แค่ต้นปีก็หนักแล้ว


เพิ่มเพื่อน    

 

ปี 2019 ที่ผ่านมา นับเป็นปีที่ยากลำบาก แสนสาหัสสำหรับเรื่องเศรษฐกิจ และปากท้องในบ้านเรา  การเจอภาวะสงครามการค้า เศรษฐกิจโลกหดตัว ค่าเงินบาทแข็ง การส่งออกที่โตติดลบ ซึ่งในปีก่อนมีพระเอกเพียงตัวเดียว คือ การท่องเที่ยว ที่ยังคงนำเงินเข้าประเทศไทยได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ

                ดังนั้น เมื่อปี 2019 ผ่านไป หลายๆ คนก็คาดหวังว่าปี 2020 จะดีขึ้น เพราะสถานการณ์เรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเริ่มคลี่คลาย และจะเป็นปีแรกที่รัฐบาล  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้บริหารประเทศแบบเต็มปี  และคงจะมีมาตรการกระตุ้นออกมามากมาย โดยเฉพาะการผลักดันโครงการลงทุนต่างๆ ผ่านงบประมาณ

                แต่แค่ยังไม่พ้นเดือน ม.ค. เศรษฐกิจไทยก็เผชิญวิกฤติระลอกแล้ว ระลอกเล่าเข้ามากระทบ เริ่มตั้งแต่การประกาศศึกระหว่างอิหร่านและสหรัฐอเมริกา ซึ่งแม้ว่าเหตุการณ์ยังไม่มีความรุนแรงและบานปลาย แต่มันไม่ใช่เครื่องที่การันตีได้ว่าอนาคตจะมีเหตุการณ์ตอบโต้ชนิดช็อกโลกอีกหรือไม่

                ยังไม่พอ ความหวังเรื่องการลงทุนภาครัฐ ที่เอกชนความตั้งหวังไว้ จะเริ่มเห็นตั้งแต่เดือน ก.พ.เป็นต้นไป ล่าสุดก็เกิดอาการสะดุด จากกรณีเสียบบัตรแทนกัน จนอาจจะทำให้กฎหมายงบประมาณกลายเป็นโมฆะ ซึ่งจากนี้จะต้องมีการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า กรณีดังกล่าวส่งผลในแง่ใดบ้าง แต่ที่แน่ๆ ตัวงบประมาณปี 63 ก็ต้องเลื่อนออกไปอีก อย่างน้อยก็อีกเป็นเดือน

                ด้วยภาวะดังกล่าว ทำให้เศรษฐกิจไทยเหลือที่พึ่งเพียงตัวเดียว ซึ่งก็เป็นพระเอกของปีที่แล้ว นั้นก็คือการท่องเที่ยว แต่ดูเหมือนในปีนี้พระเอกของเราจะเจอตัวโกงที่เป็นอุปสรรคใหญ่เสียแล้ว เพราะอยู่ดีๆ ประเทศจีน ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของโลกในยุคปัจจุบัน กำลังเผชิญปัญหาความร้ายแรงทางด้านสาธารณสุข นั้นก็คือการระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 จนทำให้ทางการจีนจำเป็นต้องชัตดาวน์ประเทศ สั่งประชาชนหยุดเดินทางออกประเทศ ซึ่งเรื่องดังกล่าวย่อมส่งผลต่อธุรกิจท่องเที่ยวทั้งไทยและทั่วโลก

                โดยจากการประเมินของ อ.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในขณะนี้มีกังวลมากขึ้นและมีมุมมองว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้มีโอกาสมากขึ้นเป็นลำดับที่จะขยายตัวย่ำแย่กว่าปีที่แล้ว ซึ่งขยายตัวเพียง 2.5-2.6% โดยปัจจัยเสี่ยงที่กังวลมากที่สุดคือ งบประมาณปี 2563 ล่าช้าไปกว่าแผนเดิมที่เคยกำหนดไว้ที่จะนำมาใช้ได้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยอาจล่าช้าไปอย่างน้อยกว่าเดิม 3 เดือน คือนำมาใช้ได้ในช่วงเดือนพฤษภาคม ถ้าเป็นไปตามนี้เศรษฐกิจไทยคงยังไม่เสียอาการ แต่อาจทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจต่ำกว่าเดิม ซึ่งในปีนี้ศูนย์พยากรณ์ฯ คาดไว้โดยจะโตต่ำกว่า 2.8% แต่ถ้าเกิดปัญหาทางการเมืองบานปลายจนอาทำให้เกิดการยุบสภา จะทำให้เศรษฐกิจไทยหนักและเหนื่อย อาจส่งผลให้ปีนี้โตต่ำกว่า 2.5% มาก

                ขณะที่ นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป สถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ผลกระทบของการแพร่ระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ไวรัสโคโรนา จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 80,000-120,000 ล้านบาทหายไป หากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ภายในต้นเดือนมีนาคม หากไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทยและเอเชียได้ขณะนี้ ในเบื้องต้นจะทำให้นักท่องเที่ยวจีนในปีนี้ลดลงประมาณ 1-2 ล้านคน และนักท่องเที่ยวจากต่างชาติลดลงไม่ต่ำกว่า 2% ของเป้าหมาย แค่เดือนแรกในปีหนูทองก็ส่อเค้าถึงความยากลำบากต่อการทำมาหากินในปี 2020 แน่นอน.

ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"