ช่องว่างความรวย-คนจนกับช่องว่างระหว่างวัย


เพิ่มเพื่อน    

                                                       (1)

        เมื่อซักไม่กี่วัน ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา...มีบริษัทที่เกี่ยวกับการสำรวจ การวิจัย อะไรทำนองนั้น คือบริษัท ทีเอ็มบี และบริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) เขาได้ออกมาแถลงข่าว เปิดเผยข้อมูล ตัวเลขสถิติ ที่ต้องเรียกว่า..ออกจะน่าสนใจเอามากๆ แม้ไม่ได้เป็นข่าวใหญ่ ข่าวโตแบบข่าว สภาล่ม ข่าว เรือรั่ว หรือข่าวเล้าไก่ของคุณน้อง เอ๋-ปารีณา ผู้มุ่งปะทะกับอดีต ผบ.ตร. เสรีพิสุทธ์ แบบชนิดดอกต่อดอก ฯลฯ...

                                                         (2)

       ข่าวที่ว่านี้ก็คือ...การนำเอาตัวเลข สถิติ ที่สะท้อนให้เห็นถึง พฤติกรรมการบริโภค ของผู้คนประมาณ 14.4 ล้านคนในบ้านเรา ที่มีช่วงอายุอยู่ระหว่าง 23-38 ปี หรือที่พวกฝรั่งเขาจัดกลุ่ม จัดประเภท เรียกๆ กันว่าพวก Gen Y อะไรประมาณนั้น มาแจกแจงให้เห็นกันจะจะ ว่ามีพฤติกรรมที่ออกจะน่าห่วง น่ากังวล มิใช่น้อย คือถึงแม้จะเป็นผู้มีรายได้โดยเฉลี่ย ตกประมาณปีละ 377,694 บาท ต่อคน/ต่อปี หรือประมาณเดือนละ 3 หมื่น 4 หมื่น ซึ่งต้องถือว่าเป็นน้ำ เป็นเนื้อ อยู่พอสมควร แต่โดยส่วนใหญ่หรือเกือบ 79 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มคนเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นหนี้ เป็นสิน มีภาระหนี้โดยเฉลี่ย ตกประมาณ 423,000 บาทต่อคน เป็นอย่างน้อย...

                                                         (3)

        และเหตุที่ต้องเป็นหนี้ เป็นสิน ตั้งแต่ยังเป็นหนุ่ม เป็นสาว ก็น่าจะมีส่วนเกี่ยวพันกับ วิถีการดำเนินชีวิต หรือ ไลฟ์สไตล์ ของบรรดากลุ่มคนเหล่านี้นั่นแหละ เพราะบรรดา Gen Y จำนวนถึง 69 เปอร์เซ็นต์ หรือกว่าครึ่ง กว่าค่อน ต่างเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องควักเงิน ควักรายได้ หรือกระทั่งยืมหนี้ ยืมสิน เอามาซื้อหาสิ่งของ ประเภทที่เรียกๆ กันว่า ของที่มันต้องมี ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน เสื้อผ้าใหม่ๆ ทันสมัยๆ เครื่องสำอาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ตกรุ่น ไปจนถึงกระเป๋า นาฬิกา เครื่องประดับ ฯลฯ อะไรประมาณนั้น เป็นจำนวนไม่น้อยไปกว่า 95,000 บาทต่อคน/ต่อปี หรือคิดเป็นจำนวนรวมๆ ไม่น้อยไปกว่าปีละ 1.37 ล้านล้านบาท เทียบเท่ากับรายได้ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ หรือ GDP ถึง 13 เปอร์เซ็นต์ เอาเลยถึงขั้นนั้น...

