พอช. ระดมทำแผนปฏิบัติงาน 3 ปี ยึดกรอบแผนยุทธศาสตร์ชาติ ใช้สภาองค์กรฯ เป็นเครื่องมือเชื่อมโยงสู่ชุมชนท้องถิ่นเข้มแข็ง


เพิ่มเพื่อน    

พอช. :  พอช.ร่วมกับผู้แทนชุมชนทั่วประเทศจัดทำแผนปฏิบัติงาน  3 ปี (พ.ศ.2563-2565)  ยึดกรอบแผนยุทธศาสตร์ชาติ  20 ปี  โดยมียุทธศาสตร์ ‘ใช้องค์กรชุมชนเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนงานพัฒนา  และใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง”  เน้นงานหลัก 4 ด้าน  คือ สภาองค์กรชุมชนตำบล  เศรษฐกิจชุมชน  กองทุนสวัสดิการชุมชน  และการพัฒนาที่อยู่อาศัย  ด้านที่ปรึกษาสำนักงบประมาณแนะ  ปีงบฯ 2563 จะมีการกระจายงบประมาณลงสู่พื้นที่เป็นหลัก ซึ่งขบวนองค์กรชุมชนและชุมชนสามารถทำแผนชุมชนเชื่อมโยงแผนจังหวัด  เพื่อขอสนับสนุนงบประมาณได้โดยตรง

 

ระหว่างวันที่ 21 – 23 กรกฎาคม 2562 สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) จัดเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการการจัดทำแผนปฏิบัติการระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2563 - 2565) และแผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563  เพื่อทบทวนและนำเสนอแผนการพัฒนาและสนับสนุนชุมชนสู่ชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองโดยใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง  มีผู้แทนชุมชนที่ทำงานเรื่องที่อยู่อาศัย  สวัสดิการชุมชน  เศรษฐกิจฐานราก  และสภาองค์กรชุมชนจากทั่วประเทศ  รวมทั้งเจ้าหน้าที่และผู้บริหาร พอช. เข้าร่วมประมาณ 150 คน

 

นโยบายชาติกับการขับเคลื่อนงาน พอช. ในทิศทางการใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง

 

นายไมตรี  อินทุสุต ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ  กล่าวถึงนโยบายที่เกี่ยวข้องต่อการขับเคลื่อนการดำเนินงานของ พอช.  เพื่อวางกรอบแนวทางการทำงานในระดับพื้นที่อย่างรอบด้าน ประกอบด้วย 1. นโยบายรัฐบาล ได้แก่ 1.1  ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) ซึ่งยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับ พอช. ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 4 ว่าด้วยการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม โดยเฉพาะประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 4 การเพิ่มขีดความสามารถของชุมชนท้องถิ่นในการพัฒนา  การพึ่งตนเองและการจัดการตนเอง  ซึ่งในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์จังหวัดของขบวนชุมชนนั้น จะต้องมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและการดำเนินงานในระดับพื้นที่ รวมทั้งการประสานภาคีให้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนแผนงาน งบประมาณ  และการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น

นายไมตรี  อินทุสุต

 

1.2 แผนแม่บทภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติ  มีความสอดคล้องกับการทำงานของ พอช. จำนวน  3 ประเด็น ได้แก่ ประเด็นที่ 15  พลังทางสังคม  ประเด็นที่ 16 เศรษฐกิจฐานราก  ประเด็นที่ 17 ความเสมอภาคและหลักประกันทางสังคม  1.3  แผนการปฏิรูปประเทศ  มีความสอดคล้องในประเด็นที่ 9 ด้านสังคม  โดยเฉพาะระบบการสร้างเสริมชุมชนเข้มแข็ง (Social Empowerment) เช่น  สิทธิ/บทบาทชุมชน การจัดการทรัพยากร/ทุนชุมชน เศรษฐกิจชุมชน และสวัสดิการชุมชน

 

