เปิดโลกกว้างไปกับบัตรทราเวล การ์ด ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อเร็วๆ นี้ ในประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้ได้มีโอกาสรูดปรื๊ดๆ ทันอกทันใจ ซื้อตั๋วเข้าไปดูพิพิธภัณฑ์ครอบครัว วอลท์ ดิสนีย์ ที่ The Walt Disney Family Museum

      ประสบการณ์การใช้ "กรุงไทยทราเวล การ์ด" ทำให้ตระหนักรับรู้ว่า เราไม่ต้องกลับมาลุ้นว่าอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทกับเงินดอลลาร์ในวันสิ้นเดือนจะพุ่งกระฉูดให้เราอ่วมกระอักจากวันที่เราใช้จ่าย!! เพราะเดบิตการ์ดพกไปท่องเที่ยวได้ทั่วโลกนั้น เปิดช่องทางให้เราแลกซื้อเงินตราต่างประเทศเก็บไว้ในบัตรก่อนออกเดินทางไปไหนต่อไหนตามสบายใจ และตามความสามารถของเราเอง

 

      ราคาตั๋วอาจจะไม่กี่สตางค์ แต่การที่เราไม่ต้องพกพาเงินสดแล้วสามารถเดินเข้า-ออกได้ทุกสถานที่ และซื้อของต่างๆ ได้โดยไม่ต้องหาเศษสตางค์นั้น นับเป็นชีวิตยุคดิจิทัลที่ช่วยให้รู้สึกเบาตัวและเบาใจได้เป็นอย่างดี   

 

      โปรแกรมการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ วอลท์ ดิสนีย์ ถือเป็นโปรแกรมบังเอิญ "ถูกเท" โดยสายการบิน ซึ่งมีปัญหาขัดข้องทางเทคนิค ทำให้จำเป็นต้อง "อยู่ต่อ" ที่ซานฟรานซิสโก และเพราะ "กรุงไทยทราเวล การ์ด" นี่แหละเลยตัดสินใจไม่เอาตัวเองนั่งจมปลักอยู่ที่สนามบิน

 

      ตื่นตาตื่นใจเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะการจัดพิพิธภัณฑ์ของระดับเจ้าพ่อแห่งวงการการ์ตูน "วอลท์ ดิสนีย์" ย่อมมีลูกเล่นสารพัดน่ารักน่าเอ็นดู ชวนให้อมยิ้มและส่งเสียงหัวเราะไปตลอดทาง ยิ่งรับรู้ว่าเงินรายได้จากการทำพิพิธภัณฑ์นั้นเขาไม่ได้เอาเข้าพกเข้าห่อ แต่จะส่งมอบให้กับองค์กรต่างๆ อันเป็นงานด้านการกุศล เราก็จะยิ่งรู้สึกทึ่งและปลื้มปีติ

      ลำพังถ้าเป็นโปรแกรมท่องเที่ยวทั่วไปในซานฟรานฯ ไฮไลต์ทั้งหลายก็ต้องไม่พลาดสะพานโกลเดนเกท คุกอัลคาทาซ เพียร์ 39 ที่มีสิงโตทะเลมาอวดโฉม อีกทั้งถนนลอมบาร์ด ที่ลำบากให้ปีนขึ้นปีนลงเส้นทางคดเคี้ยวลดเลี้ยวเวียนหัว ดังนั้นการได้เที่ยวนอกโปรแกรมอย่าง The Walt Disney Family Museum ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของสะพานโกลเดนเกท ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ไม่เล่าไม่ขยายบอกคงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปี 2019 นี้เป็นปีครบรอบ 1 ทศวรรษของการเปิดพิพิธภัณฑ์ด้วย

