ประชาธิปไตย-เผด็จการกับโรคระบาด


เพิ่มเพื่อน    

                                               (1)

                อาทิตย์นี้...ก็ตรงกับช่วง เทศกาลตรุษจีน พอดิบ พอดี แต่สำหรับตรุษจีนปีนี้ โดยสีสัน บรรยากาศแล้ว ไม่น่าจะถึงกับคึกคักมากมายซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะสำหรับบรรดาจีนแท้ๆ หรือจีนบนผืนแผ่นดินใหญ่ โดยเฉพาะแถวๆ เมือง อู่ฮั่น เมืองที่ดังไม่น้อยไปกว่าเมือง เซี่ยงไฮ้ หรือ ปักกิ่ง เอาเลยทีเดียว แม้จะจัดเป็นเมืองใหญ่อันดับ 7 ของคุณพี่จีนเขาก็ตาม...

                                                      (2)

                ส่วนเหตุที่ทำให้ไม่คึกๆ คักๆ หรือเผลอๆ...ถึงขั้น หงอย ระดับ มอญไม่ร่าเริง เอาเลยก็ว่าได้ ก็ด้วยเหตุที่น่าจะทราบๆ กันไปแล้ว นั่นคือด้วยเหตุเพราะโรคระบาดจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ที่จะมีที่มาจาก งู หรือ ค้างคาว ก็แล้วแต่จะว่ากันไป แต่บรรดา นักท่องเที่ยว ชาวจีน ที่มักแห่กันไปไหนต่อไหน รวมทั้งแห่เข้ามาเมืองไทยเป็นกะตั๊กๆ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลตรุษจีน อาจต้องลดน้อยถอยลง หรือมาแบบ หงอยๆ เพราะอาจถูกจับตรวจโน่น ตรวจนี่ ส่องกล้อง ส่องอะไรต่อมิอะไร โดยเฉพาะรายที่มาจากเมือง อู่ฮั่น อันเป็นศูนย์กลางของโรคระบาดด้วยแล้ว เห็นว่าถูกกักไว้ในบ้านเราบ้างแล้วบางราย รวมทั้งที่ญี่ปุ่น อเมริกา ฯลฯ เพราะอาจถือเป็น พาหะ ในการนำโรคระบาดดังกล่าว อะไรประมาณนั้น...

                                                      (3)

                แต่ไม่ว่าชาวจีน ชาวไทย ไทยเชื้อสายจีน หรือเชื้อสายอะไรก็แล้วแต่...ก็อย่าถึงกับต้องไปตื่นเต้น ตกใจ อะไรกันมากมาย เพราะเท่าที่ฟังๆ ดู มันคงไม่ถึงกับหนักเหมือนครั้งไวรัส โรคซาร์ส ที่เคยระบาดอยู่ในเมืองจีนเมื่อหลายต่อหลายสิบปีที่แล้ว ซึ่งครั้งนั้นก็ใช้เวลาไม่ช้า-ไม่นาน ก็สามารถ เอาอยู่ ได้ไม่ยาก ส่วนครั้งนี้...อาจด้วยเหตุเพราะเคยมีประสบการณ์มามั่งแล้ว ทางการจีนเขาเลย คุมเข้ม ชนิดน่าจะอยู่หมัด อยู่มวยจีน ได้อีกไม่นานนับจากนี้ คือถึงขั้นสั่ง ปิดเมืองอู่ฮั่น และพื้นที่บริเวณใกล้เคียง ชนิดคนในไม่ให้ออก-คนนอกไม่ให้เข้า เอาเลยถึงขั้นนั้น ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว ไม่ท่องเที่ยว ประชากรชาวอู่ฮั่นจำนวนประมาณ 11 ล้านคน ต้องถูกกักเอาไว้ในเมืองจนกว่าจะหมดเรื่อง หมดราว...

                                                      (4)

                แถมแม้แต่เมืองหลวง...อย่างกรุงปักกิ่ง รัฐบาลจีนเขาถึงกับสั่งห้ามไม่ให้จัดงานเฉลิมฉลองตรุษจีนระดับใหญ่ๆ โตๆ หรือระดับเอิกเกริก ที่จะทำให้ผู้คนต้องเข้าไปแออัด ยัดเยียด เป็นเด็ดขาด กระทั่งสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต่างประเทศผู้ไปเที่ยวเมืองจีน ชอบไปกันเป็นพิเศษ พอๆ กับที่นักท่องเที่ยวจีน ชอบไป วัดร่องขุ่น ของ พระอาจารย์เฉลิมชัย อะไรทำนองนั้น คือ พระราชวังต้องห้าม ก็ยังถูกสั่งห้าม ถูกปิดบริการไปซะอีกต่างหาก ส่วนบรรดาสถานที่ที่ผู้คนมักชอบเข้าไปแออัด ยัดเยียด เช่น สถานบันเทิงทั้งหลาย ไม่ว่าโรงหนัง โรงละคร บาร์ อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ฯลฯ ต่างถูกห้าม ถูกปิดซะแทบเกลี้ยง ด้วยมาตรการคุ้มเข้ม แบบเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด เช่นนี้ โอกาสจะ เอาอยู่ ในช่วงระยะเวลาไม่นาน จึงค่อนข้างเป็นไปได้สูงเอามากๆ...

