พร้อมลงถนน!ชาวบ้านหนองบัวลำภูสู้ไม่ถอย 'เดิน-ปิด-เหมือง'อนุรักษ์ทรัพยากร-ฟื้นชุมชน


เพิ่มเพื่อน    

2 ธ.ค.62- เข้าสู่วันที่ 3 ที่กลุ่มชาวบ้านฅนรักษ์เขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ต.ดงมะไฟ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู  ซึ่งรวมตัวกันคัดค้านเหมืองแร่หินปูนในพื้นที่ ร่วมกันเดินรณรงค์ ประชาสัมพันธ์กิจกรรมเชิญชวนประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรม “เดิน-ปิด-เหมือง” จากภูผาฮวกสู่ศาลากลางจังหวัดหนองบัวลำภู ในระหว่างวันที่ 7-12 ธันวาคม 2562 รวม 6 วัน 5 คืนเพื่อบอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้ของพี่น้อง กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ต.ดงมะไฟ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู ตลอดระยะเวลากว่า 25 ปีที่ผ่านมา โดยช่วงกลางวันของทุกวัน จะมีขบวน เดิน-ปิด-เหมือง ไปตามเส้นทาง และหยุดพักตามจุดที่กำหนด และช่วงกลางคืนทุกคืนจะมีเวทีเสวนาวิชาการ 

โดยบรรยากาศการเดินรณรงค์ประชาสัมพันธ์เต็มไปด้วยความคึกคัก ชาวบ้านร่วมกันบริจาคข้าวสาร อาหารแห้ง และของใช้ต่างๆ เพื่อนำไปใช้ในการจัดกิจกรรม เดิน-ปิด-เหมือง ถือว่าได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ออกมาให้การสนับสนุนเป็นจำนวนมาก

นางเปี่ยมสุข สุวรรณสนธิ์ กล่าวว่า วันนี้มาเชิญชวนพี่น้องแถวบ้านวังหินซากับบ้านดงมะไฟ เพราะบ้านทางนี้เขาก็มาหาเห็ด หาหน่อไม้ หาสมุนไพร มาใช้ประโยชน์จากทรัพยากร แถวบ้านเรา ภูฮวก ภูผาซ้อน ภูผาจันได เขาก็มาหาภูเขาแถบนี้เหมือนกัน ถ้าเขาระเบิดภูผาป่าไม้ ของป่ามันก็จะหายไป ทรัพยากรเราก็หมดซึ่งหมู่บ้านที่ชาวบ้านมาเดินประชาสัมพันธ์วันนี้ เป็นหมู่บ้านที่จะเดินผ่านในวันที่ 7-12 ธ.ค. 62 ด้วย

ด้านนายบุญเทียน มาลี กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได  กล่าวว่า เคยทำงานในเหมือง แต่พอทำงานได้สักระยะเริ่มมีผลกระทบขึ้นกับตัวเอง คือ คนในชุมชนไม่คุยด้วยทั้งที่ก่อนหน้านี้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตลอด สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เห็นถึงความคัดแย้งของคนในชุมชนจึงถอยออกมาและเข้าร่วมกิจกรรม การ “เดิน-ปิด-เหมือง”เพื่อ ต้องการหยุดใบอนุญาตเข้าทำประโยชน์พื้นที่ป่าเพื่อการทำเหมือง

ลำดับสถานการณ์ตลอดระยะเวลา25ปี การต่อสู้ของชาวบ้าน
ปี 2536 บริษัทเอกชนเข้ามายื่นขอสัมปทานภูผายา ตำบลดงมะไฟ อำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อทำเหมืองหินชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ชาวบ้านไม่เห็นด้วยจึงเริ่มรวมตัวกันคัดค้าน เพราะมีสำนักสงฆ์ และมีการสำรวจพบภาพเขียนสีประวัติศาสตร์ กรมศิลปากรจึงได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็นแหล่งสำคัญทางโบราณคดีในเวลาต่อมา

ปี 2537 บริษัทเอกชนได้ย้ายมายื่นคำขอประทานบัตรทำเหมืองหินบนภูผาฮวกเนื้อที่กว่า 175 ไร่ และโรงโม่หินอีก 50 ไร่ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเก่ากลอยและป่านากลาง ตำบลดงมะไฟ อำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู

ปี 2538 ชาวบ้านรวมตัวกันเคลื่อนไหวคัดค้านอย่างหนักเป็นเหตุให้นายบุญรอด ด้วงโคตะ และนายสนั่น  สุวรรณ ถูกลอบยิงเสียชีวิต จนปัจจุบันยังจับคนร้ายไม่ได้

ปี 2541 ชาวบ้านยื่นหนังสือคัดค้านการขอสัมปทาน ขณะที่บริษัทเดินหน้ารังวัดขอบเขตเหมือง โดยไม่สนใจเสียงคัดค้าน

