างดีขึ้น อยากให้ทุกคนช่วยกันแก้ไขปฏิรูป ซึ่งต้องอาศัยคนไทยทั้งหมดช่วยกัน ส่วน พล.อ.วิลาศ อรุณศรี จะอยู่เป็นเลขาธิการนายกฯ ต่อไปหรือไม่ก็แล้วแต่ เพราะตนไปบังคับใครไม่ได้ ใครทำงานเหนื่อยอยากพักผ่อนก็ไม่ว่ากัน 
    เมื่อถามถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่มีส่วนในการจัดสรรตำแหน่งด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของแต่ละพรรคที่เสนอขึ้นมา ตนต้องเคารพเสียงประชาชนที่เลือกพรรคการเมืองมา ซึ่งแต่ละพรรคล้วนมีนโยบายดีๆ ก็ต้องยอมรับให้เข้ามาในคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่าคิดว่าเป็นการให้เก้าอี้ อยากให้คิดว่าเราจะทำอย่างไรให้ทุกคนมีส่วนร่วมใน ครม. และ ครม.หลังเลือกตั้ง ก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้ง่ายอย่างเดิมแล้ว ก็ได้เตือนกับพรรคการเมืองหลายอย่างแล้ว ทุกอย่างมีกฎหมาย มีคณะตรวจสอบอยู่ในการจับตาของประชาชน ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลเรื่องตนเองจะมีปัญหาในการถูกอภิปรายในสภานั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ทำอะไรเลย การรับมือก็แค่ชี้แจงไป เชื่อว่าชี้แจงได้ ขออย่าใช้คำว่ากลัวหรือไม่ ส่วนบุคคลที่เหมาะจะเป็นประธานสภาฯ นั้น จะต้องเป็นคนที่รู้เรื่องงานในสภา ส่วนที่มีชื่อนายบัญญัติ บรรทัดฐาน จากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ถูกเสนอชื่อเป็นประธานสภาฯ นั้น ส่วนตัวไม่ทราบ ก็คงมีการคุยกันอยู่ ตำแหน่งประธานสภาฯ ต้องทำหน้าที่ด้วยความเป็นธรรม ถูกต้องตามครรลอง ไม่ใช่ทำตามใจ ส่วนแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไม่ได้เข้ามาหารือกับตนเลย ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของพรรคไปก่อน แต่ท้ายที่สุดคนที่ตัดสินใจคือนายกฯ คนใหม่ ซึ่งนายกฯ คนใหม่จะได้ใครก็ยังไม่รู้เลย เพราะยังมีเต็ง 2, 3 อยู่ด้วย
กินรวบ 4 กระทรวงหลัก
    “ก็ควรจะอยู่กับฝ่ายความมั่นคงและพรรคหลักหรือไม่ เพื่อดูแลให้เดินหน้าไปได้ ขอย้ำว่าผมไม่หวงผลประโยชน์ ผมไม่เคยมีผลประโยชน์ ส่วนกระทรวงการคลังและคมนาคม เขาคุยกันอยู่ ให้เขาคุยกันก่อน ถ้าผมเป็นนายกฯ ก็ค่อยมาดูกันอีกที ซึ่งไม่น่าเปลี่ยนแปลง ถ้าคุยกันได้อย่างที่ผมว่า แต่ละพรรคขออย่ากังวล เพราะผมให้เกียรติทุกพรรค เพราะตอนมีหลักการที่จะต้องดูสัดส่วนความเหมาะสมของพรรคร่วม ทั้งคะแนนการเลือกตั้งก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะนำมาพิจารณาด้วย ส่วนใครจะเหมาะสมตรงไหน ก็ค่อยว่ากันอีกที เราจะเดินหน้าไปแบบนี้ แม้คะแนนใกล้เคียงกัน ก็ขอให้บ้านเมืองไปได้ก่อนจะได้ไหม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึง 4 กระทรวงคือ กระทรวงกลาโหม มหาดไทย คลัง คมนาคม ไม่สามารถให้พรรคร่วมได้ใช่หรือไม่  
    เมื่อถามว่า อยากให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม อยู่ช่วยงานต่อหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ถ้าพูดถึงอยาก ก็โอเค อยาก เพราะไว้ใจกันมา แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวท่านเองด้วยว่าจะรับแค่ไหนอย่างไร รวมถึงเรื่องสุขภาพด้วย ผมเป็นห่วงกังวลตรงนี้” เมื่อถามอีกว่าได้ชวน พล.อ.ประวิตรมาร่วมงานแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “เรื่องอย่างนี้ไม่ต้องชวน ถึงเวลาก็คุยกัน ส่วนจะมีแนวโน้มที่จะมาช่วยงานหรือไม่ ยังไม่ทราบ พล.อ.ประวิตร ก็ตอบสื่อแล้วว่าไม่รู้เหมือนกัน ซึ่งส่วนตัวยังไม่ได้ถามท่าน รวมถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย จะมาช่วยงานหรือไม่ ก็แล้วแต่ท่าน เพราะวันนี้ไม่ใช่แค่ผมเพียงคนเดียว
