สัปดาห์แห่งความสับสน อลหม่าน


เพิ่มเพื่อน    

                                                       (1)

        สัปดาห์ที่ผ่านมา...จะเรียกว่าเป็น สัปดาห์ของไวรัสอู่ฮั่น ก็คงพอได้ เพราะไม่ว่าทีวี หนังสือพิมพ์ และโดยเฉพาะโซเชียลมีเดียนั่นแหละตัวหลัก ที่หยิบเอาเรื่องโรคระบาดเมืองจีน มาโพสต์ มาแชร์ มาอัพเดต รวมทั้งมาใช้เป็นเงื่อนไขในการติโน่น ตินี่ ด่าโน่น ด่านี่ จนกลายเป็นอะไรที่น่าปวดเศียร เวียนเกล้า น่าเกลียดและน่ากลัวซะยิ่งกว่า ไวรัส ไม่รู้กี่เท่า ต่อกี่เท่า...

                                                      (2)

        คือยุคก่อนๆ นั้น...ไม่น่าจะหนักเท่านี้ แต่มาถึงยุคนี้ สมัยนี้ อาจเป็นเพราะอุปกรณ์เทคโนโลยี เครื่องมือสื่อสาร ที่ไม่ต่างไปจากอาวุธในมือของใครต่อใครแต่ละราย มันออกจะครบไม้ ครบมือ ก่อให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผล ได้แบบฉับพลัน-ทันที สิ่งใดก็ตามที่แวบเข้ามากระทบโสตสัมผัส หู-ตา-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจ ย่อมถูกนำไป ปรุงแต่ง ให้เป็นอะไรต่อมิอะไรไปตามความชอบ-ความชัง ความถูกใจ-ไม่ถูกใจ โดยอาศัย ความกลัว เรื่องโรคระบาดนั่นแหละเป็นพื้นฐาน...

                                                        (3)

        แม้ว่าโรคหวัด หรือโรคปอดอักเสบอู่ฮั่น...ดูๆ แล้วไม่ถึงกับ น่ากลัว มากมายซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะถ้านำไปเทียบกับโรคระบาดร้ายๆ อย่างอีโบลา หรือโรคเอดส์ อะไรทำนองนั้น คือถ้าหากสุขภาพพื้นฐานยังคงแข็งแกร่ง แข็งโป๊ก ก็อาจไม่ถึงกับ ตาย หรือบางรายก็พอเยียวยา รักษา ให้กลับไปนอนบ้าน ไม่รู้จะกี่รายต่อกี่ราย แต่ก็อย่างว่า...เรื่องของ สุขภาพ สำหรับคนยุคนี้ สมัยนี้ มันออกจะเป็นอะไรที่สำคัญเอามากๆ มีอะไรผิดท่า ผิดทาง ผิดปกติขึ้นมาเมื่อไหร่ ต้องวิ่งไปหาหมอเมื่อนั้น ขยันในการออกกำลังกาย กินอาหารเสริม อาหารเพื่อสุขภาพ พยายามใช้ชีวิตเหมือนผู้ที่หวังจะเป็นอมตะ หรือไม่คิดจะตาย เอาเลยถึงขั้นนั้น...

                                                      (4)

        ดังนั้น...อะไรที่มันไม่ถึงกับ น่ากลัว จนเกินเหตุ มันก็เลยสามารถก่อให้เกิด ความกลัว อย่างชนิดไร้เหตุ ไร้ผล ขึ้นมาจนได้ และเมื่อบวกเข้ากับอาวุธที่มีอยู่ในมือ คือบรรดาเทคโนโลยีการสื่อสารที่ก้าวหน้า ก้าวไกล ทั้งหลาย ความสับสน อลหม่าน ความระส่ำระสาย มันเลยแผ่ซ่าน ครอบคลุม ไปทั่วทั้งสังคมไทย สังคมโลก โดยเฉพาะ โลกเสมือนจริง อย่างแทบควบคุมไม่ได้ ยิ่งในแต่ละสังคม หรือแทบทุกๆ สังคมนั่นแหละ ย่อมประกอบไปด้วยคนดีและคนไม่ดี รวมทั้งคนที่ชอบ ฉวยโอกาส หยิบเอาสิ่งโน้น สิ่งนี้ มาตอบสนองความปรารถนาและต้องการของตน ผลประโยชน์ของตน ทุกสิ่งทุกอย่าง...มันเลย โกบิ๊ก ไปกันใหญ่ กลายเป็น สังคมไร้สติ เพราะผู้ที่ไม่คิดจะใช้สติใดๆ มันดันขยันโพสต์ ขยันแชร์ ซะเหลือเกิน...