2. ยุทธศาสตร์การดำเนินงานของ พอช. ระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2560 - 2564) โดยมียุทธศาสตร์ คือ ‘องค์กรชุมชนเป็นแกนหลัก พื้นที่เป็นตัวตั้ง’ หรือเรียกง่ายๆ ว่า “ตำบลใช่เลย” ภายใต้ประเด็นยุทธศาสตร์ 4 ประเด็น ซึ่งวางแนวทางในการสนับสนุนการทำงานขององค์กรชุมชน การประสานภาคีความร่วมมือ ตามบริบทพื้นที่ในระดับจังหวัดและตำบล  

 

3. แผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579)  มีวิสัยทัศน์ “คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่ว” ภายใต้ 5 ประเด็นยุทธศาสตร์ ซึ่งการทำงานในพื้นที่เพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยจะต้องบูรณการหน่วยงานในระดับจังหวัดเพื่อสนับสนุนการทำงานให้ได้

 

 “ในการขับเคลื่อนงานพัฒนานั้นจะต้องทำ ‘3 ร’ คือ ‘ราษฎร ราชการ รัฐบาล’  ทำฐานรากให้เข้มแข็งสุดแรงเกิด  สอดรับกับการสนับสนุน 3 ร  อย่างพึ่งตนเอง  มีฐานทุน  ความเข้มแข็ง และสิ่งที่ขอเน้นย้ำให้ดำเนินการคือ การทำข้อมูลพื้นที่  ไม่ว่าจะเป็นทุนในพื้นที่ คน ทรัพยากร กลุ่ม องค์กร และมีการวิเคราะห์ฐานทุนของตนเอง”  นายไมตรีกล่าว

             

ทิศทางการจัดทำงบประมาณประจำปีตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ

 

นางสาวอลิสา  ปิ่นประเสริฐ ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ  กล่าวถึงทิศทางการจัดทำงบประมาณประจำปีตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติว่า  วิธีการงบประมาณรูปแบบใหม่  เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน  โดยเน้นสนับสนุนงบประมาณลงสู่พื้นที่  และให้ความสำคัญกับผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการได้รับงบประมาณ  ฉะนั้นการจัดทำแผนของหน่วยงานจะต้องมีความชัดเจน  มีเป้าหมาย  ตัวชี้วัด  และผลลัพธ์ที่สะท้อนให้ถึงประโยชน์ที่จะได้รับมากน้อยเพียงใด  โดยหน่วยงานจะต้องดำเนินการทบทวนภารกิจของหน่วยงานให้คงเหลือเฉพาะที่สอดคล้องกับเป้าหมายยุทธศาสตร์ระดับชาติโดยตรง (Redeploy) และมีการจัดลำดับความสำคัญ (Prioritize)

นางสาวอลิสา  ปิ่นประเสริฐ

 

นอกจากนี้จะต้องทบทวนภารกิจสำคัญของหน่วยงานที่ดำเนินการตามกฎหมายหรือที่ได้รับมอบหมาย  มีลักษณะเป็นงานประจำ  ทบทวนค่าใช้จ่ายของแต่ละภารกิจที่สามารถประหยัดได้  มีการบูรณาการ และการใช้ทรัพยากรร่วมกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงพิจารณาความสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561- 2580  พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 และ พ.ร.ฏ.วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (ฉบับที่ 2) 

 

“การจัดทำงบประมาณสามารถดำเนินการได้ในลักษณะบูรณาการ ทั้งในมิตินโยบาย โดยกำหนดหน่วยงานเจ้าภาพ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอบเขตภารกิจ เป้าหมาย ตัวชี้วัด แนวทางการดำเนินงาน หน่วยงาน มีการกำหนดระยะเวลา และงบประมาณ ตลอดจนมีการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์เน้นการจัดทำเป็น Project Base และมิติพื้นที่  คือ มีการบูรณาการภารกิจระหว่างส่วนราชการกับจังหวัด /กลุ่มจังหวัด  สอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่ โดยใช้แผนพัฒนาจังหวัด / กลุ่มจังหวัดเป็นกรอบในการพิจารณา มีหลักเกณฑ์การกระจายงบประมาณอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม  ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 กำหนดให้มีการติดตามประเมินผลก่อนการดำเนินงาน ระหว่างดำเนินงาน และหลังดำเนินงาน  ดังนั้นหน่วยงานจะต้องมีการรายงานต่อสำนักงบประมาณอย่างสม่ำเสมอ” ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณกล่าว

