หลังจากกระแสสนับสนุน LGBT คนข้ามเพศ “เปลี่ยนเพศ ต้องเปลี่ยนคำนำหน้า” เพื่อให้ได้ สิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบทางกฎหมายนั้นให้เป็นไปตามเพศสภาพ พร้อมมีตัวแทนเดินทางเข้ายืนร่างพระราชบัญญัติรับรองสิทธิหลังการแปลงเพศ ต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อเรียกร้องขอรับรองสิทธิของสตรีข้ามเพศหลังจากมีการแปลงเพศแล้ว

          โดย แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ เจ้าแม่ซีรี่ส์อินเดีย แห่ง JKN Global Media จำกัด และประธานบริหารมูลนิธิข้ามเพศบันดาลใจ ได้ร่วมพูดคุยในรายการเจาะประเด็น ”ใกล้จะเป็นจริงแล้วเพราะว่ายื่นเข้าสู่ประธานสภาเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับรายชื่อทั้งหมด 10,000 คน ต้องบอกว่า ผู้หลักผู้ใหญ่ทุกๆ ที่ที่เราไป เห็นใจและเมตตา เห็นด้วยกับแอนหมดเลยว่ามันเป็นเรื่องที่ 80 ประเทศทั่วโลกทำกันหมดแล้ว ประเทศไทยอยู่ตรงไหน อยากจะอยู่บนแพลตฟอร์ม (Plat Form) ระดับสากลนานาชาติ เราจำเป็นจะต้องเป็นประเทศที่ 81 ในการเปลี่ยนคำนำหน้า

          จริงๆ แล้วคำว่าคนข้ามเพศ ไม่ใช่ รสนิยมทางเพศ (Sexual preference) ไม่ใช่ LGBT ไม่ใช่เกย์ (Gay) ไม่ใช่ไบเซ็กชวล (Bisexual) ไม่ใช่การเลือกของพวกเรา พวกเราเกิดผิดร่าง พูดง่ายๆ คือ พิการตอนเกิด เกิดมาแบบไม่สมบูรณ์ เกินมาแล้วมันเกินมันขาด เนื่องจากเราจิตเป็นผู้หญิง แล้วตั้งแต่เกิดพอรู้ความ 5 ขวบเป็นผู้หญิง แต่ร่างกายกลับกลายเป็นผู้ชาย เติบโตมาถูกขังอยู่มีความทุกข์ หน้าที่ก่อนสิทธิก่อนที่พวกเราทำก็คือ ก็ทำหน้าที่เป็นพลเมืองที่ดี ส่งภาษีอะไรต่างๆ ไป เราเป็นข้ามเพศพันล้านคนแรกของเอเซีย เพราะฉะนั้นบอกกับทุกคนว่าเราปฏิบัติกับตัวตนเราอย่างดี ปีหนึ่งพี่จ่ายภาษี 200-300 ล้านบาทต่อรัฐบาล เราแสดงให้คนเห็นแล้วว่าเรามีสมอง เรามีความสามารถ เราสามารถร่ำรวยได้ เป็นคนดีต่อสังคมได้

 

 

          ณ วันนี้ไม่ได้ใช้คำว่าเรียกร้อง แต่ใช้คำว่าขอความกรุณาให้เกียรติเถอะคะ เพราะพวกเราเป็นสุภาพสตรี ใช้ชีวิตอยู่อย่างไรหากคำนำหน้าใช้คำว่านาย  แปลงเพศเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ ถึงสามารถใช้คำนำหน้าได้ ไม่ใช่แต่งตัวเป็นผู้หญิง แค่มีหน้าอก แล้วมาขอเปลี่ยนคำนำหน้าไม่ใช่อย่างนั้น คุณต้องเปลี่ยนตัวแปลงอวัยวะเพศเรียบร้อยแล้ว เราเป็นผู้หญิงแล้ว ล้านเปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่แค่ร้อยนะคะ สิ้นปีนี้เราจะมีถ่ายนู๊ดด้วย กับคุณใหญ่ อมาตย์ จะได้เห็นเลยว่าเราเป็นผู้หญิงของแท้ไม่ใช่แค่มาพูด เพราะฉะนั้นเป็นผู้หญิงเสร็จเรียบร้อยแล้ว เปลี่ยนเพศ ต้องเปลี่ยนคำนำหน้าคะ ไม่อย่างนั้นจะอยู่อย่างไรในชีวิต

