บาปบริสุทธิ์!!!


เพิ่มเพื่อน    

                                         (1)

      ขณะอายุ-อานามปาเข้าไประดับ 60 กว่าๆ...แล้วมีเวลาย้อนคิดกลับไปถึงช่วงยังเป็นเด็กๆ ยังไม่ประสีประสา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าบางครั้ง บางครา ก็เกิดอาการ สะดุ้ง ชนิดเล่นเอาเหงื่อชื้น มือชื้น ขึ้นมาไม่น้อยเหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงสิ่งที่อาจเรียกได้ว่า บาป หรือเวรๆ กรรมๆ อะไรทำนองนั้น ที่ตัวเองเคยสร้าง เคยกระทำ เอาไว้แต่ปางก่อน ณ ชาตินี้นี่แหละ ไม่ใช่ชาติโน้น หรือชาติไหนๆ...

                                       (2)

      ไม่ว่าความสนุกสนานในหมู่พี่ๆ-น้องๆ เพื่อนๆ ที่เป็นเด็กด้วยกัน ด้วยการจับเอา แมงปอ มาเสียบก้น ด้วยเศษหญ้า เศษไม้ แล้วปล่อยให้มันบินผงกหน้า ผงกหลัง อันเป็นอะไรที่ออกจะโหดเหี้ยม อำมหิต เอามากๆ ถ้ายึดเอาตามความคิด ความรู้สึก ขณะที่เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ได้มั่งแล้ว หรือที่พอเริ่มๆ เข้าใจได้บ้างว่า สิ่งมีชีวิตที่ไม่ต่างอะไรไปจากตัวเราเอง มันจะเจ็บปวด รวดร้าว สาหัส สากรรจ์ ไปถึงขั้นไหน แต่ก็นั่นแหละ...จะกลับไปแก้ไข เปลี่ยนแปลง อะไรต่อมิอะไรก็คงเป็นไปไม่ได้ซะแล้ว ได้แต่ต้องแบกรับ บาปที่เกิดจากความเป็นเด็ก ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาที่จะชดใช้หนี้เวร หนี้กรรม ไปตามสภาพ...

                                       (3)

      แม้ช่วงเติบโตเป็นวัยรุ่น...ไม่ได้คิดสนใจแสวงหาความสนุกสนานด้วยการ ทรมานสัตว์ อีกต่อไป แต่ด้วยความที่ยัง ไม่โตพอ ถึงขั้นมีระดับ สติ และ วุฒิภาวะ จัดอยู่ในมาตรฐานของความเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างเป็นเนื้อ เป็นหนัง ก็มีอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายเยอะแยะ ที่เมื่อหวนย้อนคิดกลับไป ก็ต้องถือเป็น บาป ชนิดหนึ่ง รูปใด รูปหนึ่ง ไปด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นความซ่าส์ส์ส์ ความเกรียน ความปรารถนาต้องการที่อยากจะ ดี-เด่น-ดัง ในหมู่พรรคพวกเพื่อนฝูง ซึ่งหนักไปทางประเภท เฮี้ยวๆ ไปด้วยกันทั้งนั้น อันเป็นที่มาที่ทำให้เกิดการก่อ หนี้เวร-หนี้กรรม กับครูบาอาจารย์ กับบรรดาวัยรุ่นทั้งหลายด้วยกัน ที่แม้ไม่ถึงกับก่อให้เกิดความเจ็บปวดทางร่างกายมากมายซักเท่าไหร่ แต่ก็อาจปวดร้าวทางจิตใจไม่ว่ามากหรือน้อยก็ตาม...

                                         (4)

      บรรดา บาป เหล่านี้...มันได้ทะลักหลั่งควั่งพรูเข้ามาในอารมณ์ ความรู้สึกของตัวเอง ก็ต่อเมื่อตัวเอง โตพอ ที่จะสัมผัส รับรู้ ถึงความเป็นผู้ใหญ่นั่นแหละทั่น และเผอิญ...มันถือเป็น ไฟต์บังคับ ซะอีกต่างหาก ที่หนีไม่พ้นต้องรับรู้ สัมผัส เพราะแต่ละคน แต่ละราย สุดท้าย...ก็คงต้องโต ต้องกลายไปเป็นผู้ใหญ่ หรือต้องแก่ขึ้นมาในวันหนึ่ง-วันใด อย่างมิอาจปฏิเสธได้ ไม่ว่าแก่เพราะกินข้าว-เฒ่าเพราะอยู่นาน หรือแก่เพราะความคิด ความอ่านใดๆ ก็แล้วแต่ อันนี้นี่แหละ...ที่จะทำให้สิ่งที่เรียกว่า บาป มันเป็นไปอย่างที่อภิมหาพระ ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านว่าเอาไว้นั่นแหละว่า... “เป็นบาปต่อเมื่อสำนึกบาป เมื่อยังไม่สำนึก บาปก็ยังเป็นเหมือนน้ำผึ้ง น้ำตาล ไปก่อน ครั้นสำนึกเมื่อใด...นรกก็ผุดขึ้นมาในใจอย่างกะระดมกันมา เขาก็เครียดครัดทั้งหลับและตื่นเป็นธรรมดา อย่าไปทำเล่นกับบาปเลย เพราะมันต้องสำนึกขึ้นมาในวันใด-วันหนึ่งแน่นอน...”

