“อิสรภาพแห่งความคิด” storage.thaipost.net แก้ไขแล้ว! จาก “ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่” มาเป็น “ทำอย่างไรให้ประชาชนมีความรู้ความเท่าทันโลกที่เปลี่ยนแปลง” สำหรับประเด็นร้อนในช่วงวันหยุด กรณีหนังสือเชิญประชุมที่ออกโดยสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดขอนแก่น เลขที่ ขก.0023.1/7063 เพื่อเตรียมการต้อนรับนายกรัฐมนตรี ในการประชุม ครม.สัญจร และลงพื้นที่ตรวจราชการ ที่ลงนามโดย “สุชัย บุตรสาระ” รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ...0 คำว่า “โง่” โผล่ในหนังสือราชการ ว่าหนักหนาสาหัสแล้ว ทว่าบริบทของคำที่เป็นลักษณะการดูถูกประชาชน ตรงนี้โดนสังคมบริภาษกันยับ แทบจะรับกันไม่ได้ แม้จะมีการเปลี่ยนคำให้ดูดีในภายหลัง แต่คิดว่ามันคงสายไปเสียแล้วล่ะ เพราะงานนี้ต้องมีคนรับผิดชอบความผิดพลาดที่เกิดขึ้นแน่นอน และไม่ว่า เรื่องนี้จะเป็นการ “วางยา” หรือ “ผิดพลาด” จริงๆ เป็นเรื่องที่ต้องไปสืบสาวหาความจริงกันต่อไป ไม่น่าจะใช่เรื่องยาก เพราะแต่ละหน่วยงานทราบดีว่า ขั้นตอนการทำหนังสือราชการจะต้องผ่านขั้นตอน และใครบ้าง เมื่อเห็นคนทำ คนคิด น่าจะรู้เจตนา! ...0 จริงๆ มันไม่น่าเกิดอะไรแบบนี้ เพราะมันเป็นเรื่องที่ต้องเน้นเป็นพิเศษ เนื่องจากเรื่องทำนองนี้เพิ่งจะเกิดขึ้นที่ จ.จันทบุรี กรณีของนายวิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าฯ เมืองจันท์ ที่อยู่ระหว่างตั้งคณะกรรมการสอบสวน จากการใช้คำผิดในหนังสือเตรียมการต้อนรับคณะของนายกฯ ในการลงพื้นที่ ครม.สัญจร มาแล้วครั้งหนึ่ง โดย “ปลัดฉิ่ง” นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กำชับหน่วยงานราชการในสังกัดทั่วประเทศให้ระมัดระวังไปแล้ว แต่มันกลับเกิดขึ้นอีก ตกลงที่สั่งไปไม่ได้รับการตอบสนอง หรือไม่ได้สั่งแบบจริงจัง! ...0 เรื่องนี้มันสะท้อนให้เห็นระบบการทำงานของข้าราชการไทยบางคน โดยเฉพาะหัวหน้าส่วนราชการ เวลาลงนามในหนังสือ หรือเอกสารอะไร มักไม่ค่อยอ่านกันก่อน สักแต่ว่าเซ็นๆ ในฐานะมีอำนาจเท่านั้น กรณีนี้เช่นเดียวกัน ต่อให้รองผู้ว่าฯ ไม่เกี่ยวข้อง แต่ในฐานะที่เป็นคนลงนาม ไม่ได้เห็นคำว่า “โง่” จริงๆ หรือ? ยกเว้นไม่ได้อ่าน แล้วเซ็นผ่านๆ มาแบบนั้น จนเกิดเรื่องแล้วค่อยรู้? ...0 ออกมาตีปาก “สมชาย แสวงการ” สมาชิกสภานิติบัญญัติชาติ (สนช.) กันเพียบ กรณีระบุถ้าจะให้ยื่นตีความร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มา ส.ส. พรรคการเมืองต้องลงสัตยาบันให้เลื่อนเลือกตั้งออกไปอีก 3 เดือน สำหรับบรรดานักการเมือง เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่จะเอาเงื่อนไขนี้มาพูด ในเมื่อการจะยื่นหรือไม่ยื่นควรจะยึดหลักเหตุผลด้านกฎหมายเป็นหลัก การกลัวประชาชนจะด่าว่าจ้องจะขยับโรดแมป หากมีการยื่นกฎหมายที่มา ส.ส.อีกฉบับ มันเป็นตรรกะที่ไม่ถูกต้องสักเท่าไหร่ เพราะการไม่ชัวร์เรื่องความถูกต้องตามกฎหมายน่าจะเป็นสิ่งสำคัญกว่า ในเมื่อสมาชิก สนช.บางคนระบุว่า ระดับซือแป๋กฎหมาย “มีชัย ฤชุพันธุ์” ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ท้วงมา ใครจะมิกล้าฟัง จึงเป็นที่มาของการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. แล้วไฉนไม่ยื่นกฎหมายที่มา ส.ส.ไปอีกฉบับ เพราะ “ประธาน กรธ.” ก็แสดงความกังวลมาทั้ง 2 ฉบับนี่หน่า!

การอ้างว่า สนช.เห็นว่า กฎหมายที่มา ส.ส.ไม่มีอะไรจะขัดต่อรัฐธรรมนูญจึงไม่ส่งให้ศาลตีความ แสดงว่า สนช.ก็มั่นใจในตัวเองตอนลงมติ แล้วเหตุใดไม่ใช้หลักคิดนี้กับกฎหมายที่มา ส.ว.บ้าง ในเมื่อผ่านมติ สนช.มาท่วมท้นทั้งคู่ อีกอย่างเรื่องโรดแมปนั้น ก่อนหน้านี้รัฐบาลและ สนช.เอง ได้เผื่อเวลากรณีนี้ไว้หมดแล้ว ถามว่ามันจะเลยจากนั้นไปได้อย่างไร ยกเว้นมีอะไรมากกว่านี้หรือเปล่า ...0 “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คงยิ้มหน้าบาน หลังศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง อยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ตามกฎหมายการเลือกตั้งปัจจุบัน (ครั้งที่ 1) ซึ่งสำรวจประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ 1,250 หน่วยตัวอย่าง พบว่า อันดับ 1 คือ “ลุงตู่” ชนะทั้ง “ออเจ๊” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จากพรรคเพื่อไทย และ “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หลังก่อนหน้านี้คะแนนนิยมด้านต่างๆ ลดลงฮวบฮาบ จนถูกมองว่าเป็นช่วง “ขาลง” คะแนนออกมาแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะมีผลต่อการตัดสินใจเลือกสูตรไหน ระหว่าง “นายกฯ คนนอก” หรือ “นายกฯ จากบัญชีพรรคการเมือง” เพราะก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวลือว่า “พรรคพลังประชารัฐ” ที่จะเทียบเชิญไปเป็นประธานที่ปรึกษา อาจเป็นพรรคที่ตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับ กรณี “ลุงตู่” เปลี่ยนสูตร ไม่เดินทางลัดไปเป็นนายกฯ อีกสมัย.