 

นางสาวอลิสากล่าวด้วยว่า  ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 จะมีการกระจายงบประมาณลงสู่พื้นที่เป็นหลัก ซึ่งขบวนองค์กรชุมชนและชุมชนสามารถที่จะทำแผนชุมชนเชื่อมโยงแผนของจังหวัด เพื่อเป็นการขอสนับสนุนงบประมาณได้โดยตรง  อีกทั้งปัจจุบันสำนักงบประมาณให้ความตระหนักถึงการพัฒนาประเทศจากพื้นที่เป็นหลัก  โดยกระจายสำนักงานทั่วประเทศ 18 เขต ซึ่งหากมีปัญหาข้อติดขัดหรือมีเรื่องหารือสามารถประสานรับการปรึกษาได้กับสำนักงานเขตต่างๆ

 

วางแผนปฏิบัติงาน 4 ด้าน เป้าหมายชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเอง

 

การจัดประชุมจัดทำแผนปฏิบัติการครั้งนี้มีการแบ่งกลุ่มตามประเด็นงานและพื้นที่การขับเคลื่อนงานโดยใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง  เพื่อวางแนวทางและแผนปฏิบัติการระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2563 - 2565) จากการประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมระหว่างขบวนองค์กรชุมชนและผู้ปฏิบัติงาน พอช. มีการนำเสนอทิศทางข้างหน้าการพัฒนาขบวนองค์กรชุมชนและการออกแบบบทบาทของ พอช. ดังนี้

 

1.สภาองค์กรชุมชน    มีวิสัยทัศน์ “สภาองค์กรชุมชนเป็นกลไกเชื่อมโยงทุกภาคส่วนเพื่อการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นเข้มแข็งอย่างยั่งยืน”  มีแนวทางการทำงาน  เช่น  1. การพัฒนาพื้นที่ใหม่ๆ รวมถึงการพัฒนาคนในพื้นที่  2. การใช้พื้นที่ระดับตำบลเป็นพื้นที่เชื่อมโยงงานทุกประเด็น เกิดการบูรณาการ  และจังหวัดเป็นผู้สนับสนุนแนวทางการขับเคลื่อนในระดับตำบล   3. สร้างสถาบันการเรียนรู้งานสภาองค์กรชุมชนของภาคประชาชนในทุกภาค เป็นการยกระดับการพัฒนาผู้นำ และสร้างการรับรู้และเข้าใจในการขับเคลื่อนงานสภา  ฯลฯ

ส่วนเป้าหมายและวิธีการทำงานระยะ 3   ปี (พ.ศ.2563-2565) มี 4  ยุทธศาสตร์ 21 แผนงาน   ยุทธศาสตร์ที่ 1 การสนับสนุนให้องค์กรชุมชนขับเคลื่อนงานในทุกมิติ  เช่น  พัฒนาระบบการออมและสร้างรายได้  โดยการปลูกต้นไม้เศรษฐกิจ  การขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและจัดทำแผนธุรกิจชุมชน   การพัฒนาที่อยู่อาศัยทุกมิติ  การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

 

ยุทธศาสตร์ที่ 2 สร้างความเข้มแข็งของสภาองค์กรชุมชนและองค์กรชุมชน เช่น  สนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนาตำบล/ชุมชน  การพัฒนาศักยภาพผู้นำเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยฐานราก   ฯลฯ  ยุทธศาสตร์ที่  3. สร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีเพื่อการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะเสริมสร้างชุมชนเข้มแข็ง   เช่น  รณรงค์นโยบายสาธารณะประจำปี(ในทุกระดับ)  พัฒนาความเข้มแข็งองค์กรชุมชนและสภาองค์กรชุมชน  ฯลฯ   ยุทธศาสตร์ที่  4. การพัฒนาระบบข้อมูล  การสื่อสาร และการจัดการความรู้   เช่น  เผยแพร่  ประชาสัมพันธ์  การใช้สื่อ Online เพื่อเผยแพร่งานของสภาองค์กรชุมชน  ฯลฯ

 

