'หมอประกิต'โวยรัฐบาลเลื่อนขึ้นภาษีบุหรี่ 40% เข้าข้างธุรกิจยาสูบ


เพิ่มเพื่อน    

3 มิ.ย.62- ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ขยายเวลาการปรับภาษีบุหรี่ซิกาแรตเป็นอัตราเดียวที่ 40% ออกไปอีก 1 ปี  โดยมีผลในเดือนต.ค.2563 จากเดิมที่ครม.เห็นชอบเมื่อเดือนก.ย.2560 ที่มีการปรับอัตราภาษีบุหรี่ชิกาแรตราคาไม่เกิน 60 บาท คิดภาษี 20% และราคาเกิน 60 บาท คิดภาษี 40% โดยเปลี่ยนเป็นภาษีอัตราเดียวที่ 40% โดยมีเหตุผลว่าต้องการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ และผู้ประกอบการอุตสาหกรรมบุหรี่ทั้งหมด ตามคำเรียกร้องของบริษัทบุหรี่และชาวไร่ยาสูบ เนื่องจากการขึ้นภาษีทำให้คนสูบบุหรี่น้อยลงนั้น

ศ.นพ.ประกิตกล่าวว่า ปัจจุบันผู้สูบบุหรี่ 10 .7 ล้านคน กระจายอยู่ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ปัจจุบันคนไทยป่วยด้วยโรคจากการสูบบุหรี่ที่ยังมีชีวิตอยู่หนึ่งล้านคน และข้อมูลในปี 2557  มีคนไทยที่ป่วยด้วยโรคจากการสูบบุหรี่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล 580,794  ครั้ง  แต่ละครั้งเฉลี่ยอยู่โรงพยาบาลครั้งละ 6 วัน  โดยตัวเลขนี้นับเฉพาะผู้ป่วยที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลด้วย 3 กองทุนของรัฐคือ ที่ใช้สิทธิ์บัตรทอง ประกันสังคม และสวัสดิการข้าราชการเท่านั้น ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายมากกว่ารายได้จากธุรกิจยาสูบ ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องมีมาตรการควบคุมการบริโภคยาสูบอย่างจริงจัง

“การเลื่อนปรับภาษีบุหรี่ ทำให้เสียโอกาสในการใช้เครื่องมือในการควบคุมยาสูบ เรียกร้องรัฐบาลให้ชดเชยการเลื่อนการขึ้นภาษียาสูบครั้งนี้ ด้วยการแสดงความจริงใจในการสนับสนุนการควบคุมยาสูบ  ผมเข้าใจที่รัฐบาลต้องการช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบ แต่เมื่อรัฐบาลตัดสินใจในนโยบายที่จะส่งผลดีต่อธุรกิจยาสูบ ก็ย่อมหมายถึงผลเสียต่อสุขภาพของประชาชน เพราะเรื่องยาสูบกับสุขภาพเป็นเหมือนเกมผลรวมเป็นสูญ (Zero Sum Game) คือเมื่อฝ่ายธุรกิจยาสูบได้ ก็คือสุขภาพของประชาชนที่จะเสีย รัฐบาลจึงต้องแสดงความจริงใจในการให้ความสำคัญกับการปกป้องสุขภาพ ไม่ยิ่งหย่อนกว่าการปกป้องธุรกิจยาสูบ” 

เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ขณะนี้การควบคุมยาสูบดำเนินการ ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560  กำหนดให้มีคณะกรรมการควบคุมยาสูบจังหวัด ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และมีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเป็นเลขานุการ ซึ่งที่ผ่านมาองค์การอนามัยโลก ได้ระบุว่า โครงสร้างการควบคุมยาสูบโดยภาครัฐในระดับพื้นที่ของไทยยังถือว่าอ่อนแอ เนื่องจากพบว่า มีผู้ที่ทำงานด้านการควบคุมยาสูบอย่างเต็มเวลาเพียงจังหวัดละ 1 คนเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลแผนการควบคุมสุราควบคู่ไปด้วย ทำให้แผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบที่ผ่าน ครม. และจังหวัดต่างๆ ขาดบุคลากรที่จะดำเนินการตามแผนการควบคุมยาสูบในจังหวัดต่างๆ จึงมีความคืบหน้าล่าช้ากว่าที่ควร


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"