สหรัฐหนุนรัฐบาลตู่ ส่งสารแสดงความยินดีไทย/ครม.เคาะ12นโยบายเร่งด่วน


เพิ่มเพื่อน    

  สหรัฐอเมริกาส่งสารแสดงความยินดีต่อรัฐบาลไทย ยันจะกระชับความเป็นพันธมิตรให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมร่วมมือสนับสนุนบทบาทของไทยในภูมิภาค ครม.ลุงตู่ 2/1 ประชุมนัดแรกเห็นชอบร่างนโยบาย 12 เรื่องเร่งด่วนเพิ่มเรื่องภัยแล้ง ส่วนแก้ไขรธน.เริ่มปีแรก ขณะที่ รมต.ใหม่ทยอยเข้ากระทรวงคึกคัก "จุรินทร์" ยันรัฐบาลหนุนแก้ รธน.เปิดช่องแก้ไขได้ง่ายเหมือนสะเดาะกุญแจสู่ ปชต. "หม่อมเต่า" โยนไตรภาคีเคาะค่าแรง 400 ฝ่ายค้านอ้างยุคยิ่งลักษณ์ขออภิปรายนโยบาย 3 วัน แต่ "พรเพชร" ระบุแค่ 2 วัน 25-26 ก ค.นี้ จับตา พปชร.เชิญ "ป้อม-ตู่" สัมมนา ส.ส.

    เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม เว็บไซต์สถานทูตสหรัฐอเมริกาและสถานกงสุลในประเทศไทย ได้เผยแพร่ สารจากไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งสารแสดงความยินดีต่อรัฐบาลไทย ความว่า สหรัฐเฝ้ารอคอยที่จะร่วมงานกับรัฐบาลใหม่ของไทย เพื่อกระชับความเป็นพันธมิตร และความเป็นหุ้นส่วนระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และสร้างเสริมมิตรภาพระหว่างประชาชนของเราที่ยาวนานมากว่า 2 ศตวรรษ 
    "เราสนับสนุนธรรมาภิบาลและความโปร่งใสทั่วโลก และจะยังคงร่วมมือกับประชาชนไทยและรัฐบาลไทยต่อไปจนถึงที่สุด และเราจะยังคงสนับสนุนบทบาทของไทยในฐานะผู้นำภูมิภาค ซึ่งรวมถึงตำแหน่งประธานอาเซียนในปีนี้ ความเป็นพันธมิตรของเราจะแข็งแกร่งต่อไปยิ่งขึ้น ในขณะที่เราร่วมมือกันเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายร่วมกันของทั้งสองประเทศ เช่น ความมั่นคง สันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และทั่วทั้งโลก" สารจากสหรัฐอเมริการะบุ 
         ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดเเรก เมื่อค่ำวันอังคารที่ผ่านมา ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่า ครม.ได้มีมติเห็นชอบร่างนโยบาลของรัฐบาล 12 เรื่องเร่งด่วนที่ต้องเริ่มทำใน 1 ปีเเรกเลย ว่าตามระยะสั้น กลาง ยาว จากเดิมกำหนด 11 เรื่องเร่งด่วน ซึ่งเป็นหัวข้อใหญ่ๆ มีที่น่าสนใจ อาทิ 1.แก้ปัญหาความยากจน 2.เรื่องความปลอดภัย 3.การพัฒนาเศรษฐกิจ ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่ลำดับที่ 11 สำหรับเรื่องที่ 12 ที่เพิ่มขึ้นมาคือการแก้ภัยเเล้ง เสนอโดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เนื่องจากมองว่าต้องเผชิญปัญหาภัยเเล้งเเน่นอน จึงอยากให้ป้องกัน ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่บรรจุไว้นั้น เป็นการเปิดให้มีการแก้ไขเริ่ม 1 ปีเเรก 
    ส่วนเรื่องกัญชาก็เป็น 1 ใน 12 เรื่องเร่งด่วน โดยนายกฯ ย้ำว่าอยากให้ศึกษาวิจัยและทำนวัตกรรมให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์ และอยากให้เอาเรื่องกัญชงเข้ามาร่วมด้วย เพราะมีประโยชน์ในเรื่องของสิ่งทอ ส่วนการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการขอเอาไว้ก่อน
     ส่วนเรื่องนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ นายกฯ ย้ำกลางที่ประชุมว่า เข้าใจดีว่าเป็นนโยบายของหลายพรรค แต่อยากให้คำนึงถึงไตรภาคี คือฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้าง  คำนึงถึงว่าปฏิบัติจริงได้หรือไม่ และต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ข้อตกลงต่างๆให้ระมัดระวัง ดูความเหมาะสม
