ศาลยกฟ้องผู้ชุมนุม กลุ่มอยากเลือกตั้ง ไล่คสช.หน้ากองทัพบก


เพิ่มเพื่อน    

26 ธ.ค. 62 - ที่ห้องพิจารณาคดี 407 ศาลแขวงดุสิต ถ.นครไชยศรี ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 1229/2561 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษคดีแขวง 3 (แขวงดุสิต) เป็นโจทก์ฟ้องนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล กับพวกกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง (ชุด ARMY57 กรณีชุมนุมเดินขบวนไปหน้ากองทัพบก) รวม 44 คน เป็นจำเลยที่ 1-44 ฐานร่วมกันมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมืองที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปโดยไม่ได้รับอนุญาต

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง 44 ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายคือวันที่ 24 มี.ค. 2561 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยร่วมกับพวกที่แยกสำนวนดำเนินคดีที่ศาลอาญาและพวกที่ยังไม่ได้นำตัวมาฟ้อง อีกประมาณ 350 คน ร่วมกันชุมนุมทางการเมือง มีวัตถุประสงค์ปราศรัยแสดงความคิดเห็นเรียกร้องให้ยุบคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยนัดรวมตัวกันที่สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยไม่ได้รับอนุญาตและกีดขวางการจราจร และ น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว จำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะ ในการชุมนุมดังกล่าว ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ เกิดการขัดขวางต่อประชาชนที่จะใช้ทางสาธารณะ ขอให้ลงโทษตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 3/2558 เรื่องรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติลงวันที่ 1 เม.ย. 2558 ข้อ 12 พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 มาตรา 6,5(2),(4),16(1),(8),18,28,30,31 พ.ร.บ.การจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 108,114,148 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ,91

วันนี้ นายเนติวิทย์และจำเลยทั้ง 44 คน เดินทางมาฟังคำพิพากษา พร้อมทีมทนายความและบุคคลใกล้ชิดที่มาให้กำลังใจจำนวนหนึ่ง

ภายหลังฟังคำพิพากษา น.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ให้สัมภาษณ์ว่า โดยสรุปวันนี้ ศาลพิพากษายกฟ้องในส่วนที่เป็นผู้ชุมนุมทั้งหมด โดยศาลเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่มีพยานมายืนยัน มีเหตุแห่งความสงสัยว่าแต่ละคนมาชุมนุมอยู่จุดไหนอย่างไร มีการเคลื่อนขบวนหรือไม่ มีการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างไร ซึ่งพยานโจทก์ไม่มีใครยืนยัน ดังนั้น ศาลเลยยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับจำเลย พิพากษายกฟ้องผู้ชุมนุมทั้งหมด

ในส่วนของ น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด ในฐานะที่เป็นผู้แจ้งการชุมนุมและเป็นผู้จัดการชุมนุม ศาลเห็นว่าเป็นผู้จัดมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลการชุมนุมให้เรียบร้อย และเลิกการชุมนุมตามกำหนดเวลา พิพากษาลงโทษปรับ น.ส.ชลธิชา ในฐานะเป็นผู้จัดการการชุมนุม เป็นเงินจำนวน 1,000 บาท ซึ่งแยกกันกับในส่วนของผู้ชุมนุม อย่างไรก็ตาม ทางผู้จัดได้มีการดูแลผู้ชุมนุมแล้ว แต่เกิดจากปัจจัยที่เจ้าหน้าที่มารบกวนการชุมนุม จึงทำให้เกิดความล่าช้าไปบ้าง

ด้าน น.ส.ชลธิชา กล่าวว่า ยืนยันว่าการชุมนุมในคดีนี้ เราทำขบวนการทางกฎหมายเรียบร้อยและเป็นการชุมนุมที่ชอบด้วยกฎหมาย มีการแจ้งการชุมนุมล่วงหน้า ซึ่งตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ มาตรา 19 กำหนดหน้าที่ของตำรวจไว้ว่าในกรณีที่มีการเดินบนเส้นทางการจราจรบนถนน ตำรวจมีหน้าที่จัดการจราจร และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ดังนั้น ข้อหาที่เราถูกกล่าวหาว่าไม่ดูแลการจราจร หรือทำให้เกิดผลกระทบกับคนอื่น จึงเป็นหนึ่งในกระบวนการที่เราต่อสู้ได้ อีกทั้ง พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ มาตรา 20 ระบุว่า ตำรวจต้องช่วยประชาสัมพันธ์เรื่องของการชุมนุมทั้งก่อน ระหว่างชุมนุม และหลังชุมนุม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้อื่น เราในฐานะผู้จัดการชุมนุมเราทำตามกฎหมาย แต่ก็สู้กันต่อว่าในระหว่างการชุมนุม การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจชอบด้วยกฎหมายมากน้อยเพียงใด โดยหลังจากนี้ อาจจะต้องขอคุยกับทนายความเพื่อยื่นอุทธรณ์ต่อ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"