    ถามว่าจะบริหารจัดการอย่างไรกับพรรคร่วมที่มีกว่า 20 พรรค พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการพูดคุยร่วมมือกัน ไม่ว่าจะ 30 หรือ 50 พรรค ก็ช่างมันเถอะ เราต้องดูว่าทุกคนทำจริงอย่างที่กล่าวว่า ทำเพื่อประเทศชาติเป็นหลักหรือไม่ แล้วจะทำได้จริงหรือไม่นั้น ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน แล้ววันหน้าอาจมีการเปลี่ยนแปลงอีกก็ได้ วันหน้าจะเป็นอะไรก็ยังไม่รู้ ส่วนตัวถ้าไม่เป็นก็กลับบ้านนอน แล้วทุกคนจะคิดถึงผม"
    "วันนี้ไม่อยากใช้คำว่าต่อรองตำแหน่งกัน เพราะเป็นหารือกันถึงความเหมาะสมกับตำแหน่ง ซึ่งผมไม่ได้พูดคุยกับพรรคอื่นๆ เพราะเป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐ ส่วนการเมืองในวันข้างหน้า คิดว่าไม่จำเป็นต้องปรับตัว เมื่อทำงานกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ต้องพูดคุยกันให้มากขึ้น ให้เกียรติคนที่เคยทำงานมาก่อน ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่ารัฐบาลผสมจะมีอายุไม่ยืนนั้น คิดว่าไม่ยืดก็ไม่ยืด ก็แล้วแต่ว่าเราจะทำให้ยืดหรือไม่ แต่ต้องให้เวลาในช่วงเปลี่ยนผ่านบ้าง ต้องยอมรับกติกาประชาธิปไตย" 
    ถามว่าถ้าได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งหลังการเลือกตั้ง จะเดินแอ่นอกได้มากกว่าเดิมพร้อมลบปมที่มาจากรัฐประหารได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ผมถือว่าไม่มีปม ใครจะคิดอย่างไรก็คิดไป ที่เข้ามาก็เพราะด้วยความจำเป็นทางการเมือง แต่วันนี้ไม่ว่าจะเข้ามาอย่างไร ก็มีความเป็นตัวของตัวเอง วันหน้าการตรวจสอบมีอีกมากยิ่งขึ้นด้วย ยืนยันว่าไม่ต้องการผลประโยชน์และชื่อเสียงใดๆ ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ไม่ทราบว่าจะได้ตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข เพื่อเดินหน้าเรื่องกัญชาเสรีหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกันอีก  
    เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ให้พรรคร่วมมาเสริมทีมเศรษฐกิจของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า โอเคก็ช่วยได้ ช่วยได้หลายอย่าง เป็นรัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วย ที่ปรึกษา หรือผู้ช่วยรัฐมนตรีก็ได้ มีตำแหน่งเยอะ ประธานกรรมาธิการก็มี ถ้าทุกคนมุ่งแต่จะเป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรี ก็มีตำแหน่งเดียว ช่วงนี้ก็ว่ากันไปก่อน ทำให้เกิดขึ้นให้ได้ เพื่อความต่อเนื่อง เปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงตรงไหนก็ว่าไป 
    ถามว่ากังวลหรือไม่พรรคร่วมที่จะเข้ามาจะมาถอนทุน พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ท่านก็รู้กันอยู่แล้ว และคิดว่านักการเมืองก็รู้กันอยู่แล้ว เขาก็บอกว่าต้องทำใหม่ แต่วันหน้าการทำใหม่ของเราจะได้เห็นว่าต้องทำอย่างไร อย่าเพิ่งไปล็อกตัวเองกันเลย ตนก็ยืนยันตลอด จะไม่ให้มีการทุจริต
"ธนาธร"อยู่ฝ่ายค้าน