ปี 2542 กำนันทองม้วน คำแจ่ม แกนนำต่อสู้คนสำคัญ และนายสม หอมพรมมา ถูกยิงเสียชีวิต แต่ชาวบ้านตำบลดงมะไฟ จำนวน 6 หมู่บ้าน ยังคงรวมตัวกันยืนหยัดต่อสู้ คัดค้านเหมืองหิน บนภูผาฮวกต่อไป

ปี 2543 อุตสาหกรรมจังหวัดหนองบัวลำภู ให้อนุญาตประทานบัตรเหมืองหินแก่บริษัทบนภูผาฮวก มีระยะเวลาทำเหมืองหิน 10 ปี ตั้งแต่เดือนกันยายน 2543 – กันยายน 2553 

ปี 2544  ชาวบ้านชุมนุมประท้วงและใช้มาตราการปิดถนนที่เป็นเส้นทางขนเครื่องจักรกลของคนงานเหมือง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมจนสามารถขนเครื่องจักรกลเข้าสู่พื้นที่จะทำเหมืองบนภูผาฮวกได้   ชาวบ้านยื่นฟ้องศาลปกครองขอให้มีคำพิพากษาเพิกถอนประทานบัตรทำเหมืองหิน  ทั้งนี้แกนนำชุมชนถูกจับกุมดำเนินคดี 12 คน ข้อหาวางเพลิงเผาที่พักคนงานเหมือง และโรงเก็บอุปกรณ์ ซึ่งศาลตัดสินจำคุก 2 ราย อีก 10 ราย ศาลยกฟ้องในเวลาต่อมา

ปี 2547  ศาลปกครองชั้นต้นมีคำพิพากษาเพิกถอนคำขอประทานบัตร 

ปี 2553   ศาลปกครองสูงสุดกลับคำพิพากษา คืนประทานบัตรให้บริษัททำเหมืองหิน แต่อายุประทานบัตรก็หมดอายุลงพอดี เป็นเหตุให้บริษัทต้องเริ่มขอต่อใบอนุญาตและขอใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเพื่อเข้าทำเหมืองแร่ในพื้นที่ใหม่  โดย บริษัทได้รับการต่อใบอนุญาตการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ รวมถึงต่ออายุประทานบัตรอีกครั้ง (ตั้งแต่ 25 กันยายน 2553 - 24 กันยายน 2563) แม้ชุมชนจะยืนยันการคัดค้านอย่างเข้มแข็งต่อเนื่องก็ตาม

ปี 2555 ตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่จำนวน 78 ราย ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองอุดรธานี เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง เพิกถอนหนังสืออนุญาตเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเก่ากลอยและป่านากลาง และเพิกถอนใบอนุญาตต่ออายุประทานบัตรของบริษัททำเหมือง

ปี 2558 กลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ได้รับพระราชทาน “ธงพิทักษ์ป่า เพื่อรักษาชีวิต” ตามโครงการราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า (รสทป.) ซึ่งเกิดจากการดำเนินกิจกรรมในการอนุรักษ์ บำรุงรักษาป่าไม้ และทรัพยากรธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง

ปี 2559    บริษัทดำเนินการระเบิดหิน ภูผาฮวก และเริ่มลำเลียง ขนถ่ายแร่ไปขาย

ปี 2561 ศาลปกครองอุดรธานี ได้มีคำพิพากษา (14 มีนาคม 2561) เพิกถอนหนังสืออนุญาตให้บริษัทเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเก่ากลอยและป่านากลาง เนื้อที่กว่า 175 ไร่ ระยะเวลา 10 ปี และเพิกถอนใบอนุญาตต่ออายุประทานบัตร ที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ออกให้บริษัท โดยให้มีผลนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา แต่เนื่องจากภายหลังคู่ความได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด คดีจึงยังไม่ถึงที่สุด และอยู่ระหว่างการยื่นขอให้ศาลมีคำสั่งบรรเทาทุกข์ คุ้มครองชั่วคราวของชาวบ้าน บริษัทก็ได้ดำเนินกิจการระเบิดภูเขา ทำเหมืองและโรงโม่หิน พร้อมทั้งขนถ่ายลำเลียงแร่ เข้า-ออก ระหว่างพื้นที่เหมืองเรื่อยมา

ปี 2562 – ปัจจุบัน บริษัทกำลังเร่งดำเนินการต่อใบอนุญาตขอเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อทำเหมืองหินบนภูผาฮวกอีก 10 ปี ซึ่งถ้าบริษัทสามารถต่อใบอนุญาตได้สำเร็จ ภูเขา และป่าไม้จะถูกระเบิด ระบบนิเวศถูกทำลาย และแหล่งอาหารของชุมชนก็จะสูญหาย และอาจมีการขนเอาแร่ไปขายต่อไปอีกจนถึงปี 2573 .


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"