     นายวิษณุ เครืองาม  รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงร่างนโยบายที่รัฐบาลจะแถลงต่อรัฐสภาว่า นโยบายที่รัฐบาลจะแถลงต่อรัฐสภา มีทั้งที่เป็นนโยบายเร่งด่วน กับนโยบายที่จะทำเมื่อไรก็ได้ ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเร่งด่วน ส่วนถ้วยคำชัดๆ จะดูกันอีกที และในนโยบายเมื่อเร่งด่วนแล้วเรื่องกรอบเวลาไม่ต้องพูด ไม่ได้พูดถึงเรื่อง 6 เดือน 1 ปี หรืออะไร แบ่งแต่เพียงเร่งด่วนกับทั่วไป ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ดูแล้วก็พอใจ ส่วนรายละเอียดคงต้องรอฟังนายกฯ แถลงในเนื้อหานโยบาย หลังผ่านมติ ครม.คงมีการปรับแก้ถ้อยคำเล็กน้อยครึ่งวันและพิมพ์สองวันจากนั้นสามารถส่งได้เลย โดยรวมพรรคร่วมรัฐบาลพอใจ
เปิดช่องแก้ รธน.ได้ง่าย
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายกฯ นำ ครม.ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเช้าวันพุธ เวลา 07.00 น. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจพร้อมคณะทำงานได้เดินทางเข้ามายังทำเนียบฯ โดยไม่มีการแจ้งกำหนดการล่วงหน้า และได้เข้าสักการะพระพรหมบนตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ศาลตาศาลยาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนที่จะเข้าไปยังห้องทำงานที่ตึกบัญชาการ 1 
    เมื่อเวลา 09.12 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ พร้อมคณะทำงาน เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล โดยเริ่มจากการสักการะพระพรหมที่ประดิษฐานอยู่บนตึกไทยคู่ฟ้า และลงมาสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตาศาลยาย เพื่อเป็นสิริมงคล 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดปรากฏการณ์ระหว่างที่นายจุรินทร์สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล โดยเกิดพระอาทิตย์ทรงกลดขนาดกว้างในช่วงที่มีการสักการะ ทำให้คณะทำงานวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นฤกษ์ที่ดีในการที่นายจุรินทร์เข้าปฏิบัติหน้าที่รองนายกฯ ในครั้งนี้ ขณะที่นายจุรินทร์ได้มองดูปรากฏการณ์ดังกล่าวพร้อมระบุว่าเป็นฤกษ์ที่ดีในการเข้าสักการะ ถือว่าครบพิธี ยอมรับว่ารู้สึกแปลกใจที่เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ แต่ถือเป็นฤกษ์ยามที่ดี ก็ตั้งใจที่จะทำดีเพื่อแผ่นดินต่อไป นอกจากนี้ หลังจากที่นายจุรินทร์สักกาะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสร็จแล้ว ยังได้ชี้ชวนคณะทำงานดูพระอาทิตย์ทรงกลดอีกครั้ง พร้อมชูสัญลักษณ์  2 นิ้วแบบมิตรภาพ
    จากนั้นนายจุรินทร์ให้สัมภาษณ์ถึงร่างนโยบายที่รัฐบาลจะเสนอต่อรัฐสภาว่า การประชุม ครม.วันที่ 16 ก.ค. ได้เห็นชอบร่างนโยบายที่จะนำเสนอต่อรัฐสภาแล้ว ซึ่งมีสองส่วนคือนโยบายที่ดำเนินการภาพรวมที่ดำเนินการภายในเวลา 4 ปีของรัฐบาล และนโยบายเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการใน 1 ปี มองว่านโยบายที่ออกมาเป็นไปตามที่พรรคได้พูดคุยระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล ทั้ง 3 ข้อที่พรรคประชาธิปัตย์ แจ้งให้พรรคการแกนนำรัฐบาลทราบมีการบรรจุไว้ทั้งหมด ทั้งการประกันรายได้เกษตรกร การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่ในส่วนนโยบายเร่งด่วน 