          คนข้ามเพศ คือแปลงเพศเสร็จเรียบร้อยเป็นผู้หญิงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่แค่แต่งหน้าทำผม หรือแต่งตัวเป็นผู้หญิง เพราะฉะนั้นการที่มีอวัยวะเพศเป็นผู้หญิงเสร็จเรียบร้อย การดำรงตนเป็นผู้หญิงเสร็จเรียบร้อย ต้องเปลี่ยนคำนำหน้าให้เขาคะ แต่ 80 ประเทศทั่วโลกที่เปลี่ยน สูติบัตร ห้ามเปลี่ยน และทุกคนคะเราอย่างแอ็บเป็นผู้หญิง พูดได้ชัดเจนเลย ฉันเป็นคนข้ามเพศ เราไม่ต้องการมานั่งหลอกผู้ชาย คุณค่าของพวกเราสูงกว่านั้นคะ เราเลือกผู้ชาย ไม่ใช่ผู้ชายเลือกเราคะ วันนี้สิ่งที่เราคุยกันคือการที่ร่างกาย จิตใจ และเอกสารทางกฎหมายจูนเข้าหากันหมด มันเป็นสิ่งที่ต้องทำ ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เราทำงาน เอกสารมันขัดกัน การเดินทางต่างประเทศ การจะแต่งงาน การมีลูก การรับรองบุตร ตลอดจนการทำธุรกรรมทางกฎหมายไม่สามารถทำได้

 

 

          การเดินทางไปต่างประเทศมีปัญหา พี่เดินทางไม่ได้ เขากลับคิดว่าคนไทยหรือบางท่านอาจจะตกใจกับเรื่องนี้อยู่ ค่อยๆ ทำความเข้าใจนะคะ ว่าท่านเมตตาเถอะคะ พวกเราเกิดผิดร่างไม่ได้ต้องการที่จะมาใช้วิธีการในการที่จะแปลงโฉมหรือเปลี่ยนคำนำหน้าเพื่อไปหลอกผู้ชาย การคิดตื้นๆ แบบนั้นมันไม่ได้อยู่ในวิสัยทัศน์พวกเราเลย และพวกเราสูงค่ามากกว่านั้น จึงขอบอกว่าให้เกียรติเถอะคะ เราไม่ได้เรียกร้องเพราะ เราไม่ควรถูกเหยียดหยาม กลับมาประเด็นว่า การเดินทางต่างประเทศ เขากลับคิดว่า นั่นคือการหลอกลวง หน้าตาและร่างกาย แต่เปิดพาสปอร์ตมาหน้าตาเป็นผู้หญิง เขาคิดว่าเราจะไปก่ออาชญากรรมที่บ้านเขาหรือเปล่า เขาถึงไม่ให้เราเข้าประเทศ

          และที่จัดตั้งมูลนิธิข้ามเพศบันดาลใจ Lift Foundation ใช้เงินส่วนตัวของพี่ ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพื่อการศึกษาให้กับคนข้ามเพศ ต้องการให้เรียนหนังสือมีความรู้ สร้างรากฐานให้เก่ง ไม่ได้ให้เงินเพื่อไปแปลงเพศ มีความรู้เป็นคนที่เก่ง ทำให้เขารู้ว่าคนที่เกิดผิดร่าง คุณสามารถผลักดันตัวเองให้ประสบความสำเร็จได้ มูลนิธิ Lift Foundation ช่วยคนให้เรียนหนังสือ ให้ทุนการศึกษาจ่ายตรงกับสถาบัน ไม่จ่ายกับเด็ก ให้เค้ามีความรู้ต่อไป หาเงินเองเพื่อไปแปลงเพศเอง แปลงเพศเสร็จแล้วค่อยมารับคำนำหน้า สูติบัตรห้ามเปลี่ยน ไม่มีใครอยากไปเปลี่ยนอวัยวะเพศตัวเองหรอกคะ ถ้าไม่ได้เกิดผิดร่างจริงๆ วันนี้เปลี่ยนเพศต้องเปลี่ยนคำนำหน้า จบคะ”

 

 

 

 

 

 

ขอบคุณภาพจากอินสตากรม @ annejkn.official