    ส่วนที่มีการปรามาสรัฐบาลหน้าอายุไม่ยาว นายกฯ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับประชาชนทั้งประเทศ สื่อและโซเชียลมีเดียขอร้องให้ลดเรื่องเฮทสปีช ขอร้องคนไทยด้วยกัน ต้องอยู่ประเทศนี้ แยกกันไม่ได้ เรื่องข่าวลือก็คือข่าวลือ เปิดเจอเห็นตั้งรัฐบาลกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังไม่รู้นายกฯ เลย
    เมื่อถามว่า ถ้าไม่มีมาตรา 44 แล้ว จะควบคุมสถานการณ์บ้านเมืองอย่างไร หัวหน้า คสช.กล่าวว่า ใช้กลไกประชาธิปไตยเต็มที่ ทำได้คือทำได้ ทำไม่ได้คือทำไม่ได้ เอากฎหมายเป็นหลัก ทำให้เกิดความเท่าเทียม สุจริต โปร่งใส ถ้าทุกคนไม่เคารพกฎหมาย ใช้ช่องว่างทางกฎหมายมาสู้กัน มันก็ไปไม่ได้ ก็ทะเลาะกันอีก ส่วนเรื่องการชุมนุมก็มีกฎหมายเพิ่มเติม คือพ.ร.บ.การชุมชนสาธารณะ 
     เมื่อถามถึงกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ประกาศตัวเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นเรื่องกฎหมายของเขา ซึ่งเขาจะต้องสู้กับกฎหมายไม่ใช่สู้กับตน เมื่อถามอีกว่าพรรคอนาคตใหม่มีจำนวนส.ส.เป็นอันดับสาม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เขาอยู่ฝ่ายไหน อยู่ฝ่ายค้านก็อยู่ฝ่ายค้าน ก็จบไป เขาคงไม่อยู่ฝ่ายทางนี้มั้ง เพราะเขาแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว ตนไม่ได้ไปรังเกียจเขาหรอก แล้วแต่เขา ไม่ว่าดีหรือเลว แต่อย่าทำผิดกฎหมายแค่นั้น ใครที่ทำผิดกฎหมายก็ไม่ได้ 
    เมื่อถามต่อว่า มองอย่างไรกับคำว่าสืบทอดอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อำนาจใคร คสช.มีอำนาจตรงไหน มาตรา 44 ก็ไม่มี ย้ายใครก็ไม่ได้ ที่ผ่านมาใช้เพื่อการปลดล็อก ปรับปรุงประสิทธิภาพของราชการ และการลงโทษในกรณีมีความผิด ซึ่งหากไม่มีความผิดก็คืนตำแหน่งให้หมดแล้ว   
     ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ยังได้ร่วมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับสื่อมวลชน และฮัมเพลงพรหมลิขิต ก่อนหยอกล้อกับผู้สื่อข่าวและช่างภาพว่า “ถ่ายรูปกันมาก เหมือนกับจะไม่เจอกันแล้ว”
     พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาล หลังมีกระแสข่าวว่าได้มีการพูดคุยกับพรรคการเมืองที่จะมาร่วมรัฐบาลว่า ยังไม่ได้คุยอะไรกันเลย และยังไม่รับทราบเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนเรื่องขั้วที่ 3 นั้น ก็ยังไม่รู้เรื่อง รู้จากหนังสือพิมพ์ที่เขียนเป็นข่าว
    ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทยจะชิงตั้งประธานสภาผู้แทนราษฎร จากเดิมที่ต้องเป็นโควตาของพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้เรื่องเลย เพราะเราไม่ได้เป็นคนจัดตั้งรัฐบาล ที่มีข่าวว่ามีส่วนเข้าไปร่วมกับแกนนำพรรค พปชร.จัดตั้งรัฐบาล ข่าวลือที่ออกมาก็พูดเองกันทั้งนั้น เมื่อถามว่าพร้อมกลับมารับตำแหน่ง รมว.กลาโหมอีกครั้งหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า มีสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกล่าวว่า "โธ่เอ๊ย"
     นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ระบุว่า พรรค พปชร.ติดต่อแม่นายธนาธรขอ 20 ส.ส.มาร่วมงานแลกกับการไม่ดำเนินคดีกับนายธนาธร ว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง พรรคไม่มีนโยบายแบบนี้ และไม่เคยมอบหมายใคร นายธนาธรโกหกหน้าตาย พูดเท็จ ใส่ร้าย พปชร.เป็นการเล่นการเมืองที่สกปรกที่สุดเท่าที่เคยมีมา ไม่มีใครในพรรคทำแบบนี้ เป็นการสร้างความเสียหายให้กับ พปชร.อย่างไม่น่าให้อภัย 
พปชร.ขู่ฟ้องพ่อฟ้า