     ผู้สื่อข่าวถามว่า การเริ่มต้นแก้ไขรัฐธรรมนูญจะดำเนินการอย่างไร นายจุรินทร์กล่าวว่า เป็นรายละเอียดที่ต้องพูดคุยกันอีกครั้ง แต่เขียนไว้ชัดว่ารัฐบาลจะสนับสนุน หากมีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลก็พร้อมสนับสนุน อาจเริ่มต้นด้วยพรรคการเมือง พรรคร่วมรัฐบาล เล็งที่หมวดแก้รัฐธรรมนูญเปิดประตูสู่ประชาธิปไตย อย่างน้อยที่สุดได้ระบุไปว่าประเด็นที่ควรได้เริ่มต้นคือหมวดที่ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะถือเป็นกุญแจดอกสำคัญที่ทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ที่แก้ได้ยากมากหรือแก้ไม่ได้เลย
    "การเริ่มต้นหมวดที่ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ทำได้ง่ายขึ้น เป็นส่วนช่วยให้การแก้รัฐธรรมนูญเพื่อเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น เป็นการสะเดาะกุญแจปิดประตูตายสำหรับการแก้รัฐธรรมนูญ เป็นการเริ่มสะเดาะกุญแจให้ประตูประชาธิปไตยเปิดออกได้ ต่อไปใครจะแก้ว่าอย่างไร ก็สามารถทำได้ง่ายขึ้น" นายจุริทร์กล่าว 
ไตรภาคีเคาะค่าแรง 400
      ขณะที่ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน และคณะ ถือฤกษ์วันเข้าพรรษา เวลา 09.09 น. ทำการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงแรงงาน   จากนั้นได้ขึ้นไปยังห้องทำงาน รมว.แรงงาน พร้อมสักการะพระพุทธรูปในห้อง และลงนามในแฟ้มเอกสาร โดยมีนายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน มอบกระเช้าดอกไม้แสดงความยินดี พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานให้การต้อนรับ
    ม.ร.ว.จัตุมงคลกล่าวให้โอวาทแก่ข้าราชการประจำกระทรวงว่า ภารกิจด้านแรงงานถือได้ว่าเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมในทุนมนุษย์ ที่ต้องสอดรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและการผลิต รวมถึงการปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานด้านแรงงานให้สอดคล้องกับบริบทความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป  
    เมื่อถามถึงเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท ม.ร.ว.จัตุมงคลกล่าวว่า เงินจำนวน 400 บาทไม่ได้เป็นเงินที่มากมายอะไร ก็อยากให้ทุกคนได้รับค่าแรง แต่จะทำได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นกับว่ามีต่อนายจ้าง ภาวะเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจระดับมหภาคอย่างไร เพราะสุดท้ายเมื่อมีผลกระทบมาก ก็จะเกิดผลกระทบกลับไปยังลูกจ้าง เพราะหากนายจ้างอยู่ไม่ได้จากการต้องถูกขึ้นดอกเบี้ยต่างๆ ก็อาจมีการเลิกจ้าง เรื่องนี้จึงต้องให้คณะกรรมการไตรภาคีที่ประกอบด้วยฝ่ายนายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐ ร่วมกันพิจารณา คาดไม่น่าจะทันการแถลงนโยบายของรัฐบาล แต่ไม่ใช่การไม่ทำตามนโยบายที่ให้ไว้ต่อประชาชนตามที่มีพรรคการเมืองหาเสียงไว้ ซึ่งค่อยๆ ทำก็ได้ หากขึ้นทั้งหมดทีเดียวไม่ได้ ก็ค่อยๆ ขึ้น หรือขึ้นเป็นบางพื้นที่ ซึ่งตามปกติของการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำก็คือช่วงปีใหม่
    ที่กระทรวงการคลัง เวลา 11.42 น. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ดินทางมาถึงกระทรวงด้วยรถตู้ทะเบียน ฮก 9998 และ เวลา 11.46 น. นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง  และภรรยา เดินทางมาด้วยรถตู้ทะเบียน ฮว 59 โดยก้าวเท้าขวาลงจากรถ พร้อมพระพุทธรูปพระพุทธชินราช พระสักการะประจำตัว จากนั้นเวลา 12.00 น. ถือฤกษ์สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง 6 จุด และเข้าห้องทำงานประจำตำแหน่งในเวลา 12.30 น.
