สารพัดอนิจจัง!!!


เพิ่มเพื่อน    

                                                           (1)

                จู่ๆ...ก็ดันไปนึกถึงบทรำพึง รำพัน ของท่าน ปัญญาจารย์ ในพระคัมภีร์ไบเบิล ขึ้นมาอย่างไรก็มิอาจทราบได้ คือเป็นบทที่เคยอ่านไป-อ่านมา มานานแล้ว และออกจะเป็นอะไรที่ประทับใจ สะกิดใจ อยู่พอสมควร ก็เลย เมมฯ เลย ก๊อบปี้ เอาไว้ในหัว โดยจะซุกเอาไว้ใน ไฟล์ ไหน ไดรฟ์ ไหนก็ลืมๆ ไปแล้ว แต่จู่ๆ..หรือแต่จะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ บทรำพึงดังกล่าว มันดันโผล่ขึ้นมาใน ผัสสะ ในความรู้สึกนึกคิดเอาดื้อๆ...

                                                    (2)

                คือบทรำพึงที่ว่านี้...ว่าเอาไว้ยังงี้...“อนิจจัง-อนิจจัง-อนิจจัง-อนิจจัง...สารพัดอนิจจัง ที่มนุษย์ตรากตรำทำงานกันกลางแดด แต่เขาได้ประโยชน์อะไรจากงานที่เขาทำ ชาติพันธุ์หนึ่งล่วงไป และอีกชาติพันธุ์หนึ่งก็มา แต่แผ่นดินโลกก็ยังคงเดิมอยู่เป็นนิตย์ ดวงอาทิตย์ขึ้น ดวงอาทิตย์ตก แล้วก็รีบไปถึง ณ ที่ซึ่งได้ขึ้นมาแล้วนั้น ลมพัดไปทางใต้ แล้วก็เวียนกลับไปทางเหนือ ลมพัดเวียนไป-เวียนมา แล้วก็พัดกลับไปตามทางที่วนเวียนของมัน แม่น้ำทั้งหลายไหลไปสู่ทะเล แต่ทะเลก็ไม่เต็ม แม่น้ำไหลไปสู่ที่ใด ก็ยังคงไหลไปสู่ที่นั่น สารพัดเหน็ดเหนื่อยเหมือนกันหมด คนใดๆ ก็พูดไม่ออก นัยน์ตาก็ดูไม่อิ่ม หูก็ฟังไม่เต็ม เพราะสิ่งที่เป็นขึ้นแล้ว ก็คือสิ่งที่จะเป็นขึ้นอีก สิ่งที่ทำกันแล้ว ก็คือสิ่งที่จะต้องทำกันอีก และไม่มีสิ่งใดใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์ มีสักสิ่งหนึ่งหรือ? ที่เขาจะสามารถพูดได้ว่า ดูสิ...นี่คือสิ่งใหม่ เพราะสิ่งนั้นล้วนมีอยู่แล้ว ในสมัยก่อนเราทั้งหลาย เพียงแต่ไม่มีการจดจำถึงสมัยก่อนๆ และจะไม่มีการจดจำถึงสิ่งหลังๆ ท่ามกลางผู้ที่ตามมาในภายหลัง...ฯลฯลฯ”

                                                      (3)

                อาจด้วยเหตุเพราะเห็นใครต่อใคร เขาออกจะ เบื่อๆ กับการบ้าน การเมือง หนักขึ้นหรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจทราบได้ ขนาด การ์ตูนนิสต์ ที่เคยถูกสภาพแวดล้อมบังคับ ให้ต้องเขียน ต้องวาด เรื่องการมง การเมือง มานับเป็นทศวรรษๆ เกือบหรือกว่าครึ่งศตวรรษเอาเลยก็ว่าได้ อย่างเช่น อาเฮีย ชัย ราชวัตร หรือ พี่รุณ-อรุณ วัชรสวัสดิ์ ไปๆ-มาๆ...ต้องตัดสินใจ แขวนปากกา กันจนได้ โดยต้นสายปลายเหตุ...ก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่า ความเบื่อ นั่นแหละเป็นเรื่องหลัก ส่วน ความแก่ นั้นอาจต้องถือเป็นเรื่องรอง แล้วยังงี้...อันตัวข้าพเจ้าเอง ที่แม้ไม่ต้องวาด แต่ยังคงต้องเขียนเรื่องการมง การเมือง มาไม่มาก-ไม่น้อยไปกว่ากันซักเท่าไหร่...จะไปเหลืออะไร???