    "พรรคจะมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาดำเนินคดีกับนายธนาธรต่อไป เพราะทำให้พรรคเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ไหนบอกว่าเป็นการเมืองแบบคนรุ่นใหม่ แล้วทำไมถึงทำแบบนี้ การพูดของนายธนาธรยังสร้างความเสียหายให้กับกระบวนการยุติธรรมด้วย เพราะไม่มีใครแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมได้ นายธนาธรมีหลายคดี ซึ่งพรรคก็ไม่เกี่ยวข้องด้วย อยากให้นายธนาธรเตรียมตัวเป็นฝ่ายค้านที่ดี ทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ แสดงออกถึงความรักชาติบ้านเมืองบ้าง อย่าคิดแต่เรื่องที่จะทำให้คนไทยไม่สบายใจ" นายธนกรกล่าว
    มีรายงานข่าวจากพรรค พปชร.เปิดเผยว่า ล่าสุดแกนนำพรรคได้นัดพูดคุยกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ภายหลังจากที่มีคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ทันที เพื่อเจรจาเกี่ยวกับการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีในเบื้องต้น โดยแกนนำ พปชร.ได้รับข้อเสนอที่ ปชป.ต้องการเข้ามาร่วมดูแลกระทรวงสำคัญทั้งด้านเศรษฐกิจและกระทรวงที่จะสร้างผลงาน สร้างคะแนนนิยมในการเลือกตั้งครั้งหน้า ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นไปตามโควตาที่แบ่งให้กับพรรคร่วมรัฐบาล โดย พปชร. 15 ตำแหน่ง ปชป.และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พรรคละ 7 ตำแหน่ง  พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) 2 ตำแหน่ง นอกจากนี้ก็จะเกลี่ยให้กับพรรคที่ร่วมรัฐบาล
    ล่าสุด ในส่วนของ พปชร. ยังคงยืนยันที่จะดูแลกระทรวงด้านเศรษฐกิจ กระทรวงด้านความมั่นคง แม้จะมีกระแสข่าวสกัดไม่เอา พล.อ.ประวิตรเข้ามาคุมกระทรวงกลาโหมก็ตาม แต่ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังไว้วางใจที่จะให้ พล.อ.ประวิตรดูแลกระทรวงกลาโหมอีกครั้งหนึ่ง ขณะเดียวกันก็วางตัว พล.อ.อนุพงษ์ อยู่ที่กระทรวงมหาดไทย เช่นเดิม ส่วนให้ตำแหน่ง รมช.เป็นของ ปชป.และ ภท. สำหรับกระทรวงเศรษฐกิจ แกนนำ พปชร.ยังยืนยันที่จะดูแล ก.คลัง ก.คมนาคม ก.พาณิชย์ โดยเปิดให้ ปชป.และภท.เข้ามาเป็น รมช. ส่วนกระทรวงเศรษฐกิจอื่นๆ ได้แก่ รมว.อุตสาหกรรม รมว.พลังงาน คาดว่าจะปล่อยให้กับพรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาทำงาน  
    นอกจากนี้ก็ยังมีกระแสข่าวถึงการวางตัวบุคคลในกระทรวงต่างๆ ที่อาจให้พรรคร่วมรัฐบาลเข้ามารับผิดชอบ อาทิ ก.ศึกษาธิการ, ก.แรงงาน, ก.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, ก.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ก.สาธารณสุข สำหรับกระทรวงที่เหลือจะมีการเกลี่ยใน พปชร. อาทิ ก.เกษตรและสหกรณ์, รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี,  ก.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, ก.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, ก.การท่องเที่ยวและกีฬา, ก.วัฒนธรรม เป็นต้น
     ที่พรรค ปชป. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคคนใหม่ พร้อมด้วยคณะรองเลขาธิการพรรคชุดใหม่ ร่วมกันสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำพรรค หลังจากได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่วิสามัญเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว จากนั้นนายเฉลิมชัยให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้โทรศัพท์มาหานายเฉลิมชัย หลังจากที่พรรค ปชป.ได้หัวหน้าคนใหม่แล้วว่า ได้พูดคุยกันจริง โดยนายอนุทินโทรศัพท์มาหาตนเพื่อแสดงความยินดี เพราะรักและรู้จักกันเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ซึ่งเป็นคนละส่วนกับเรื่องการร่วมรัฐบาล  