                                                     (4)

        การที่บรรดาคนหนุ่ม-คนสาว หรือคนรุ่น Gen Y ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปกับ ของที่มันต้องมี ทั้งๆ ที่ถ้าไม่มี...ก็ไม่น่าจะถึงกับจะเป็น-จะตายอะไรกันมากมาย ชนิดปีละนับเป็นล้านล้านบาท มากถึง 13 เปอร์เซ็นต์ของ GDP มากกว่ารายจ่ายโครงการรถไฟความเร็วสูงแทบทั้งโครงการ มันเลยไม่ถึงกับน่าแปลกใจซักเท่าไหร่ หรือน่าจะนำมาใช้เป็นคำตอบ คำอธิบาย ได้อย่างชัดเจนว่าเหตุใด ตัวเลข หนี้สินครัวเรือน ของประเทศไทย ในช่วงไตรมาส 2 ของปี พ.ศ.2562 ที่ สภาพัฒน์ ท่านเพิ่งนำมาแถลงเมื่อไม่นานมานี้ มันถึงได้ปาเข้าไปถึง 12.97 หรือเกือบ 13 ล้านล้านบาท หรือพุ่งไปถึง 78.7 เปอร์เซ็นต์ ของตัวเลข GDP สูงเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย รองจากเกาหลีใต้ และสูงเป็นอันดับ 11 ของโลก...

                                                        (5)

        เพราะในช่วงการแถลงของ สภาพัฒน์ ก็ได้มีการแจกแจง รายละเอียด ให้เห็นกันจะจะ ว่าในจำนวน หนี้สินครัวเรือน เกือบครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ 40-50 เปอร์เซ็นต์ มักจัดอยู่ในประเภท หนี้ระยะสั้น หรือหนี้ที่เกิดจาก พฤติกรรมการบริโภค ของบรรดาคนหนุ่ม-คนสาว คนรุ่นใหม่ หรือคนประเภท Gen Y ทั้งหลาย ที่หันมาเปลี่ยนแปลง ไลฟ์สไตล์ ของตัวเอง จนเกิดอาการดิ้นรน กระวนกระวาย ไปกับการขวนขวายหาสิ่งของประเภท ของที่มันต้องมี อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ หรือจนต้องกลายเป็นหนี้ เป็นสิน ตั้งแต่ยังเป็นหนุ่ม เป็นสาว กันไปเป็นรายๆ นั่นเอง...

                                                      (6)

        และในเมื่อ ไลฟ์สไตล์ ของบรรดากลุ่มคนเหล่านี้ ได้เปลี่ยนแปลงไปเรียบร้อยแล้ว...การมีรายได้เดือนละ 3 หมื่น 4 บาท แต่กลับต้องมีค่าใช้จ่ายในการซื้อหาสิ่งของประเภท ของที่มันต้องมี ไม่น้อยกว่าปีละ 9 หมื่น หรือเกือบจะแสนๆ บาท ย่อมส่งผลให้ต้องเกิด กับดักของรายได้ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธไปด้วยเช่นกัน การหาทางหมุนเงิน หมุนหนี้ แบบชนิดหัวเป็นนอต การหารายได้ให้เพียงพอกับรายจ่าย ย่อมส่งผลให้บรรดาคนหนุ่ม คนสาว คนรุ่นใหม่ หรือคนประเภท Gen Y ทั้งหลาย อาจเกิดอาการ หัวร้อน ขึ้นมาได้ง่ายๆ เกิดความรู้สึกขัดตา ขัดใจ ต่อสภาวะแวดล้อมรอบข้าง เห็นอะไรต่อมิอะไรขวางหู ขวางตา ไปซะหมด หรือเกิดอาการ ประเทศ...กูมี ขึ้นมาได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ ชนิดบรรดาความรู้สึกแบบประเภทที่เรียกว่า ชังชาติ ทั้งหลาย อาจมีที่มา-ที่ไป จากสภาวะเหล่านี้ก็ไม่แน่!!!

                                                      (7)

        ด้วยเหตุนี้...เวลาจะหาทางแก้ไข เยียวยา คงต้องใคร่ครวญ พิจารณา เอาไว้ให้ละเอียด ประณีต พอสมควรเหมือนกัน ต้องพยายาม เข้าถึง-เข้าใจ-และพัฒนา กันให้เนียนๆ เข้าไว้ อย่าแค่มุ่งจะ ออกอาวุธ แบบชนิดดอกต่อดอก จนอาจส่งผลให้ ช่องว่างระหว่างความรวย-ความจน ที่พยายามหาทางแก้ไขกันมาเป็นศตวรรษๆ ก็ยังไม่แล้วเสร็จซักกะที มันลุกลามบานปลายกลายเป็น ช่องว่างระหว่างวัย ขึ้นมาโดยใช่เหตุ...

                                  ----------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"