ฝุ่นจิ๋ว พีเอ็ม 2.5 ในกรุงเทพฯ ยังเกินค่ามาตรฐาน 18 เขต กทม.สั่ง 50 เขตทำความสะอาดเมือง ทั้งล้างผิวจราจร พ่นละอองน้ำพร้อมแจกหน้ากากอนามัย ด้านสระบุรี แม่ฮ่องสอน พุ่งถึง 81 
    เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์นี้ ศูนย์ประสานงานและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ กรุงเทพมหานคร กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยสรุปผลการตรวจวัดค่าฝุ่น PM 2.5 ช่วงเวลา 14.00 น. เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ของฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ตรวจวัดได้ 41-67 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ค่า PM 2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและยังคงมีค่าเกินมาตรฐาน จำนวน 18 เขต คือ เขตสัมพันธวงศ์ เขตวังทองหลาง เขตปทุมวัน เขตบางรัก เขตบางคอแหลม เขตยานนาวา เขตบางกะปิ เขตลาดกระบัง เขตบางกอกน้อย เขตภาษีเจริญ เขตบางเขน เขตบางขุนเทียน เขตพระนคร เขตคลองเตย เขตหลักสี่ เขตบึงกุ่ม เขตคลองสามวา และเขตสายไหม
    ดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลาง-เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ สำหรับผู้อยู่ในพื้นที่คุณภาพอากาศปานกลาง ประชาชนทั่วไปสามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ตามปกติ ส่วนผู้อยู่ในพื้นที่คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ให้ประชาชนทั่วไปในบริเวณที่มีมลพิษทางอากาศเกินมาตรฐานเฝ้าระวังสุขภาพ หากมีอาการเบื้องต้น เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ป่วยทางเดินหายใจ พร้อมใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากเกิดความจำเป็น
    ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้มอบหมายให้สำนักงานเขตดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อลดฝุ่นละอองสะสมในอากาศอย่างต่อเนื่อง อาทิ เขตลาดกระบัง ฝ่ายรักษาความสะอาดฯ ได้ดำเนินการล้างทำความสะอาดผิวจราจร ตั้งแต่บริเวณหมู่บ้านสุภาวรรณถึงหมู่บ้านศิรินทรา ถนนร่มเกล้า เขตดุสิต จัดเจ้าหน้าที่พร้อมรถบรรทุกน้ำล้างทำความสะอาด บริเวณพระลานพระราชวังดุสิต เขตธนบุรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสะอาดฯ ล้างทางเท้า ช่องตะแกรงรับน้ำฝน จุดนัดทิ้ง นัดเก็บมูลฝอย ฯลฯ บริเวณถนนอรุณอมรินทร์ ถนนประชาธิปกฝั่งขาเข้า และถนนอิสรภาพฝั่งขาเข้า เขตสะพานสูง จัดเจ้าหน้าที่ล้างทำความสะอาดผิวจราจร ทางเท้า ที่พักผู้โดยสาร พ่นละอองน้ำ บริเวณซอยนักกีฬาแหลมทอง 3-5 นอกจากนี้ได้ลงพื้นที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลป้องกันตนเองจากฝุ่น PM 2.5 และไวรัสโคโรนา พร้อมแจกหน้ากากอนามัย ตลอดจนการตั้งจุดตรวจจับควันดำรถยนต์
    ด้านสถานการณ์ฝุ่นควันในต่างจังหวัด กรมควบคุมมลพิษรายงานว่า ที่ ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ พีเอ็ม 2.5 อยู่ที่ 53 มคก./ลบ.ม., ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 62 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร 60, ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย 53, ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง 51, ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน 81, ต.วังเย็น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา 56, ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี 63, ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี 51, ต.ปลวกแดง อ.ปลวกแดง จ.ระยอง 56, ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง 53, ต.ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.ระยอง 59, ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง 58, ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี 67, ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา 59, ต.ปากน้ำโพ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ 55, ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี 71, ต.สนามชัย อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี 76, ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี 81, ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี 61, ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี 57
    กรมควบคุมมลพิษระบุว่า ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่งดการเผาในที่โล่ง เพื่อป้องกันการเพิ่มสูงขึ้นของฝุ่นละอองอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งนี้ สามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทางเว็บไซต์ http://air4thai.pcd.go.th/webV2 และแอปพลิเคชัน Air4Thai และสามารถติดตามข่าวสารการดำเนินงานแก้ไขปัญหาหมอกควัน 9 จังหวัดภาคเหนือได้ทาง www.pcd.go.th
    นอกจากนี้ กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า 9 จังหวัดภาคเหนือ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ อาทิ ระดมสรรพกำลังลาดตะเวนและดับไฟ จัดทำแนวกันไฟและบริหารจัดการเชื้อเพลิง ประชาสัมพันธ์เชิงรุกเข้าถึงประชาชน เพื่อสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วม Cr. กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองทัพภาคที่สาม ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ และ 9 จังหวัดภาคเหนือ.