2.เศรษฐกิจฐานราก  แนวทาง  ภายใน 3 ปีข้างหน้าอยากเห็น 3,500 ตำบลทั่วประเทศที่มีการยกระดับ เศรษฐกิจฐานรากที่ทำอยู่แล้วให้มากขึ้น  คือ 1. ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจฐานรากเป็นระบบ ทั้งผู้ผลิต, แปรรูป, ตลาด, ผู้บริโภค  2. จากเก่งเดี่ยวที่เหลือไม่รอด  ปรับเป็นระบบกลุ่มให้เข้มข้น   3. เป็นผู้ประกอบการ  รู้ทุกข์  รู้ทุน  และ  4. ต่อยอดฐานความร่วมมือที่มี  เช่น พาณิชย์, หอการค้า, เกษตร ,SME  และใช้นวัตกรรม

 

ส่วนเป้าหมายและวิธีการทำงานระยะ 3   ปี  คือ 1. ฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและทุนชุมชนเดิมให้มีศักยภาพในการขับเคลื่อน ระบบเศรษฐกิจฐานรากอย่างมีทิศทาง (การผลิต, การแปรรูป, การตลาด) เพื่อเกื้อกูล แบ่งปัน อย่างมีส่วนร่วม  2. ขยายพื้นที่ใหม่สู่การพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานราก  3. วิเคราะห์ศักยภาพและพัฒนาฐานข้อมูลพื้นที่, องค์กรชุมชน เพื่อวางแผนในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของพื้นที่  

4. ส่งเสริมการจัดทำแผนพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานรากระดับตำบล อำเภอ จังหวัด กลุ่มจังหวัด   5. การเชื่อมโยงและบูรณาการแผนเศรษฐกิจและทุนชุมชนในระดับตำบล อำเภอ จังหวัด กลุ่มจังหวัด  6. สนับสนุนและส่งเสริมศูนย์บ่มเพาะเศรษฐกิจและทุนชุมชน  และ 7. พัฒนาคนเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับพื้นที่ให้เป็นผู้ประกอบการทางสังคม

 

3.สวัสดิการชุมชน  แนวทาง  การสร้างความเข้มแข็ง 6,000 กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลทั่วประเทศในระยะเวลา 3 ปี  มีการพัฒนาคุณภาพของกองทุนสวัสดิการชุมชนให้เป็นกลไกในการจัดระบบสวัสดิการชุมชนของประชาชนในพื้นที่ตำบล/เมือง/เทศบาล   ส่วนเป้าหมายและวิธีการทำงานระยะ 3   ปี  คือ 1. เสิรมสร้างบทบาทและความสามารถกองทุนระดับตำบล  พัฒนาศักยภาพแกนนำกองทุนสวัสดิการ  จัดตั้งคลีนิคการเรียนรู้กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบล   2. พัฒนาศักยภาพเครือข่ายทุกระดับ  ส่งเสริมความร่วมมือภาคีทุกภาคส่วน ทั้งภาคเอกชน ธุรกิจ สถาบันการศึกษา ประชาสังคม  เพื่อสนับสนุนกองทุนสวัสดิการชุมชน  มีการเชื่อมโยง  ยกระดับแผนพัฒนาสวัสดิการชุมชนสู่แผนยุทธศาสตร์จังหวัดหรือกลุ่มจังหวัด เป็นต้น

3.พัฒนาความมั่นคงทางการเงินของกองทุนสวัสดิการชุมชน  รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ เพื่อพัฒนาและสมทบกองทุนสวัสดิการชุมชน โดยประชาชนร่วมสมทบ  4. พัฒนาระบบและชุดความรู้  พัฒนาระบบข้อมูลกลางของกองทุนสวัสดิการชุมชน   เชื่อมโยงกับระบบสวัสดิการของรัฐ งานวิจัยเพื่อพัฒนาระบบคุณภาพกองทุนสวัสดิการชุมชน ผลิตสื่อเพื่อการเผยแพร่ รณรงค์ การจัดสวัสดิการที่มีประชาชนมีส่วนร่วม  และ 5. พัฒนานโยบายให้เป็นระบบสวัสดิการสังคมของประเทศ  ปรับปรุง กฎ ระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องให้เชื่อมต่อการพัฒนาคุณภาพสวัสดิการชุมชน