    นายอุตตมกล่าวว่า ไม่หนักใจที่เข้ารับตำแหน่ง รมว.การคลัง จากนี้ขอให้รอทางรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นจะมอบหมายนโยบายต่างๆ ให้หน่วยงานในกระทรวงการคลังไปดำเนินการและมอบหมายงานให้ รมช.การคลังต่อไป โดยมาตรการต่างๆ จะปรากฏชัดหลังจากแถลงนโยบายทั้งมาตรการระยะสั้นและมาตรการระยะยาวซึ่งขณะนี้ได้หารือในเบื้องต้นไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้มีการกำหนดรายละเอียด
    “ขอเวลาหารือก่อนสรุปมาตรการ ซึ่งจะดูแลทั้งฐานรากและคนชั้นกลาง คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เพราะกระทรวงการคลังได้เตรียมการไว้พอสมควรแล้ว โดยเฉพาะทุกเรื่องที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรคร่วมได้หาเสียงไว้กับประชาชน ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีก็จะมาดูว่าจะดำเนินการได้อย่างไรบ้าง ส่วนมาตรการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10% จะต้องขอไปดูในรายละเอียดและหารือก่อน” นายอุตตม กล่าว
    ด้านนายสันติกล่าวว่า ในฐานะที่เคยเป็น รมว.คมนาคม และมารับตำแหน่ง รมช.การคลัง มีการทำงานที่แตกต่างกันมาก แต่ไม่กดดัน เพราะเป็นการทำงานคนละอารมณ์กัน งานด้านคมนาคม จะเน้นการใช้เงิน ใช้เงิน และใช้เงิน ส่วนงานกระทรวงการคลัง จะต้องเน้น หาเงิน หาเงิน และหาเงิน
พปชร.เชิญ"ป้อม-ตู่"สัมมนา
    นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา(ชพน.) ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมของพรรค ชพน.ในการร่วมแถลงนโยบายรัฐบาลว่า หลังจากที่ได้ประชุม ครม.และร่วมกันพิจารณาร่างนโยบายรัฐบาลแล้ว เราได้เห็นสิ่งที่พรรค ชพน.นำเสนอให้กับรัฐบาล ทั้งนโยบายหลัก ได้แก่ ด้านการเกษตร ด้านทรัพยากร  ซึ่งได้เห็นทุกประเด็นระบุ ถือเป็นที่น่าพอใจ จึงถือว่ามีความพร้อมในการรับฟังการแถลงนโยบายรัฐบาล ได้กำชับสมาชิกพรรคทุกคนแล้วว่าทุกคนจะต้องเตรียมพร้อมในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างนโยบายรัฐบาลที่จะนำเสนอต่อรัฐสภา เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา
    แหล่งข่าวระดับสูงในพรรคพลังประชารัฐเปิดเผยถึงการเสนอรายชื่อแคนดิเดตผู้ที่จะเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ก่อนหน้านี้ผู้ใหญ่ในพรรคได้เสนอชื่อนายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค ซึ่งมีบทบาทในช่วยงานพรรคมาโดยตลอด ก่อนที่จะมีการเสนอชื่อของ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม.พรรคพปชร. และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร.เพิ่มเติม เมื่อดูจากโปรไฟล์แล้วถือว่านางนฤมลมีโอกาสสูงที่จะได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งท้ายที่สุด พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นผู้ตัดสินใจทั้งหมดเพียงคนเดียวเท่านั้น 
    ทั้งนี้ แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า คนที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้ ต้องมีความรู้ความสามารถ มีภาพลักษณ์ประนีประนอม และในเบื้องต้นผู้ใหญ่ในรัฐบาลคนสำคัญ ก็เห็นชอบแล้วว่าจะให้เป็นผู้หญิง
