อดีตและอนาคตแห่งการเดินทาง


เพิ่มเพื่อน    

                                                (1)

                ในฐานะที่เคยถูกจัดให้อยู่ในประเภท คนรุ่นใหม่ กะเค้าอยู่บ้างเหมือนกัน...แม้ต้องย้อนหลัง ย้อนอดีต ไปซักเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว ก็เลยอดไม่ได้ที่จะนำเอาตัวเองในช่วงระหว่างนั้น ไปเทียบเคียงกับบรรดา คนรุ่นใหม่ ในยุคปัจจุบัน ว่ามันพอมีความเหมือน-ความต่าง กันบ้างหรือไม่ อย่างไร และในลักษณะไหน?

                                                        (2)

                คือถ้าว่ากันในแง่แนวคิด ทัศนคติ...หรือที่อาจเรียกให้สูงๆ ขึ้นมาหน่อย ว่า อุดมการณ์-อุดมคติ อะไรประมาณนั้น ก็อาจไม่ถึงกับผิดแผก แตกต่าง ไปจากกันมากมายซักเท่าไหร่ เพราะด้วยช่วงจังหวะของวัย ของอายุ ย่อมมีส่วนส่งผลให้ต้องเกิดอาการ ร้อนๆ ต่ออะไรต่อมิอะไร ซึ่งดูขัดหู ขัดตา อยู่บ้างเป็นธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกประเภท หัวใจของเราถูกโบยตีด้วยความอยุติธรรม หรือ ก้นกบของเราถูกกระทืบด้วยส้นตีนอยุติธรรม ก็ตามที อันเป็นอารมณ์ ความรู้สึก แบบที่เรียกๆ กันว่า พวก ขบถต่อสังคม อะไรประมาณนั้น...

                                                        (3)

                แม้ว่าโดยจุดหมาย ปลายทาง หรือถ้าเรียกให้ดูเว่อร์ๆ ขึ้นมาซักหน่อยว่า การเดินทาง อะไรทำนองนั้น อาจผิดแผก แตกต่าง กันไปบ้าง คือขณะที่คนรุ่นใหม่ยุคนี้ เขาหันมาใช้สิ่งที่เรียกว่า ประชาธิปไตย ตามแบบฉบับ เสรีนิยม เป็นเครื่องมือ แต่คนรุ่นใหม่ยุคพระเจ้าเหาใส่กางเกงหูรูด หรือยุคของ อันตัวข้าพเจ้าเอง นั้น ดูจะหนักไปทางหวังอาศัย เผด็จการชนชั้นกรรมาชีพ ตามแบบฉบับชาวสังคมนิยม หรือคอมมิวนิสต์ นั่นแหละมากกว่า แต่โดยรวมๆ แล้ว...ต่างต้องเผชิญกับคู่ต่อสู้และอุปสรรค ในชนิดที่แทบไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากกันมากมายนัก...

                                                      (4)

                แต่น่าจะมีอยู่สิ่งหนึ่ง...ที่อาจผิดแผก แตกต่าง แบบชนิด คนละเรื่อง-คนละม้วน นั่นคือ...ขณะที่คนรุ่นใหม่ยุคอดีต ออกจะยึดมั่น ถือมั่น อยู่กับคตินิยม ค่านิยม ว่าด้วยเรื่อง การอ่อนน้อมถ่อมตน กันเป็นหลัก ชนิดอาจถือเป็น ศีลธรรม ข้อหนึ่งและข้อสำคัญ ของชาวสังคมนิยมทั้งหลายเอาเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะเมื่ออภิมหานักสังคมนิยม อย่างท่านประธาน เหมา เจ๋อตุง ท่านถึงกับบัญญัติไว้ใน สรรนิพนธ์ หรือใน ชีวทรรศน์เยาวชน ระดับไม่ต่างไปจาก ศีล 5 หรือ ศีล 8 ของศาสนาพุทธ เอาเลยถึงขั้นนั้น โดยบุคลิกของบรรดาคนรุ่นใหม่ยุคอดีต เลยมักออกไปทางเจียมเนื้อ-เจียมตน ไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับ ตัวตน-ของตน หรือ ตัวกู-ของกู มากมายซักเท่าไหร่ ไม่ได้เอาตัวตน-ของตนเป็นศูนย์กลาง หนักไปทาง เชื่อจัดตั้ง ยึดเอา สังคมนิยม หรือ ผลประโยชน์สังคม เป็นที่ตั้ง...