      วอลเตอร์ อีเลียส ดิสนีย์ (Walter Elias Disney) เกิดวันที่ 5 ธันวาคม 2444 และถึงแก่กรรมในวันนี้ 15 ธันวาคม เมื่อปี 2509 เชื่อว่าไม่มีใครบนโลกใบนี้ที่รักการดูการ์ตูนจะไม่รู้จักชื่อของวอลท์ ดิสนีย์ เพราะเขาเป็นผู้สร้างผลงานการ์ตูนที่แพร่หลาย และประสบความสำเร็จมากที่สุดของโลกคนหนึ่ง เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท วอลท์ ดิสนีย์ และสร้างภาพยนตร์การ์ตูนสีเป็นคนแรก   

      เขาได้ชื่อว่าเป็นราชาการ์ตูนโลก ผู้ให้กำเนิด มิคกี้เมาส์, พิน็อคคิโอ้, สโนไวท์ และตัวการ์ตูนขวัญใจเด็กๆ ทั้งโลก แต่ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ทำให้รู้เส้นทางของเขาที่มิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเลย ในทางตรงกันข้ามเพราะเขาถูกหักหลังอย่างเจ็บปวดจากการ์ตูนตัวแรกในชีวิตของเขา คือ กระต่ายน้อยที่ชื่อว่า Oswald the Lucky Rabbit ทำให้เจ้าหนูหัวโตหูใหญ่อย่าง มิคกี้เมาส์ กำเนิดขึ้นและกลายเป็นอมตะจนทุกวันนี้

      ไฮไลต์เส้นทางชีวิตเป็นเรื่องที่ต้องมี และส่วนใหญ่ก็จะเห็นทางโลกโซเชียลต่างๆ อยู่แล้ว รวมทั้งเรื่องราวของการก่อสร้างดิสนีย์แลนด์ ซึ่งตอนนี้มีผุดไปทั่วโลกทั้งในยุโรปและเอเชีย แต่ในพิพิธภัณฑ์นี้จะมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าทึ่ง แม้จะไม่ใช่ไฮไลต์ แต่มันบ่งชี้ว่า โลกจินตนาการนั้นไม่มีคำว่า เสร็จ!! ตราบเท่าที่เรายังมีความฝัน

      “Disneyland will never be completed, as long as there’s imagination left in the world.” นี่เป็นคำตอบหนึ่งของวอลท์ ดิสนีย์ เมื่อเขาโดนสื่อจวกแหลกในประเด็นที่ Disneyland เปิดตอนสร้างยังไม่เสร็จ เหมือนกับบนฝาผนังในพิพิธภัณฑ์ที่เขียนเตือนใจไว้ว่า " You can dream,create,design and build most wonderful place in the world, but it requires people to make the dream a reality" 

      ต้องยกนิ้วกดไลค์ว่า สถานที่นี้สวยงามและสะอาด มีเทคโนโลยีอันทันสมัยที่จะพาเรากลับเข้าไปสู่อดีต และบอกเหตุผลความเป็นมาของอาณาจักรดิสนีย์ แต่เหนือสิ่งอื่นใดแล้ว มันคือสถานที่สร้างแรงบันดาลใจได้อย่างดีเยี่ยม

      ถ้าใครมีโอกาสไปซานฟรานฯ ล่ะก็ ลองมองหาเวลาไปเดินเที่ยวที่นั่นสักครั้งนะคะ และขอบอกว่าส่วนที่โดนใจมากถึงมากที่สุด คือ การ์ตูนที่สะท้อนความรู้สึกเมื่อถึงวันลาจากไปอย่างไม่มีวันกลับของวอลท์ ดิสนีย์ค่ะ

      มีใครสักกี่คนเคยเห็นบ้าง?!? ในเมื่อเราจดจำได้แต่หน้าตาระบายยิ้มสนุกสนานของมิคกี้เมาส์และผองเพื่อน..

 

      แต่วันที่ 15 ธันวาคม 1966 เป็นครั้งแรกที่มีการบันทึกว่า ..วอลท์ ดิสนีย์ ..ทำให้ทุกคนร้องไห้แม้กระทั่งการ์ตูน.

                                                      "ปิยสาร์"