กลุ่มหน้ากากขาวจี้ลงโทษร้านเหล้าร้อยเอ็ดปล่อยเด็ก 216 คนมั่วสุม


เพิ่มเพื่อน    

30 ม.ค.63 - นายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา นายชูวิทย์ จันทรส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ นำกลุ่มเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เครือข่ายนักกฎหมายเพื่อเด็กและเยาวชน และนักศึกษากว่า30 คน สวมหน้ากากขาว เข้ายื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านทางนายสมพาส นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้บังคับใช้กฎหมายสถานหนัก ต่อผู้ประกอบการร้านเหล้าชื่อดังกลางเมืองร้อยเอ็ด ที่ทำผิดกฎหมาย และขอให้ตรวจสอบ เอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องฐานปล่อยปละละเลย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

นายชูวิทย์ กล่าวว่าจากกรณีเจ้าพนักงานชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สถานบริการ 2 แห่ง ได้แก่ ร้านบูซเซอร์ (BOOZER) และร้านโดรน คลับ (DRONE CLUB) ตั้งอยู่ ต.เหนือเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา พบการกระทำผิดกฎหมาย ปล่อยให้เด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการทั้งสองร้านมากถึง 216 คน มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี และพบยาเสพติด รวมถึงเปิดเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นการกระทำผิดของผู้ประกอบการสถานบริการอย่างชัดเจน และกรณีนี้อาจมีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลสถานบริการให้เป็นไปตามกฎหมาย ปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิด

“เป็นการทำผิด ไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับ ไม่คำนึงต่อผลกระทบทางสังคมโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน หวังเพียงผลประโยชน์ทางธุรกิจ กรณีนี้ถือว่าทำผิด ต่างกรรมต่างวาระ เหมารวมว่าเป็นกรรมเดียววาระเดียวไม่ได้ ผู้ประกอบการมีความผิดตามพ.ร.บ.ความคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 และคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 22/2558 ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องอาจเข้าข่ายปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิด ซึ่งจะต้องถูกดำเนินการตาม คําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 69/2557 ซึ่งเราทราบว่าทั้งสองร้านเป็นของบิ๊กเนมในจังหวัด ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่ไม้กล้าทำอะไร จนเป็นเหตุให้ส่วนกลางต้องลงไปจัดการ” นายชูวิทย์ กล่าว

ด้าน นายคำรณ กล่าวว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า หลายเดือนที่ผ่านมาบรรดาร้านเหล้าผับบาร์ ทำผิดกฎหมายกันมากขึ้น คำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 ดูเหมือนจะอ่อนลง และเราพบว่ามีการปล่อยข่าวถึงขนาดว่ากฎหมายฉบับนี้ถูกยกเลิกไปแล้วก็มี  ซึ่งไม่เป็นความจริง กระทรวงยุติธรรมซึ่งเป็นแม่งานหลักของคำสั่งนี้คงต้องเร่งขันน๊อตการทำงานและประชาสัมพันธ์ให้หนักขึ้น เพราะคำสั่งฉบับนี้ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของท่านนายกประยุทธ์ ที่สังคมรับรู้และพึงพอใจ ซึ่งในกรณีนี้หากพบว่าทั้งสองร้านอยู่ในพื้นที่โซนนิ่งก็ต้องถูกสั่งปิดเป็นการถาวร แต่หากอยู่นอกพื้นที่โซนนิ่งก็จะถูกสั่งปิด 5 ปี   

“เครือข่ายฯ มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงขอแสดงจุดยืนและมีข้อเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ดังนี้ 1.ขอให้ดำเนินคดีสถานบริการทั้งสองแห่ง โดยลงโทษเรียงกระทงความผิดไป และลงโทษสถานหนักเพื่อมิให้ผู้ประกอบการสถานบริการรายอื่นเอาเยี่ยงอย่าง 2.ตรวจสอบและเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ว่ามีการปล่อยปละละเลย  หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ 3.ขอให้นากรัฐมนตรีมีคำสั่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด และประธานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จังหวัด ให้มีมาตรการเชิงรุกป้องกันแก้ไขปัญหานี้อย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์  มิใช่แค่จัดประชุมเพียงปีละครั้งพอเป็นพิธี ไม่สนองตอบนโยบายของรัฐบาลในการปกป้องเด็กและเยาวชน และ4.ขอบคุณรัฐบาล และให้กำลังใจการทำงานชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ที่มีการปฏิบัติงานอย่างเข้มงวดและจริงจัง” นายคำรณ กล่าว  


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"