ปชป.รอเคาะ 2-3 วันนี้
    "เอาอย่างนี้ดีกว่า ส่วนตัวผม ผมมีคำตอบในใจอยู่แล้ว แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นขอให้เป็นมติของกรรมการบริหารพรรคที่จะประชุมร่วมกับ ส.ส.ดีกว่า” นายเฉลิมชัยกล่าว
    เมื่อถามย้ำว่า คำตอบในใจจะออกมานอกใจได้บ้างหรือไม่ นายเฉลิมชัยยิ้มแล้วกล่าวว่า ไม่เกิน 2-3 วันนี้ก็จะได้รู้แล้ว เพราะจะมีการประชุมรัฐสภาภายในสัปดาห์หน้า ดังนั้นเราต้องมีทิศทางที่ชัดเจนออกมาก่อนจะถึงวันนั้น โดยพรรคจะมีการประชุมร่วมกันระหว่างกรรมการบริหารพรรคกับ ส.ส.ในต้นสัปดาห์หน้า ข่าวที่ว่า พปชร.แบ่งตำแหน่งรัฐมนตรีให้กับ ปชป.และ ภท.พรรคละ 7-8 ตำแหน่ง ยังไม่มีอะไรทั้งนั้น เป็นข่าวโคมลอยทั้งหมด ข่าวการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีก็ไม่จริง วันนี้ผมมาเป็นเลขาธิการพรรค ยังไม่รู้เลยว่าใครจะเป็นคนไปคุย 
     เมื่อถามว่า การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวผ่านการไลฟ์สดทางเฟซบุ๊กของ นพ.คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.ปชป. เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยยังเชื่อมั่นในแนวทางที่เคยประกาศไว้ในการช่วงหาเสียงเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา นายเฉลิมชัยกล่าวว่า  ตนเคารพความคิดเห็นส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ และถือว่าเป็นความคิดเห็นหนึ่งที่เราต้องรับฟัง โดยแต่ละคนมีความคิดเห็นกันได้ 
    นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค ปชป. แถลงว่า ตามที่มีข่าวลือต่างๆ ทั้งประชาธิปัตย์จับมือกับพรรคภูมิใจไทย กรณีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ติดต่อกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือแม้แต่ข่าวแบ่งโควตาตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และตนมีข้อมูลว่าข่าวลือต่างๆ ในขณะนี้มาจากพรรคการเมืองใด ซึ่งหากปล่อยให้เสียหายเราก็ต้องพิจารณา
          นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคปชป. โพสต์ข้อความว่า ตนจะเสนอความเห็นส่วนตัวต่อที่ประชุมร่วมของ กก.บห.กับ ส.ส.พรรค ปชป.ต่อท่าทีการเข้าร่วมรัฐบาล ถ้าจะเข้าร่วมรัฐบาลกับขั้วพปชร. ตนไม่ขัดข้อง แต่มีเงื่อนไขจะต้องไม่มีชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะในระหว่างการรณรงค์หาเสียงนายอภิสิทธิ์ได้ประกาศจุดยืนชัดเจนว่าไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ต้องเคารพคะแนนเสียง 3.9 ล้านคะแนนที่มอบให้พรรคเพื่อแสดงออกร่วมกับพรรคในการไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ พรรคจะไม่หักหลังผู้ร่วมอุดมการณ์ของเรา
    "เชื่อว่าขณะนี้ทั้งสองขั้วแกนนำตั้งรัฐบาลมีคะแนนก้ำกึ่ง ดังนั้น ทางออกของประเทศคือการจัดตั้งรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ มีคนกลางเป็นนายกรัฐมนตรี บริหารประเทศ 2 ปี ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน เพื่อเลือกตั้งใหม่ต่อไป" นายเทพไทกล่าว
    นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีต ส.ส.กระบี่ พรรคปชป. ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “ขณะนี้ในพรรค ปชป.มีปัญหาว่าจะเอาตู่หรือไม่เอาตู่ ผลการเลือกตั้งหัวหน้าและ กก.บห.ที่ผ่านมาปรากฏว่าเสียง “ไม่เอาตู่” ชนะทุกกระดาน”
          นายพิเชษฐให้สัมภาษณ์ว่า ตนวิเคราะห์จากการเลือกหัวหน้าพรรคในทุกกระดาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ก็มีจุดยืนเหมือนนายชวน หลีกภัย ส่วนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน จุดยืนก็อยู่ทางนี้ ส่วนตัวตนไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ตั้งแต่ 3-4 ปีแล้ว ส่วนว่า ปชป.จะไปทางไหน เหตุการณ์จะไปเอง และตนเป็นคนพูดว่า ปชป.ควรเป็นฝ่ายค้านอิสระก่อนใคร เพราะยังดีกว่าไปเอา พล.อ.ประยุทธ์
    ด้านนายจุรินทร์เปิดเผยว่า วันที่ 20 พ.ค. เวลา 13.00 น. จะมีการประชุม กก.บห.ชุดใหม่ เพื่อที่ตนจะมอบหมายงานให้รองหัวหน้าพรรค รวมถึงจะมีการแบ่งงานด้านอื่นๆ ด้วย เพราะเราต้องนับหนึ่งในการจัดทัพทีมอเวนเจอร์สให้สำเร็จเรียบร้อย เพื่อให้พรรคเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนจะพูดคุยเรื่องจะไปร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่ เป็นเรื่องของที่ประชุมร่วมระหว่าง กก.บห.กับ ส.ส. ซึ่งยังไม่ได้กำหนดว่าจะจัดการประชุมร่วมดังกล่าวในวันไหน เพราะหลังจากนั้นจะต้องมีการประชุมเฉพาะ ส.ส.ของพรรค และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจึงจะนัดประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาการตัดสินใจทางการเมือง
พท.บ้อท่ายกธงขาว
    "การพิจารณาในการลงมติใดๆ นั้น ต้องนับหนึ่งจากการเลือกประธานสภาฯ ก่อน แล้วจะไปสู่การเลือกนายกรัฐมนตรี จึงไปถึงการจัดตั้งรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี เป็นเรื่องปกติที่นักการเมืองต้องทราบอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ต้องกังวล เมื่อถึงเวลาก็ต้องพิจารณา เรามีคำตอบแน่นอน ส่วนที่มีข่าวว่าจะให้ ปชป.ไปร่วมกับพรรคการเมืองฝ่ายต่างๆ นั้น ก็เป็นเรื่องปกติ ตอนนี้มีข่าวออกมาถูกบ้าง ไม่ถูกบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ" นายจุรินทร์กล่าว
    ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีที่นายธนาธรประกาศเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และพร้อมเป็นนายกฯ ว่า นายธนาธรถือเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ มีความสามารถ และไม่มีอะไรที่เสียหาย จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่นายธนาธรจะประกาศเสนอตัวเป็นนายกฯ ถือว่าการประกาศตัวของนายธนาธรจะไม่เกิดความสับสนในการทำงานร่วมกันของ 7 พรรคการเมืองในขั้วเพื่อไทย เพราะพรรคย้ำมาตลอดว่าไม่ยึดติด ไม่นำตำแหน่งนายกฯและประธานสภาฯ มาเป็นเงื่อนไขในการพูดคุย และจับมือทำงานร่วมกัน พรรคเพื่อไทยพร้อมทำงานร่วมกับทุกพรรคการเมือง หากมีจุดยืนเดียวกันคือการสกัดกั้นการสืบทอดอำนาจ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญสิ่งสำคัญคือจะต้องไม่ให้ พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี
         "ได้มีการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการกับอีก 6 พรรคการเมืองแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการแบ่งบทบาทหน้าที่ในการทำงานเพื่อเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย ซึ่งทุกพรรคการเมืองก็มีสิทธิ์ที่จะเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีได้ หากเห็นว่าเป็นทางออกที่ดีของประเทศ"