                                    (5)

      แม้แต่ บาปที่เกิดจากความเป็นเด็ก หรือจะเรียกว่า บาปบริสุทธิ์ ก็เถอะ!!!...สำนึกขึ้นมาเมื่อใด รู้สึกขึ้นมาเมื่อใด ก็เล่นเอาเหงื่อชื้น มือชื้น ได้เสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่คงไม่ต่างอะไรไปจาก บาป โดยทั่วๆ ไป คือมันมีที่มาจาก ความไม่รู้ หรือที่ภาษาพระท่านเรียกๆ ว่า อวิชชา อะไรต่อมิอะไรทั้งหลาย...นั่นแล ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่บรรดาพวกพระๆ เจ้าๆ หรือบรรดาลูกศิษย์ลูกหาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ท่านจึงเพียรพยายามที่จะสอนแล้ว สอนเล่า หรือถึงขั้นพยายามยัดเยียดสิ่งถือเป็น ความรู้ หรือ วิชชา ตามแนวทางของศาสนา ให้กับใครต่อใครกันในทุกๆ ระดับ อันเป็นความรู้ที่จะช่วยให้เกิดการหลุดพ้นไปจาก บาป ทั้งหลายนั่นเอง...

                                         (6)

      แม้ว่า ความรู้ ชนิดนี้...อาจผิดแผก แตกต่าง ไปจากความรู้โดยทั่วๆ ไป ประเภทความรู้ที่เอาไว้เป็นเครื่องมือในการประกอบอาชีพ เป็นโน่น เป็นนี่ ไปตามความปรารถนา ความต้องการ ของใครก็ของมัน หรือความรู้เพื่อช่วยให้มีชีวิตอยู่ แต่ประดาความรู้เหล่านี้ก็ยังไม่น่าจะเพียงพอต่อการช่วยให้ หลุดพ้นไปจากบาป แต่อย่างใด ยังคงมีหนี้เวร หนี้กรรม ที่ต้องตามไปชดใช้ ยังหนีไม่พ้นที่จะต้อง สำนึก ต่อสิ่งที่เรียกว่า บาป ทั้งหลาย ซึ่งพร้อมผุดขึ้นมาในใจ เหมือนอย่างนรกระดมกันมา อย่างที่ ท่านพุทธทาสฯ ท่านว่าไว้ ตราบใดที่ต้องเริ่มโต เริ่มเป็นผู้หลัก-ผู้ใหญ่ หรือเริ่ม แก่ ได้ที่...

                                        (7)

      ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้ ความรู้ ตามแนวทางของศาสนาทั้งหลาย จึงเป็นสิ่งจำเป็นเอามากๆ สำหรับใครก็ตามที่เกิดมาเป็นมนุษย์มนา เป็นสิ่งมีชีวิตที่หนีไม่พ้นต้อง เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย ไปตามสภาพ ความรู้ ที่จะทำให้ตัวเองรู้ว่า...ตัวเรานั้นเป็นใคร หรือเป็นอะไร เกิดขึ้นมาทำไม มีเงื่อนไขอะไรที่ทำให้เกิด ให้เป็นอยู่ และควรเป็นไปอย่างไร อันเป็น ความรู้ ที่จะช่วยให้เกิดการไม่ยึดมั่น ถือมั่น ต่อสิ่งทั้งหลายทั้งปวง อันเป็นเพียงแค่ มายาภาพ ของโลกแต่เพียงเท่านั้น หรือช่วยให้หลุดพ้นไปจาก บาป ทั้งหลาย ไม่ว่าจะบาปบริสุทธิ์ หรือไม่บริสุทธิ์ก็ตามที ดังนั้น...บรรดาเด็กๆ หรือประดา คนรุ่นใหม่ ทั้งหลาย ถ้าหากยังไม่คิดจะเติบโตขึ้นมาเป็น ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ ให้ทันท่วงที ยังไงๆ...ก็น่าจะหันมาให้ความสนใจ หันมาแสวงหา ความรู้ ชนิดนี้ติดปลายนวมเอาไว้มั่ง อย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้ต้องก่อ บาปบริสุทธิ์ ที่จะต้องสำนึกขึ้นมาในวันหนึ่ง-วันใดอยู่แล้วแน่ๆ...

                        --------------------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"