                                                       (5)

        ภาพของความสับสน อลหม่าน เช่นนี้...จึงทำให้อดคิด อดจินตนาการ ไปถึงฉากเหตุการณ์ในอนาคตข้างหน้าขึ้นมามิได้ โดยเฉพาะถ้าดันเกิดเหตุการณ์ที่ร้ายกาจ ร้ายแรง ยิ่งไปกว่านี้ ประเภทเกิดสงครามนิวเคลียร์ หรือเกิดดาวหางดวงหนึ่ง ดวงใด ทำท่าว่าจะวิ่งชนโลกขึ้นมาจริงๆ เกิดผลกระทบจากสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงในระดับกลืนกินเกาะแก่ง ชายฝั่ง ขอบทวีป อย่างที่พวกนักวิทยาศาสตร์เขาคาดๆ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ฯลฯ บรรดาความสับสน อลหม่าน ทำนองนี้ มันจะยิ่งหนักหนา สาหัส ไปถึงขั้นไหน ก็ยังมิอาจสรุปได้ แต่โดยลักษณะอาการ...มันคงไม่ต่างไปจากฉากในหนังฮอลลีวูด หลายต่อหลายเรื่องนั่นแล...

                                                       (6)

        ปฏิกิริยา ที่ผู้คนมีต่อฉากสถานการณ์ต่างๆ ที่ถูกสะท้อนออกมาในหนังประเภทเขย่าขวัญ สั่นประสาท ในแต่ละเรื่องนั้น แม้จะไม่ใช่เรื่องจริง หรือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง แต่บางสิ่ง บางอย่าง ก็พอหยิบเอามาเป็นอุทาหรณ์ สอนใจ เป็นแง่คิด สะกิดใจ ได้พอสมควร เพราะท่ามกลางความตื่นเต้น ตกใจ หูแหก-ตาแหก ความกลัวระดับทำให้อุจจาระไหลย้อนกลับขึ้นไปถึงสมอง หรือขี้ขึ้นสมองอะไรทำนองนั้น บรรดานักสร้างหนังจำนวนไม่น้อย ก็ยังพยายามหันมาให้ความสำคัญกับอารมณ์ความรู้สึกบางอย่าง ที่มันสามารถอุบัติขึ้นมา ท่ามกลางฉากสถานการณ์ร้ายๆ ได้เช่นกัน เช่น ความรัก ความเมตตา ความห่วงใย สงสาร ความเอื้อเฟื้อ เอื้ออนาทร ต่อผู้อื่น อันเป็นสิ่งมีคุณค่า ราคา มากมายมหาศาล ภายใต้ฉากสถานการณ์ที่ใครต่อใครต่างหันมา เห็นแก่ตัว หรือต่างหวังจะเอาตัวรอดกันเป็นหลัก...

                                                      (7)     

        สำหรับในเรื่องจริง ชีวิตจริง...ระหว่างเกิดฉากเหตุการณ์ร้ายๆ ขึ้นมา จะมีใครที่สามารถประคับประคอง ดำรง รักษา อารมณ์ความรู้สึกชนิดนี้ เอาไว้ได้อย่างในหนังแต่ละเรื่องหรือไม่ อย่างไร ก็ยากที่จะสรุปได้ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ใครที่ไม่ได้เอาแต่หูแหก-ตาแหก ด่าโน่น ด่านี่ ออกอาการรังเกียจ เดียดฉันท์ใครก็ตาม ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประโยชน์เฉพาะตัว ฯลฯ แต่ยังพอหลงเหลืออารมณ์ ความรู้สึก ทำนองนี้ ติดปลายนวมเอาไว้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นหนัง หรือเป็นเรื่องจริง ก็คงต้องถือว่า...สมแล้วที่เกิดมาเป็น มนุษย์ เพราะได้แสดงออกถึง คุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ ให้พอได้รับรู้ สัมผัส ได้มั่ง...


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"