4.การพัฒนาที่อยู่อาศัย  แนวทาง  ทำทั้งเมืองและชนบท   ส่วนเป้าหมายและวิธีการทำงานระยะ 3   ปี  คือ 1. การทำทั้งเมือง/ชนบท  2. บูรณการทุกภาคส่วน (เจ้าหน้าที่ทุกส่วน/หน่วย ขบวนองค์กรชุมชน หน่วยงานภาคี) 3. สำรวจข้อมูลทุกมิติเพื่อเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนงานที่อยู่อาศัยทุกบ้านและคุณภาพชีวิต  4. สภาองค์กรชุมชนเป็นกลไกเป็นพื้นที่กลางในการขับเคลื่อนงานทั้งเมือง/ตำบล  5. เครือข่ายเป็นกลไกในการพัฒนา/ฟื้นฟูเพื่อสร้างความเข้มแข็งของขบวนองค์กรชุมชน  มีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์/ต่อยอดการพัฒนาทุกมิติ/เชื่อมโยงเครือข่ายด้วยประเพณีวัฒนธรรม

6. พื้นที่เมือง/ตำบล เกิดการพัฒนาคน/กลไก/องค์กร/โครงการ/กองทุน  7. คณะทำงานที่อยู่อาศัยจังหวัดเป็นกลไกในการผลักดันเรื่องที่ดิน ที่อยู่อาศัย โครงสร้างพื้นฐาน และงบประมาณ  8. การจัดองค์ความรู้จากพื้นที่ปฏิบัติการจริงสู่การขยายผลอย่างจริงจังและกว้างขวาง (ทำทั้งเมือง บ้านมั่นคงชนบท การจัดการที่ดิน)  9. พัฒนาศักยภาพคนทำงานทุกด้าน ให้เป็นนักจัดกระบวนการ  เกิดการเชื่อมโยงแผนกับหน่วยงาน และ 10. พัฒนาคุณภาพองค์กร/สหกรณ์/กองทุน   เน้นการส่งเสริมการออมและสร้างทุนชุมชนและเมือง

 

นายสมชาติ  ภาระสุวรรณ  ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ  กล่าวว่า  ภารกิจงานของ พอช. ต้องช่วยกันให้เกิดการดำเนินงานที่มีความรวดเร็ว  โดยในปี 2563  พอช. มี  7 แผนงาน   แผนงานหลัก   เช่น การพัฒนาที่อยู่อาศัย   และสวัสดิการชุมชน  และแผนงานที่สำคัญอีกเรื่องคือ  การเริ่มทำงบประมาณเชิงพื้นที่  โดยใช้พื้นที่ตำบลและพื้นที่จังหวัดเป็นหลัก   เริ่มนำร่อง 100 ตำบลในปี 2563

นายสมชาติ  ภาระสุวรรณ

 

“คนในพื้นที่ต้องวางแผนและนำไปสู่การจัดทำแผนยุทธศาสตร์ และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานท้องที่ท้องถิ่นภายใต้ชุมชนเข้มแข็ง ในการเสนองบประมาณนั้น นอกจากที่เราจะเสนอท้องที่  ท้องถิ่น  ภาค จังหวัด เราควรเปิดรับการประสานความร่วมมือกับภาคเอกชน โดยการที่เราจะเสนอหรือหาแนวร่วมภาคเอกชนบ้าง เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนได้โดยทุกวิธี จัดองค์กรเชิงประสานงาน ให้เกิดการทำแผนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นสภาองค์กรชุมชน  สวัสดิการชุมชน  บ้านมั่นคง  ทำให้การขับเคลื่อนงานหรือแผนยุทธศาสตร์ในพื้นที่จะประสบผลสำเร็จ  และจะทำให้ พอช. ก้าวกระโดดไปข้างหน้า เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการก้าวต่อไป” นายสมชาติระบุในตอนท้าย

 

ทั้งนี้ผลการจัดทำแผนปฏิบัติการระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2563 - 2565) และแผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ในครั้งนี้   จะนำเสนอต่อคณะกรรมการสถาบันฯ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้  และจะนำไปสู่การปฏิบัติและขับเคลื่อนงานทั่วประเทศตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 เป็นต้นไป


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"