                                                     (5)

                แต่สำหรับคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบันแล้ว ดูเหมือนว่าสิ่งที่เรียกว่า การอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นสิ่งซึ่งไม่ได้มีอยู่ในพจนานุกรมของคนรุ่นใหม่เอาเลยแม้แต่น้อย มีแต่ต้องเปล่งพลังความเป็น ตัวตน-ของตน หรือ ตัวกู-ของกู ให้มากๆ เข้าไว้ เพื่อที่จะได้มีโอกาสเป็น ซัม บอดี้ หรือเพื่อไม่ให้ต้องกลายเป็น โน บอดี้ ที่ไม่มีใครให้ความสนใจ ไม่ได้ให้ความสำคัญ ดังนั้น...ไม่ว่าจะผิด-จะถูกเหมาะ-ไม่เหมาะ ควร-ไม่ควร เปรี้ยว-ไม่เปรี้ยว ฯลฯ ก็คงต้อง กวน หรือ เกรียน เอาไว้ก่อน มันถึงจะสามารถยกระดับตัวเองได้แบบเดียวกับที่คุณน้อง ลำไย ไหทองคำ ต้องหาทางแหกแข้ง-แหกขาเอาไว้ก่อน โดยไม่ว่าจะส่งผลให้ใครตามไป กดไลค์ หรือ กดไม่ไลค์ แต่ย่อมทำให้ตัวเองกลายเป็น ซัม บอดี้ เป็น ฟ้ารักพ่อ เป็น ว่าที่นายกฯ คนรุ่นใหม่ ได้แบบฉับพลัน-ทันที...

                                                       (6)

                อันนี้นี่แหละ...ที่มันออกจะต่างกันแบบคนละเรื่อง-คนละม้วน โดยความแตกต่างที่ว่าจะส่งผลให้ การเดินทาง ไปสู่จุดมุ่งหมาย ทางอุดมการณ์ อุดมคติ ของคนรุ่นใหม่แต่ละยุค แต่ละสมัย เป็นไปในรูปใด แบบใด ก็ยังยากซ์ซ์ซ์ที่จะสรุปได้ชัดเจน ตราบใดที่ พรรคอนาคตใหม่ หรือ อนาคตใหม่คือการเดินทาง ยังไม่รู้จะยุบ-ไม่ยุบ ไม่รู้จะเดินไปไหน ต่อไหน กันแน่ แต่ที่แน่ๆ ก็คือสิ่งที่เรียกว่า การอ่อนน้อมถ่อมตน อันเป็นสิ่งที่ทำให้คนรุ่นใหม่ยุคอดีต ต่างไปจากคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน อย่างเห็นได้ชัดเจนนั้น คงปฏิเสธไม่ได้ว่า...ต้องถือเป็น คุณธรรม ชนิดหนึ่ง ไม่ว่าจะมองในแง่อุดมคติ อุดมการณ์ หรือมองในแง่ ศีลธรรม โดยทั่วไป...

                                                     (7)

                ดังนั้น...แม้ว่า การเดินทาง ของคนรุ่นใหม่เมื่อยุคอดีต อาจไปไม่ถึงเป้าหมายทางอุดมการณ์ อุดมคติ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมให้เป็นไปตามที่ตัวเองปรารถนาและต้องการ หลายต่อหลายรายต้องกลายสภาพเป็น สิ่งชำรุดทางประวัติศาสตร์ กันไปเป็นแถบๆ แต่ด้วยการยึดมั่นอยู่ใน คุณธรรม ที่ว่านั่นเอง ที่ทำให้เส้นทางซึ่งอาจถูกเปลี่ยนแปลงไปสู่วิถีทางอื่นๆ ก็ยังคงเป็นเส้นทางที่ถือเอา สังคม เป็นที่ตั้ง ไม่ใช่เส้นทางที่ถือเอา ตัวกู-ของกู เป็นสำคัญ อันเป็นเส้นทางที่ไม่ได้มีความสำคัญแต่เฉพาะในแง่ การเมือง เท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อ วิถีชีวิต หรือต่อ ความเป็นมนุษย์ อีกด้วย...

                                  -----------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"