                                                     (5)

                คือด้วยเหตุเพราะความเป็น เผด็จการ ของคุณพี่จีนเขานั่นแหละ...ที่ทำให้อะไรมันดูง่าย ดูเรียบร้อยเบ็ดเสร็จ โดยไม่ต้องเสียเวลาปวดเศียร เวียนเกล้า มากมายซักเท่าไหรนัก อย่างประเภทเรื่อง ฝุ่นพิษ หรือ ฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ที่ก่อให้เกิดเสียงโหวกเหวก โวยวาย อยู่ในบ้านเราช่วงนี้ แต่ก็ด้วยความเป็นเผด็จการของคุณพี่จีนเขานั่นเอง ที่ทำให้กรุงปักกิ่งซึ่งเคยเต็มไปด้วยมลพิษ มลภาวะ เต็มไปด้วย ฝุ่นพีเอ็ม 2.5 มากกว่าบ้านเราไม่กี่เท่าต่อกี่เท่า สามารถ หายเกลี้ยง ไปในระยะเวลาอันรวดเร็ว ด้วยมาตรการสั่งปิดโรงงานกันเป็นหมื่นๆ แสนๆ ห้ามรถราวิ่งเข้า-วิ่งออกในระยะที่กำหนด และอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะมากมาย ที่คงนำมาใช้ในเมืองไทยแทบไม่ได้ โดยเฉพาะในยุคที่ต้องหวนกลับมาเป็น ประชาธิปไตย กันอีกรอบ...

                                                     (6)

                แต่ด้วยความเป็น เผด็จการ แบบจีนๆ นั่นเอง...ไม่เพียงแต่เชื้อโรค มลพิษ จะถูกขจัดกวาดล้างชนิดไม่มีโอกาสเงยหน้า อ้าปาก ยังสามารถนำไปตกแต่ง เพิ่มเติม ให้เกิด เมืองป่า เมืองแห่งการอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือ อารยธรรมแห่งนิเวศ อุบัติขึ้นมาในประเทศจีน อย่างน่าทึ่ง น่าประทับใจเอามากๆ ไม่ต่างไปจากการอาศัยความเป็นเผด็จการ ดลบันดาลให้บรรดาคนยาก-คนจนในเมืองจีน ที่เคยต้องกินดิน กินหญ้า หรือแม้กระทั่งกินเนื้อมนุษย์ด้วยกันเอง จำนวนถึง 800 ล้านคน สามารถยกระดับตัวเองกลายเป็นผู้พ้นไปจาก เส้นมาตรฐานความยากจน ของสหประชาชาติ ชนิดบรรดาประเทศประชาธิปไตยได้แต่มองตากันปริบๆ เพราะ ความเป็นเผด็จการที่ยึดโยงอยู่กับประชาชน มาตั้งแต่ยุคการปฏิวัติคอมมิวนิสต์ของจีนเขา มันกลายเป็นอะไรที่มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล สูงกว่า ความเป็นประชาธิปไตยที่ยึดโยงอยู่กับการหลวงประชาชน ไม่รู้จะกี่เท่า ต่อกี่เท่า...

                                                      (7)

                ยิ่งในโลกยุค โลกาภิวัตน์ ด้วยแล้ว...ที่ความดี-ความเลว มันสามารถลอดรัฐ ข้ามรัฐ ข้ามเส้นเขตแดน พรมแดน ได้ไม่น้อยไปกว่าเชื้อโรค หรือโรคระบาด และส่วนใหญ่มักหนักไปทางความเลว หรือหนักไปทาง กิเลส นั่นแหละเป็นหลัก ก็ยิ่งทำให้ ความเป็นประชาธิปไตย มันถูกลดทอนประสิทธิภาพลงยิ่งขึ้นไปเท่านั้น เพราะอย่างที่ ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านว่าเอาไว้นั่นแหละว่า ประชาธิปไตย...จะใช้ได้ผล (หรือมีประสิทธิภาพ) ก็ต่อเมื่อประชาชนมีศีล มีธรรม ดังนั้น...เมื่อโลกยุคโลกาภิวัตน์มันกลับทำให้ประชาชนเต็มไปด้วยกิเลสหนักขึ้น หนาขึ้น เผด็จการที่เป็นธรรม จึงอาจกลายเป็นสิ่งที่เหมาะสม สอดคล้อง กับความเป็นไปของโลกหรือไม่ อย่างไร ก็ยังไม่แน่??? อันนี้...คงต้องเก็บเอาไปคิดเป็นการบ้าน ในช่วงวันหยุดตรุษจีนกันดูก็แล้วกัน...

                             ----------------------------------------------------------------

              


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"