                                                     (4)

                ยิ่งต้องอ่านอะไรต่อมิอะไร ที่คนอื่นเขาเขียนๆ เพื่อให้ตัวเองพอหยิบเอามาเป็นเรื่อง เป็นประเด็น เขียนสิ่งที่ควรเขียนอีกต่อไปได้ ก็ยิ่งส่งผลให้ยิ่ง เบื่อๆ หนักขึ้นไปอีก เพราะบรรดาสิ่งที่ใครต่อใครเขาเขียนๆ เพื่อให้ใครต่อใครเข้ามาอ่าน ในเฟซบ๊ง เฟซบุ๊ก ในไลน์ ในทวิตเตอร์ ฯลฯ หรือในโลกโซเชียล มีเดีย ที่ใครจะเขียนอะไรก็ได้ และใครจะอ่านอะไรก็ได้นั้น ส่วนใหญ่...นอกจากมันจะไม่มีอะไรใหม่ๆ แล้ว มันยังแทบ ไม่มีอะไรเลย หนักไปทางการบ่น การระบาย การด่า การว่า การโฆษณาตัวตนของตัวเอง การอวดโชว์รสนิยง รสนิยม อะไรต่อมิอะไรไปตามเรื่อง ตามราว...

                                                         (5)

                ยิ่งในเมื่อโลกโซเชียล มีเดีย หรือ โลกเสมือนจริง...มันชักจะกลายสภาพเป็น โลกแห่งความจริง ยิ่งเข้าไปทุกที มันก็เลยยิ่งเป็นอะไรที่น่าเบื่อ น่า สารพัดอนิจจัง ยิ่งขึ้นไปอีก ร่ำๆ อยากจะ แขวนปากกา หรือแขวนพิมพ์ดีด แขวนคอมพิวเตอร์ ให้มันรู้แล้ว รู้แรด กันไปซะที ไม่งั้น...อาจต้องแวบไป-แวบมา แบบเดียวกับ ป๋าเปลว สีเงิน ท่านนั่นแหละ ประเภทเขียน 4 วัน หยุดเที่ยวซะ 3 วัน ก็ครบอาทิตย์พอดิบ พอดี แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยเหตุเพราะท่าน ปัญญาจารย์ อีกนั่นแหละ ที่ท่านได้สรุปลงท้ายเอาไว้ประมาณว่า บรรดาความ น่าเบื่อ หรือความ สารพัดอนิจจัง ทั้งหลายนั้น มันคือ หน้าที่ของความเป็นมนุษย์ หรือเป็นสิ่งที่คงต้องยอมเบื่อๆ กันต่อไป ภายใต้การดำเนินชีวิตไปตามความเคารพ ยำเกรง ต่อ พระบัญญัติ ของพระผู้เป็นเจ้า...

                                                      (6)

                และด้วยเหตุเพราะความเคารพ ยำเกรง ที่ว่านี้...ท่านจึงได้ เตือนสติ เอาไว้ด้วยข้อความที่น่าคิด น่าสะกิดใจ เอามากๆ โดยเฉพาะที่กล่าวเอาไว้ว่า...“ข้าพเจ้าได้เห็นภายใต้ดวงอาทิตย์นี้อีกว่า คนเร็ว...ไม่ชนะในการวิ่งแข่งเสมอไป หรือฝ่ายมีกำลังไม่ชนะสงครามเสมอไป หรือคนฉลาดไม่ได้รับประทานเสมอไป หรือคนมีความรู้ ความเข้าใจ ไม่ได้ร่ำรวยเสมอไป หรือผู้เชี่ยวชาญชำนาญการไม่ได้รับความโปรดปรานเสมอไป เนื่องจากวาระและโอกาส ย่อมมีมาถึงเขาทุกคน เพียงเพราะมนุษย์ไม่รู้ว่าวาระและโอกาสของตน จะมาถึงเมื่อไหร่ ปลาติดอยู่ในอวนร้ายฉันใด และนกตกอยู่ในบ่วงแร้วฉันใด วาระและโอกาสอันร้ายกาจจึงมาถึงบรรดามนุษย์ในลักษณะเช่นนั้น...” ก็เอาเป็นว่า...สำหรับช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ลองเก็บไปอ่าน เก็บไปคิด ให้เบื่อๆ กันไปข้างก็แล้วกัน...

                               --------------------------------------------------- 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"