อัยการขยับ!นัดแถลงเคลียร์ปมสั่งไม่ฟ้อง'ชัยวัฒน์-พวก' คดีหน่วงเหนี่ยวกักขัง-ฆ่าบิลลี่


เพิ่มเพื่อน    

24 ม.ค.63 - นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษสำนักงานคดีอาญา 3 ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงความคืบหน้าการสั่งคดีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อายุ 56 ปี ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ผอ.ทสจ.) ปัตตานี อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ระหว่างปี 2551-2557 กับลูกน้อง 3 คน ตกเป็นผู้ต้องหาคดีเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวทำร้าย และร่วมกันฆ่าอำพรางศพ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ อายุ 31 ปี นักเคลื่อนไหวชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย จ.เพชรบุรี ที่หายตัวไปตั้งแต่ปี 2557 ว่า จากที่ได้ประสานไปยังนายฐาปนา ใจกลม อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ตรวจสอบข้อมูลการสั่งคดีทราบว่า อัยการที่รับผิดชอบสำนวนคดีนี้ในรูปแบบคณะทำงานของอัยการ ได้พิจารณาพยานหลักฐานจากสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว ในสำนวนยังไม่ปรากฏพยานหลักฐานใดๆ ว่านายชัยวัฒน์กับลูกน้องได้ฆ่าบิลลี่ที่ไหน โดยวิธีการอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังไม่ปรากฏหลักฐานใดๆ ด้วยเช่นกันว่านายบิลลี่ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งระหว่างที่อ้างว่าบิลลี่ถูกกลุ่มของนายชัยวัฒน์ควบคุมตัวนั้น ฝ่ายภรรยาของบิลลี่ก็ได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดเพชรบุรี ขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายชัยวัฒน์ปล่อยตัวบิลลี่ ที่อ้างว่าถูกจับกุมเรื่องเก็บน้ำผึ้งป่า โดยการยื่นคำร้องครั้งนั้นผลเป็นที่สุดตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแล้วที่ให้ยกคำร้อง เนื่องจากมีพยานเห็นว่าบิลลี่ได้ออกมาแล้ว 

สำหรับพยานหลักฐานที่อ้างเป็นกระดูกของบิลลี่ ซึ่งมีการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้ว DNA ตรงกันกับบิลลี่นั้น ก็เป็นการตรวจสารพันธุกรรมพิสูจน์บุคคล แต่เมื่อในสำนวนยังไม่ปรากฏหลักฐานใดๆ ที่เพียงพอว่าบิลลี่เสียชีวิตแล้วหรือไม่ อย่างไร คณะทำงานอัยการจึงมีคำสั่งไม่ฟ้องนายชัยวัฒน์และลูกน้องในข้อหาร่วมกันฆ่าฯ โดยมีความเห็นสั่งฟ้องเพียงข้อหาเดียว ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 จากกรณีที่นายชัยวัฒน์จับกุมบิลลี่ที่อ้างว่าเก็บน้ำผึ้งป่าแล้วไม่ดำเนินคดี โดยในส่วนของกลุ่มลูกน้องนายชัยวัฒน์ ก็ให้สั่งฟ้องในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ซึ่งข้อหานี้กฎหมายกำหนดอัตราโทษไว้จำคุกตั้งแต่ 1- 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายประยุทธ รองโฆษกอัยการฯ กล่าวด้วยว่า สำหรับขั้นตอนจากนี้ อัยการก็ได้ส่งสำนวนกลับไปให้ดีเอสไอ พร้อมแจ้งความเห็นสั่งฟ้องและสั่งไม่ฟ้อง เพื่อให้อธิบดีดีเอสไอพิจารณาว่าจะเห็นแย้งความเห็นของคณะทำงานอัยการนี้หรือไม่ อย่างไร ซึ่งหากดีเอสไอยืนยันให้ฟ้องทุกข้อหาตามที่แจ้งในสำนวน ก็ต้องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาชี้ขาดตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ดี สำหรับคดีนี้ในรายละเอียด ตนได้เตรียมแถลงข่าวในวันจันทร์ที่ 27 ม.ค.นี้ ณ อาคารสำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก ในเวลา 10.00 น.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"