นายธันวา ไกรฤกษ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตสวนหลวง-ประเวศ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยหันมาสนับสนุนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ว่า เป็นความต้องการที่จะเอาชนะให้ได้ หรือถ้าชนะไม่ได้ก็ให้พังไปด้วยกันของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงทำให้พรรคเพื่อไทย ตัดสินใจทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ก่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ด้วยการหันไปสนับสนุน นายธนาธร  ขึ้นมาเป็นคู่ชิงนายกรัฐมนตรี แทนที่จะเสนอชื่อของแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์    นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และ นายชัยเกษม นิติศิริ ในฐานะพรรคแกนนำที่มีเสียงมากที่สุดในขั้วที่จับมือกัน 7 พรรค แต่ก็ไม่ทำ นั่นคงเป็นเพราะ สิ่งที่ นายทักษิณ มุ่งหวังคือ ต้องการใช้นายธนาธร เป็นหมากในการเดินเกมป่วนสภาฯในวันเลือกนายกฯ ทั้งที่นายธนาธรเองยังมีชนักปักหลังจากกรณีถือหุ้นสื่อ จนต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

นายธันวา ยังตั้งข้อสังเกตุว่า หรือที่แท้แล้ว พรรคเพื่อไทยกับพรรคอนาคตใหม่ จะเป็นมากกว่าคนกันเอง แต่เป็น พรรคสาขา ที่มาจากคนๆ เดียวกัน  เพราะแม้นายธนาธร จะปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ใช่พรรคสาขาของพรรคเพื่อไทย แต่ก็ยอมรับว่าทำงานร่วมกันได้ ภายใต้อุดมการณ์เดียวกัน แต่ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ก็สะท้อนให้คิดได้ จากกรณีที่อดีตผู้สมัครจากพรรคไทยรักษาชาติ ที่มาจากท่อน้ำเลี้ยงเดียวกับพรรคเพื่อไทย ประกาศเทคะแนนให้ผู้สมัครของพรรคอนาคตใหม่ หลังถูกยุบพรรค ทำไมไม่เลือกที่จะให้กับพรรคเพื่อชาติ ที่มีตัวบุคคลชัดเจนว่า อยู่ในปีกของนายทักษิณแต่กลับเลือกก้าวข้ามมาส่งต่อให้กับพรรคอนาคตใหม่แทน ซึ่งยังไม่นับรวมที่บรรดาคนเสื้อแดง ไปร่วมงานของพรรคอนาคตใหม่  โดยอ้างข้างๆคูๆว่า มีอุดมการณ์ใกล้เคียงกับพรรคเพื่อไทย ทั้งที่ความจริงแล้วทำไมจึงไม่ไปอยู่พรรคเพื่อไทย หรือพรรคเพื่อชาติให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย  ดังนั้นการหงายไพ่ ให้นายธนาธร ขึ้นมาเล่น ทำให้ภาพความสัมพันธ์ของ 2 พรรคการเมืองยิ่งชัดเจนขึ้นมากยิ่งกว่า มี ศัตรูร่วมกัน

นายธันวา กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทย ไม่แยแสเสียงของคนอีสาน ที่สะท้อนผ่านนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม  ที่ประกาศสนับสนุน คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี  หรือ นายทักษิณ  ต้องการให้ นายธนาธร พากลับบ้านดังที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในช่วงเลือกตั้ง ดังนั้นวันนี้คงชัดเจนแล้วว่า ระหว่าง นายทักษิณ พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ และ นายธนาธร มีความเป็นเนื้อเดียวกัน  ประชาชนที่หลงเชื่อควรตาสว่างเสียที