27 ต.ค. 2562 จากการออกมาแสดงความเห็นของ อดีตผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ หลายคนไปในแนวทางที่ไม่พอใจการดำเนินการของพรรคอนาคตใหม่ ตั้งแต่ช่วงก่อนและหลังการเลือกตั้ง รายงานข่าวพรรคอนาคตใหม่ ระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า เบื้องต้น จากจำนวน ส.ส.สอบตก 320 คน นั้น มีกลุ่มส.ส.ต่างจังหวัดทั่วประเทศ ประมาณ 130-150 คนจับกลุ่มกันวิพากษ์วิจารณ์ถึงแนวทางการทำงานของพรรคอนาคตใหม่  โดยเฉพาะสาขาพรรคในจังหวัดต่างๆ ที่ส่งเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางไปควบคุมดูแล ซึ่งคนเหล่านี้มีอายุระหว่าง 24-27 ปี และอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ คนสนิทของนายธนาธร อีกทีหนึ่ง  ซึ่งไม่ว่า ผู้สมัครในพื้นที่จะทำกิจกรรมอะไร ต้องมีการรายงานให้คนจากส่วนกลางทราบนอกจากนี้ การจัดกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ ต้องมีการรายงาน หากมีการเบิกงบ ต้องทำผ่านเจ้าหน้าที่ส่วนกลางทำให้เกิดปัญหาด้วยเช่นกัน

ในบางสาขา มีการทุจริตภายในเกิดขึ้น สมมติว่า ขอเบิกค่าน้ำมันรถ 1000 บาท คนจากส่วนกลางอาจเขียนบิลไป2000 บาท พอ ผู้สมัครในพื้นที่ ร้องเรียนไปยังส่วนกลาง กลับไม่ได้รับความสนใจ เพราะคนเหล่านี้เป็นคนของส่วนกลางเอง นอกจากนี้ ส.ส.สอบตกที่มีปัญหาส่วนใหญ่ ภายหลังการเลือกตั้งนั้น ไม่สามารถติดต่อโดยตรงกับนายธนาธร หรือนายปิยบุตรได้เลย หากติดต่อต้องติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่ส่วนกลางเท่านั้น ปัญหาเหล่านี้ทำให้ อดีตผู้สมัครหลายคนเกิดความอึดอัดในการทำงาน จากทเรื่อง คอร์รัปชั่นภายใน หรือ เรื่องการประสานงาน ที่ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน 

“คุณลองคิดดูว่า ผู้สมัคร ส.ส. เขตส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ย 30-50 ปี ต้องคอยรายงาน คอยถาม หรือขออนุญาต กับคนอายุ 24-27 ปีตลอด แล้วแบบนี้ปัญหาจะไม่เกิดขึ้นได้อย่างไร หากแค่เดือนเดียวพอรับได้ แต่มีหลายเขตที่เริ่มหาเสียงกันมาก่อนแล้ว พอปัญหาทับซ้อนกันเรื่อยๆหลายคนก็ไม่ไหว  ทำให้เกิดปัญหาอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้  อย่างในจังหวัดอุบบลราชธานี มหาสารคาม ขอนแก่น นครราชสีมา และอีกหลายจังหวัด มีปัญหาลักษณะนี้ทั้งหมด

เขาระบุต่อว่า ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ทางพรรคมีการตั้งเป้าหมายไว้ชัดเจนว่า ในแต่ละพื้นที่ จะต้องหาจำนวนสมาชิกได้จำนวนเท่าไรต่อเดือน รวมทั้งยอดขายของที่ระลึก ด้วยเช่นกันว่าจะต้องทำยอดได้เท่าไร หากใครทำได้ไม่ตามเป้าหมายก็จะถูกจับตาจากพรรค และเมื่อการเลือกตั้งเสร็จสิ้น บางรายก็อาจจะโดนกดดันให้ลาออกเพื่อเปิดทางให้คนอื่นเข้ามาทำงานแทน

