www.thaipost.net ไทยโพสต์ “อิสรภาพแห่งความคิด” Line ID:@thaipost เปิดใจอีกครั้ง “ชลิตา บัณฑุวงศ์” รองหัวหน้าภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นักวิชาการผู้เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 1 ในเวทีเสวนาการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคฝ่ายค้านจัดขึ้นที่ จ.ปัตตานี อันเป็นจุดเริ่มต้นทำให้ฝ่ายความมั่นคงอย่าง กอ.รมน. ภาค 4 เข้าแจ้งความดำเนินคดีเหมาเข่งกับพรรคฝ่ายค้านในข้อหายุยงปลุกปั่น ล่าสุด “ชลิตา” โพสต์เฟซบุ๊กอธิบายยืนยันว่าเป็น “เสรีภาพในการอภิปรายบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ รวมถึงมาตรา 1” ...0

               เจ้าตัวระบุพร้อมเต็มที่ในการต่อสู้คดีเพื่อยืนยันถึงหลักการ เริ่มเตรียมข้อมูลและนักวิชาการที่จะมาเป็นพยานให้การ และจะทำให้กระบวนการดำเนินคดีต่อตนเองเป็นการเปิดพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนเรื่องรัฐธรรมนูญและปัญหาชายแดนใต้อีกทางหนึ่ง แต่สิ่งที่ “ชลิตา” ยังไม่ได้บอก คือทัศนะของตนเองว่าจะแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 1 ไปเป็นถ้อยคำว่าอย่างไร? จึงไม่ช่วยให้กระแสโจมตีที่กังวลกระทบต่อความมั่นคงของชาติลดลงไปได้ ไม่เหมือนกับโพสต์ของ “อังคณา นีละไพจิตร” อดีต กสม. ที่เธอแชร์มาเองในเฟซบุ๊กเช่นกัน “อังคณา” ยกตัวอย่างเล่าว่ามีกลุ่มชาติพันธุ์เสนอให้แก้เป็น “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรพหุวัฒนธรรม จะแบ่งแยกมิได้” ซึ่งตัวอย่างการแก้ไขแบบนี้ ก็ดูจะไม่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ ดีกว่าพูดลอยๆ ปล่อยคนคิดกันไปเอง ...0

               รอดไปอีก 1 เรื่องของ “พรรคอนาคตใหม่” เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.ที่ 130/2562 กรณีมีผู้ร้อง “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งฐานใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง จากการโพสต์เฟซบุ๊กทำนองว่าคนอีสานถูกทำให้เชื่อว่าเป็นคนตลก แต่แท้จริงแล้วคนอีสานเป็นนักต่อสู้ เป็นนักประชาธิปไตย ซึ่ง กกต. เห็นว่าไม่เข้าข่ายใส่ร้ายหรือจูงใจให้เข้าใจผิด จึงยกคำร้อง! ก็นั่นสินะ ชมคนอีสานแท้ๆ ยังหยิบไปร้องว่าใส่ร้าย ก็พิลึกไปหน่อย ...0

               ควันหลงปมผู้พิพากษายิงตัวเองลามการเมืองยังเดือด เมื่อ “เชาว์ มีขวด” อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ตอบโต้กับ “จิรายุ ห่วงทรัพย์” ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เรื่องนี้ต่อเนื่อง โดย “เชาว์” โพสต์เฟซบุ๊กตอนหนึ่งว่า “จิรายุเลยเถิดไปถึงการจะเสนอแก้ พ.ร.บ.พระธรรมนูญศาลยุติธรรม ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารงานคดีของศาล ยิ่งเลอะเทอะกันไปใหญ่ เพราะที่ผ่านมาสภาไม่เคยก้าวก่ายกฎหมายที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของศาล” ใจเย็นจ้า! ก็การเสนอแก้ พ.ร.บ.ดังกล่าว มาจากเจ้าตัวผู้พิพากษายิงตัวเองก่อน “จิรายุ” ก็พูดตามไม่ใช่หรือ และสภาฯ ก็มีหน้าที่โหวตผ่านกฎหมายไปใช้ เลอะเทอะตรงไหน? ...0

               ถึงไม่เข้าเรือนจำ เวรกรรมก็มาเอง เมื่อองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ในศาลฎีกา อ่านคำพิพากษาคดี “สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล” อดีต รมว.ต่างประเทศ ออกพาสปอร์ตให้กับ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ซึ่งหลบหนีคดี เป็นการละเมิดกฎหมาย โดยคงจำคุก 2 ปี แต่แก้จากไม่รอลงอาญาให้เป็นรอลงอาญา 2 ปี พร้อมเพิ่มโทษปรับ 1 แสนบาท เหตุที่ศาลเมตตาเพราะ “สุรพงษ์” ป่วยหนักโรครุมเร้าโดยเฉพาะมะเร็ง จนถึงกับต้องปกปิดหน้าตาและนั่งรถเข็นมาศาล คงทุกข์ทรมานมากพออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้าเรือนจำอีก เป็นอันถึงที่สุดคดีนี้ ตามที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาแล้ว และผ่านการใช้สิทธิยื่นวินิจฉัยอุทธรณ์เพื่อพิพากษาอีกครั้งตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เรียบร้อยแล้ว ...0

นายชาติสังคม