สงสัยช่วงนี้ประเด็นว่าด้วยเรื่อง “รถ” จะร้อนฉ่าเป็นอย่างยิ่ง เพราะช่วงต้นสัปดาห์ก็มีเรื่อง รถหรู “มาเซราติ” ของดารา “หนิง ปณิตา” ที่โด่งดัง และปัจจุบันก็เริ่มถูกลากถูกโยงไปเชื่อมคดีนำเข้ารถหรูผิดกฎหมาย ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยังสอบสวนและขุดคุ้ยอยู่ ซึ่งแม้ “หนิง” และสามีนามสกุลดัง “ธรรมวัฒนะ” จะยืนยันถึงความถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ พร้อมให้ตรวจสอบก็ตามที แต่ก็ เรียกว่า “เจี๊ยะป้าบ่สื่อ” จริงๆ หากไม่มีการโพสต์ในโลกออนไลน์ให้มีเรื่องมีราวเกิดขึ้น ...๐

“ซีวิค” ป้ายแดงของหนุ่มหัวร้อน ก็เป็น “ฮอต” ออนไลน์กลางสัปดาห์อีกราย โดยเฉพาะคำพูดคำจาของหนุ่มดังกล่าว เพราะเล่นเอาบริษัทต้นสังกัดต้องประชุมและมีมติ “ไล่ออก” จากบริษัทกันเลยทีเดียว ที่สำคัญยังมีผลพวงตามมาอีกเมื่อ “พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ” รองโฆษก ตร.ระบุว่าจะตรวจสอบว่ามีความผิดทางอาญาแผ่นดินด้วยหรือไม่!!! งานนี้เราเลยเห็น “ฮ่องเต้ซินโดรม” ที่ชัดแจ้งแดงแจ๋เหมือนที่ “พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์” ผบ.ทบ.เคยฉายภาพไว้ ...๐

ที่สำคัญกรณีหนุ่มหัวร้อนซีวิคยังทำให้บรรดาสาวก “ลิซ่า แบล็กพิงค์” ไม่พอใจด้วย เพราะเดิมหลังมีข่าว “ลิซ่า” โชว์ภาพล็อกหน้าจอโทรศัพท์มือถือโดยใช้ภาพ “เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย” ก็คาดว่าจะเป็นทอล์กออฟเดอะเดย์ ติดเทรนด์# แต่เมื่อมาเจอเคสหนุ่มหัวร้อนดังกล่าวก็เลยทำให้ “ลิซ่า” กลายเป็นข่าวไม้ประดับทันที ...๐

ต้องปรบมือดังๆ ให้กับ “เพจสำนักงานกิจการยุติธรรม” ที่ทำงานสมกับเป็นยุค 4.0 จริงๆ เพราะหลังเกิดกรณีหัวร้อนดังกล่าวก็ได้โพสต์เนื้อหาและอินโฟรกราฟฟิกในหัวข้อ “วิธีรับมือคู่กรณีหัวร้อน” ซึ่งหวังว่าเพจของหน่วยงานราชการต่างๆ นั้นจะศึกษาและดูเป็นตัวอย่าง หากมีกระแสหรือปัญหาที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์กันก็ควรจะฉับไวในการชี้แจงแถลงไขหรือให้ข้อมูล เพราะตอนนี้ต้องบอกว่า “สมาร์ทโฟน” กลายเป็นโลกในมือของชาวประชาไปแล้ว จะรอมาฟังแถลงแบบเต็มพิธีข้ามวันข้ามคืนเหมือนสมัยโบร่ำโบราณบอกได้คำเดียวว่า "กว่า ถั่วจะสุกงาก็ไหม้” ไปแล้ว ...๐

หันมาเรื่องการเมืองกันบ้าง โดยเฉพาะการเลือกตั้งเขต 5 จังหวัดนครปฐม ซึ่งถึงมึนกับงงและข้องใจอย่างยิ่งที่ “พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา” เลขาธิการ กกต. บอกว่าจะทราบผลเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการในเวลาเที่ยงคืน ทั้งที่เป็นการเลือกตั้งแค่เขตเดียว และหากผู้ใช้สิทธิ์เต็ม 100% ก็ไม่ถึง 1.5 แสนคน ทำไมถึงต้อง ใช้เวลานานถึงเกือบ 7 ชั่วโมงนับจากปิดหีบเมื่อเวลา 17.00 น. จนถึง 24.00 น. ...๐

งานนี้ไม่รู้ใครจะคว้าเก้าอี้เก่าของ “อนาคตใหม่” ได้ แต่หากดูจากตรรกะที่พรรคร่วมรัฐบาลกลับมาลงหั่นคะแนนกันเอง โดยมีเจ้าของพรรคเดิมลงเดี่ยวๆ ก็ฟันธงได้ไม่ยากมากนัก และจากเคสนี้อาจส่งผลในอนาคต โดยเฉพาะ จะกลายเป็นเชื้อไฟว่าด้วย “เกาเหลา” ในการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลได้ โดยเฉพาะในเวที “พ่อเมืองกรุงเทพมหานคร” ที่ความร้าวฉานน่าจะโดดเด้งแน่นอน ...๐ นี่ต้องยกวลีที่ว่า “Put the right man on the right job” เสียจริงๆ สำหรับการแต่งตั้ง “สุภรณ์ อัตถาวงศ์” นั่งเก้าอี้ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีในการทำหน้าที่ทางการเมือง โดยเฉพาะในเรื่องการเจรจาม็อบ เพราะล่าสุดก็ได้แสดงผลงานกล่อม “สมัชชาคนจน” ที่มาปักหลักชุมนุมบริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษมข้างกระทรวงศึกษาธิการมาเป็นเวลาถึง 17 วันให้จบไปด้วยดี โดยเตรียมจะทยอยกลับภูมิลำเนาแล้ว ...๐

ต้องบอกว่า “พ่อฟ้า” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มักมีเรื่องสร้างราวสร้างความแตกแยกให้ทุกองคาพยพยิ่งกว่า “คนหน้าเหลี่ยม” เสียอีก เพราะล่าสุดก็กรณีการถูกเสนอชื่อให้นั่งเก้าอี้กรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ซึ่งก็มีเสียงไม่เห็นด้วยทั้งจาก “สุชาติ ตันเจริญ” รองประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมถึง “ทศพล เพ็งส้ม” ที่ปรึกษารองประธานสภาในเรื่องการตีความคุณสมบัติของ “ทอน” งานนี้บอกได้คำเดียว นี่ขนาดหยุดปฏิบัติหน้าที่ยังสร้างความร้าวฉานได้ขนาดนี้ หากเข้ามาทำหน้าที่ก็ไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ ...๐

ทิ้งท้ายด้วยข่าวต่างประเทศอย่าง “ฮ่องกง” บ้าง ที่อยู่ดีๆ ก็มีข่าวมาจากสื่ออย่าง “ไฟแนนเชียลไทม์ส” ว่าจะเปลี่ยนแปลงเก้าอี้หัวหน้าคณะผู้บริหารจาก “แคร์รี หล่ำ” ไปเป็น “นอร์แมน ชาน” อดีตประธานธนาคารกลาง หรือ “เฮนรี แทง” อดีตรัฐมนตรีคลัง แต่พอข่าวตีได้สัก 2-3 ชั่วโมง “หัว ชุนอิง” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนได้แถลงยืนยันว่ารัฐบาลจีนยังสนับสนุน “หล่ำ” และมองข่าวดังกล่าวว่าเป็น "ข่าวลือที่มีแรงจูงใจแอบแฝง" …๐

ท.ศักดิ์