    มีรายงานจากพรรค พปชร.เปิดเผยว่า ตามที่มีกำหนดการสัมมนา ส.ส.พลังประชารัฐ ในหัวข้อ "เสริมศักยภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร" ที่ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ท วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา วันที่ 21-22 ก.ค. เพื่อซักซ้อมเตรียมความพร้อมการทำงานในสภาก่อนการแถลงนโยบาย เป็นที่น่าจับตามองขึ้นมาทันทีเพราะนอกเหนือจากการสัมมนาและพิธีบายศรีสู่ขวัญแล้ว อาจมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ เมื่อผู้ใหญ่ของพรรคได้เรียนเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะมาเป็นหัวหน้าพรรค พปชร. และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะมาเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วย โดยในส่วนของ พล.อ.ประวิตร ขณะนี้มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะมาร่วมกิจกรรมดังกล่าว
        ในส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น ขณะนี้อาจจะมาร่วมกิจกรรมที่วังน้ำเขียวไม่ได้ แต่อาจจะมีการนัดพบปะกับ ส.ส.และสมาชิกพรรค พปชร.ใน กทม.ก่อนการแถลงนโยบายรัฐบาลเพียง 1 วัน คือวันที่ 24 ก.ค.นี้แทน ขณะนี้ทางพรรคอยู่ระหว่างพิจารณาจัดหาสถานที่และเวลาที่เหมาะสม โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือต้องการสร้างจุดร่วมให้กับคนในพรรค เป็นสร้างสายสัมพันธ์ให้เกิดความใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นระหว่าง ส.ส.ของพรรคกับนายกฯ และยังจะมีโอกาสได้สะท้อนการทำงานระหว่างกัน ได้เรียนรู้ระบบงานของพรรค และจะได้รู้จักหน้าค่าตาลูกพรรคมากขึ้นด้วย ก่อนที่นายกฯ และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดจะได้เดินหน้างานการเมืองอย่างเต็มที่ต่อไป    
    ทางด้านฝ่ายค้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า ขณะนี้ฝ่ายค้านมีความพร้อมในการอภิปรายอย่างเต็มที่ ไม่มีความกังวลใดๆ รอแค่เพียงเนื้อหานโยบายจากรัฐบาลว่าจะแถลงเรื่องใดบ้าง  ซึ่งที่ผ่านมาทางพรรคได้ประชุมวางแผนกันอย่างต่อเนื่อง และเมื่อได้เห็นนโยบายจากทางรัฐบาล ทางพรรคก็จะแบ่งความรับผิดชอบและจัดกรอบการอภิปรายได้ ส่วนการจัดวางตัวบุคคลที่จะอภิปรายนั้น เชื่อว่าไม่มีปัญหา เพราะ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีความสามารถในการอภิปราย โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะเป็นผู้นำทีมอภิปราย ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการหารือของวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้าน ที่จะกำหนดกรอบเวลาในการอภิปราย ซึ่งเบื้องต้นทราบเพียงกรอบวันที่จะแถลงนโยบาย คือ 25-27 ก.ค.นี้ รวม 3 วัน
ฝ่ายค้านขอ 3 วันถล่มนโยบาย
     น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญถือเป็นหนึ่งนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ได้ประกาศไว้เมื่อตอนหาเสียง และเรื่องนี้ต้องรอดูรายละเอียดจากทางรัฐบาลว่าจะมีขั้นตอนดำเนินการอย่างไร ส่วนกระบวนการหรือวิธีการแก้ไขจะอย่างไรนั้น ทางพรรคเห็นว่าถ้าสามารถดำเนินการแก้ไขให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและถูกต้องตามกฎหมาย ทางพรรคก็พร้อมที่จะสนับสนุน
        นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า วิปฝ่ายค้านจะนัดหารือในวันที่ 22 ก.ค. เวลา 11.00 น. เพื่อพิจารณาและวางกรอบการอภิปรายนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา ได้เปิดให้ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยที่ต้องการอภิปรายเนื้อหายื่นเจตจำนงมายังพรรค จนถึงวันที่ 18 ก.ค. จากนั้นช่วงวันที่ 20- 24 ก.ค. พรรคจะจัดติวเข้มให้กับ ส.ส.ก่อนการอภิปราย ทั้งเนื้อหาและทักษะการอภิปราย โดยมีแกนนำของพรรคเพื่อไทย อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรค, นายอดิศร เพียงเกษ แกนนำพรรค ร่วมติวเข้มการอภิปรายด้วย ในการอภิปรายจะเน้นเนื้อหาตามกรอบสำคัญ อาทิ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านเทคโนโลยี ด้านความมั่นคง และด้านการเมือง และบางเรื่องจะเสนอแนะในกรอบการปฏิบัติเพื่อไม่ให้การนำนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในบางเรื่องสร้างผลกระทบหรือความเสียหายต่อประชาชนและประเทศ
          ส่วนที่มองว่าการอภิปรายนโยบายรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยจะเทียบเท่าการซ้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุทินกล่าวว่า ขอรัฐบาลอย่าวิตกเกินเหตุเพราะพรรคเพื่อไทยจะยึดตามกรอบปฏิบัติ คือ อภิปรายให้ความเห็น ข้อท้วงติง และข้อเสนอแนะ รวมถึงข้อบกพร่องในนโยบายและตัวบุคคลซึ่งสาระสำคัญไม่ใช่การจ้องล้มรัฐบาล แต่ต้องการติเพื่อให้การนำนโยบายไปปฏิบัติเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง หากการนำนโยบายไปปฏิบัติพบข้อบกพร่องที่ชัดเจน จึงจะเป็นลำดับของการอภิปรายที่เข้มข้น และตรวจสอบรัฐบาลหรือรัฐมนตรีต่อไป
          สำหรับการกำหนดวันเปิดประชุมรัฐสภา เบื้องต้นยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนจากวิปรัฐบาล แต่ทางฝ่ายค้านขอตัวเลขประชุมไว้ 3 วัน คือวันที่ 24-26 ก.ค. และขอให้พรรคฝ่ายค้านมีเวลาอภิปรายรวม 20 ชั่วโมง เหตุผลสำคัญคือ สมัยการแถลงนโยบายของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สภาจัดเวลาอภิปรายไว้ รวมทั้งสิ้น 3 วัน ดังนั้นควรยึดเวลาดังกล่าวไว้สำคัญ 
          นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายสุทิน คลังแสง ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ห้ามอภิปรายในการแถลงนโยบายของรัฐบาลว่าไม่เป็นความจริง พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ห้าม เพียงแต่บอกว่าไม่ใช่เวทีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งยังสามารถอภิปรายได้ พล.อ.ประยุทธ์เข้าใจกลไกรัฐสภาดี นายสุทินมองโลกในแง่ร้ายเกินไป วิตกจริตเกินเหตุ การแถลงนโยบายต่อสภาเป็นกลไกตามรัฐธรรมนูญ ส.ส.ย่อมสามารถอภิปรายได้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ ดังนั้น สภาคงเปิดให้มีการพิจารณากันอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทราบถึงนโยบายที่จะสามารถตอบโจทย์การพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ
    นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ตามที่วิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านจะกำหนดวันแถลงนโยบายและอภิปรายวันที่ 25-26 ก.ค. ซึ่งมองว่าระยะเวลา 2 วันเพียงพอต่อการแถลงและอภิปรายนโยบายของรัฐบาล เพราะหากผู้อภิปรายอภิปรายในกรอบของนโยบายรัฐบาลเสนอแนะ เพื่อให้รัฐบาลนำไปปฏิบัติและไม่อภิปรายนอกกรอบหรือนอกประเด็น 
     "เบื้องต้นในหลักการของการอภิปรายนโยบายรัฐบาลของ ส.ว.นั้น จะพิจารณาเนื้อหาของนโยบาย ขณะที่ ส.ว.ซึ่งเคยปฏิบัติหน้าที่เป็นอดีตสมาชิกสภาปฏิรูป หรืออดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ อาจนำประเด็นที่เคยศึกษาและเป็นแนวทางร่วมอภิปรายเพื่อให้ข้อเสนอแนะได้ แต่คงไม่ลงรายละเอียดในการปฏิบัติงาน รวมถึงจะไม่อภิปรายที่เกี่ยวข้องกับตัวบุคคล" นายพรเพชรกล่าว  
     ขณะที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้า ส.ว.จะได้เตรียมตัวอภิปรายนโยบายรัฐบาลผ่านการยื่นเจตจำนงขออภิปราย เบื้องต้นอาจต้องจัดสรรเวลาที่เหมาะสมให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องส่วนที่มองว่าการอภิปรายของ ส.ว.เสมือนองครักษ์พิทักษ์ พล.อ.ประยุทธ์นั้น เชื่อว่า ส.ว.ไม่ทำหน้าที่ดังกล่าว เพราะหน้าที่ของ ส.ว.คือให้ความเห็นและข้อเสนอแนะกับรัฐบาล เพื่อให้เกิดการปฏิบัติได้อย่างแท้จริงต่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการวางปฏิทินอภิปรายนโยบายรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภานั้น เบื้องต้นกำหนดไว้ในวันที่ 25-26 ก.ค.นี้ ส่วนเหตุที่ไม่สามารถนัดประชุมวันที่ 24 ก.ค.ได้นั้น เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ติดภารกิจทางราชการ ดังนั้นในจำนวน 2 วันดังกล่าว จะจัดสรรให้อภิปรายวันละ 15 ชั่วโมง และจะจัดสรรชั่วโมงอภิปรายของแต่ละฝ่ายให้เท่าเทียมกัน
    วันเดียวกัน มีการแชร์ภาพและข้อความในโซเชียลฯ จากกลุ่มเสื้อสี หวังปลุกระดมให้เข้าใจผิดอ้างว่า เป็นคำพูดของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ว่า “การอภิปรายนายกฯ เหมือนปัดขาประเทศ หากใครคิดไม่หวังดี แล้วเกิดความวุ่นวาย ผมก็ต้องออกไป ทำงานเพื่อชาติ อย่าบังคับผมจนทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสังคม" นั้น 
    ทั้งนี้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ยืนยันว่า ไม่เคยพูดคำเหล่านี้เลย สื่อมวลชนที่ตามทำข่าวสัมภาษณ์ตนก็รู้ดีว่าตนไม่เคยพูดแบบนี้ สื่อมวลชนอ่านดูก็รู้แล้วว่าเป็นข่าวปลอม ใครจะไปพูดแบบนี้ ตนก็งดที่จะให้สัมภาษณ์เรื่องการเมืองมาระยะหนึ่งแล้ว ตอนนี้หมดหน้าที่ของ คสช.แล้ว ตนก็ทำงานในฐานะ ผบ.ทบ.ในการดูแลพัฒนากองทัพ พัฒนากำลังพล การฝึกศึกษา การแก้ปัญหาภาคใต้ การปรับหลักสูตรการฝึกต่างๆ ทำกองทัพให้ทันสมัย มีงานมากมายที่ตนจะทำ
    “การอภิปรายฯ นายกฯ เป็นเรื่องในสภาที่มีมาทุกยุคทุกสมัย เป็นกระบวนการทางการเมืองในสภา ตามระบอบประชาธิปไตย คงไม่มีใครห้ามใครได้ อย่าเอาผมเข้าไปเกี่ยวข้อง” พล.อ.อภิรัชต์กล่าว.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"