         เมื่อถามถึงกระแสข่าวพรรค พท.เตรียมสนับสนุนให้นายบัญญัติ บรรทัดฐาน จาก ปชป.เป็นประธานสภาฯ นายภูมิธรรมกล่าวว่า หากมีหลักการเดียวกันก็พร้อมสนับสนุน แต่วันนี้ยังไม่ขอพูดถึงตัวบุคคล  เพราะต้องดูในหลักการ คือไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง
        นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค อนค.กล่าวว่า เราได้มอบอำนาจให้พรรคอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาล แต่กระทั่งวันนี้ยังไม่มีความชัดเจน อีกทั้งเดินไปทางไหนประชาชนก็รู้สึกสิ้นหวังว่าสุดท้ายเลือกตั้งมาแล้วยังจะได้ พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯ อีก 1 สมัย พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะพรรคอันดับสองของฝ่ายที่ไม่เอา คสช. จึงจะจัดตั้งรัฐบาลเอง และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ก็เปิดทางให้แล้ว 
    "การที่พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลได้ลำบาก เพราะ 10 กว่าปีที่ผ่านมาพรรคการเมืองใหญ่ๆ มีความขัดแย้งกันค่อนข้างมาก แต่พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้อยู่ในความขัดแย้งนั้น เชื่อว่าจะสามารถเจรจาต่อรองกันได้ มั่นใจว่าภายใน 7 วันจะหารือพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลขั้วที่ 3 และไม่ได้เป็นการเสียเสียมารยาททางการเมือง ที่ผ่านมาพรรคที่ชนะในอันดับ 1 และ 2 ไม่สามารถดำเนินการได้ ดังนั้นเราจะเดินหน้าเจรจากับพรรคอื่น" นายปิยบุตรกล่าว  
    พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวแสดงความยินดีกับคุณจุรินทร์ด้วย ที่ได้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค ปชป. ขอฝากไปถึงคุณจุรินทร์ ด้วยว่ามาร่วมทำงานกับพรรคฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกัน มีอะไรก็มาพูดคุยกัน ขอให้พรรคของท่านเป็นแบบอย่างของพรรคการเมืองที่ยึดถือเรื่องของประชาธิปไตยเป็นสำคัญ ในส่วนของตนยังเหมือนเดิม พร้อมที่จะยกโควตา ส.ส.ของตนจำนวน 10 คนให้กับพรรค ปชป. ตนไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ ขออย่างเดียวขอให้ระบอบประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไปอย่างถูกทำนองคลองธรรม”
    ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ มูลนิธิพฤษภาประชาธรรมและคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 จัดกิจกรรมรำลึก 27 ปี พฤษภาประชาคม เวทีเสวนาสาธารณะ หัวข้อ "การเมืองใหม่กับการสืบสานเจตนารมณ์พฤษภาประชาคม" โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. กล่าวว่า ตอนนี้ดัชนีทางการเมืองทางสองฝ่ายเหมือนถูกล็อก ไม่ว่าจะเลือกอย่างไรก็ได้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ อีก ต่อให้พรรคภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา มารวมอนาคตใหม่ที่ประกาศเป็นแกนนำก็ไม่ถึง 376 เสียง ขนาด ส.ส.ห่างกัน 50 เสียงสภายังล่ม แล้วถ้ารอบนี้ห่าง 3 เสียง จะล่มวันไหนก็ได้ สภาแทบไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ แต่มีความพยายามจะโกงความตาย. 
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"