“ในช่วงการสัมนาพรรคก่อนการเลือกตั้งใน เดือน ธ.ค. 2561 นั้น นายธนาธร และนายปิยบุตรกล่าวบนเวทีอย่างชัดเจน ว่า ไม่ว่าผลการเลือกตั้งในครั้งนี้จะออกมาเป็นอย่างไร เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังอย่างแน่นอน เว้นแต่คนที่ทรยศ หักหลังพรรค เท่านั้น ทำให้ บรรดาผู้สมัคร แต่ละคนต่างเดินหน้าหาเสียง ทำงานกันอย่างเต็มที่ แต่พอหลังการเลือกตั้งจบ แล้วมีการสัมนาส.ส.ทั้งหมดอีกครั้ง ปรากฎว่า นายธนาธร กลับบอกว่า ไม่ได้ตั้งพรรคมาให้ใครหาผลประโยชน์ รวมทั้งไม่ได้มีการให้กำลังใจ หรือขอโทษใดๆทั้งสิ้น พร้อมระบุด้วยว่า อย่ามาเรียกร้องอะไรจากพรรค หรือคาดหวังอะไรจากพรรคทั้งสิ้น แบบนี้หรือคือเรื่องเสรีภาพ เรื่องความเท่าทียม หรือการเปิดโอกาสให้ทุกคนพูดอย่างที่พรรคกล่าวอ้าง ส.ส.สอบตกที่มีตำแหน่งส่วนใหญ่ ก็เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มีความสนิทสนมกับแกนนำพรรค ลองนับจำนวนดูก็ได้ มีไม่ถึง 50 คนที่ได้ตำแหน่ง แล้วอีก 270 คนละหายไปไหน หากยึดตามคำพูดที่นายธนาธรบอก”

ทางอดีตกลุ่มผู้สมัครที่มีปัญหาเองได้มีการรวมตัวกันโดยตั้งกลุ่มไลน์ เพื่อคุยกันในประเด็นนี้ บางคนลาออกจากพรรคไปแล้ว และ เตรียมจะรวมตัวกันเพื่อไปยื่นหนังสือลาออก ที่ กกต.ประมาณ 50 คน ในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ พร้อมมีการแถลงข่าวเพื่อให้สื่อมวลชนรับทราบต่อไป     

“การกระทำแบบนี้เป็นการสร้างศัตรูทั่วไปหมด อย่างจังหวัดภาคใต้ส่วนใหญ่ไม่เอาเรื่องการเลือกตั้ง อบจ.แล้ว เพราะพวกเขารู้สึกถูกพรรคหักหลัง จากสิ่งที่เกิดขึ้น หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า การเลือกตั้งครั้งต่อไป  พรรคอนาคตใหม่จะไม่ได้เสียงจากประชาชนมากเท่าการเลือกตั้งครั้งนี้อีกแล้ว เพราะบรรดาแนนำพรรคทิ้งมวลชนในพื้นที่ไว้ข้างหลัง โดยไม่สนใจไยดี หลังได้รับการเลือกตั้ง และหลายคนบอกว่าจะพรรคอนาคตใหม่จะไม่มีทางกลับเป็นเหมือนเดิมอีกแล้วเพราะฐานมวลชนตามต่างจังหวัดเองก็แตกกับส่วนกลางไปเยอะ”

รายงานข่าวระบุอีกว่า ในสัปดาห์หน้า จะมีการประชุม ส.ส.พรรคเพื่อเคลียร์ปัญหา โดยเฉพาะกรณีของการโหวตพ.ร.ก.อัตรากำลัง ที่มีทั้ง 7 คนไม่ได้โหวตไปในแนวทางเดียวกันกับพรรค ซึ่ง โดยส.ส.ที่ได้รับการจับตาเป็นพิเศษ คือนางสาวกวินนาถ ตาคีย์ และนางสาวศรีนวล บุญลือ ซึ่งกรณีของนางสาวกวินนาถนั้น เป็นไปได้ยากมากที่จะได้รับโอกาสให้อยู่ในพรรคต่อไป