เปิดแล้ว'สายตรงผบ.ทบ.'ลั่นเบอร์1สั่งการไม่มีปาหี่แน่


เพิ่มเพื่อน    

19 ก.พ.2563 - ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก (รอง ผบ.ทบ.)  แถลงรายละเอียดการเปิดสายด่วนให้กำลังพลร้องเรียนถึง ผบ.ทบ.ได้โดยตรงว่า จากนโยบายของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ที่ต้องการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของกำลังพลให้รวดเร็ว จึงได้จัดตั้งช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างกำลังพลกับ ผบ.ทบ. คือสายตรงแก้ไขปัญหาสำหรับกำลังพลกองทัพบก หมายเลขโทรศัพท์ 02-018-7330 หรือสายตรง ผบ.ทบ. โดยเป็นการดำเนินการจากผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก ในลักษณะคอลเซ็นเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมง มีสโลแกนว่า “ทุกเรื่องคือความลับ ทุกเรื่องถึง ผบ.ทบ.” 

ทั้งนี้ที่ผ่านมาระบบของกองทัพบกได้เปิดให้กำลังพลที่มีเรื่องเดือดร้อนสามารถร้องทุกข์ได้ ซึ่งในอดีตการร้องทุกข์จะดำเนินการได้โดยผ่านตามสายการบังคับบัญชา หากผู้บังคับกองร้อยไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้จนเป็นที่พอใจ สามารถร้องเรียนมายังผู้บังคับกองพันได้ หากยังแก้ไขปัญหาไม่ได้ก็ร้องเรียนมายังผู้บังคับการกรมตามลำดับจนถึงผบ.ทบ. แต่ปัจจุบันและสถานการณ์ต่างที่เกิดขึ้นสังคมรู้สึกว่า กำลังพลไม่ได้รับความเป็นธรรม ผบ.ทบ.จึงเปิดสายตรงเพื่อให้แจ้งความเดือดร้อนมาได้โดยตรง ถือเป็นมาตรการที่มีคุณภาพและวางใจได้ว่าทุกอย่างจะถูกเก็บเป็นความลับ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะรับเรื่องโดยผู้ร้องเรียนต้องระบุชื่อและสังกัดก่อนบันทึกเรื่องใส่ซองปิดผนึกส่งข้อมูลถึง ผบ.ทบ.โดยตรง ไม่มีใครทราบรายละเอียดดังกล่าว เป็นการรับประกันเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าเรื่องที่ร้องเรียนมาเป็นความลับอย่างแท้จริง

พล.อ.ณัฐพล กล่าวต่อว่า ขณะนี้ผบ.ทบ.ได้สั่งการให้ตนเองเดินสายชี้แจงกับหน่วยทหารทั่วประเทศ โดยพบปะผู้บังคับหน่วยตามลำดับชั้นจนถึงผู้บังคับกองพันเพื่อทำความเข้าใจกับนโยบายของ ผบ.ทบ. อีกทั้งเน้นย้ำเรื่องกำลังพลว่าผู้บังคับหน่วยต้องเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชา และต้องไม่ทำตัวเป็นเจ้าขุนมูลนาย ต้องใกล้ชิดกับผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้ในอดีตที่ผ่านมาระบบทหารจำเป็นต้องใช้ความเด็ดขาด เพื่อบังคับบัญชาการรบ แต่ปัจจุบันเราได้เพิ่มเติมเรื่องการเอาใจใส่ทุกข์สุขของผู้ใต้บังคับบัญชา ดังนั้นผู้บังคับบัญชาต้องไม่ทำตัวเป็นเจ้าขุนมูลนาย แต้ต้องมีความเด็ดขาดในภารกิจทหารเช่นเดิม ซึ่งปัจจุบันผู้บังคับบัญชาระดับสูงก็ปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างโดยการลดคณะผู้ติดตามให้เล็กลง มีความเป็นอยู่เรียบง่าย และอาศัยบ้านพักทหารอยู่กินกับกำลังพลแทนการไปพักที่โรงแรม ในขณะเดียวกันหากมีการปฏิบัติทางทหารก็ยังคงไว้ซึ่งความเด็ดขาด และต้องผสมผสานกัน เพราะเป็นยุคของคนรุ่นใหม่ จะนำระบบเดิมมาใช้ไม่ได้ แต่ทหารก็มีความจำเป็นที่ต้องใช้ระบบการบังคับบัญชา ไม่เช่นนั้นหากมีเหตุการณ์รบในอนาคตต้องมานั่งประชุมว่าจะรบดีหรือไม่ดี ทำเช่นนั้นคงไม่ได้ ต้องสั่งการให้ไปทันที อยากให้สังคมเข้าใจตรงนี้ กองทัพบกยืนยันว่ารับฟังเสียงสะท้อนจากสังคมที่มองว่าเป็นความเหลื่อมล้ำภายในกองทัพบก หรือระบบศักดินาหรือไม่ เราก็พยายามปรับตัวอยู่ สิ่งที่ทำได้ในเวลาราชการคือคงความเด็ดขาดในสายการบังคับบัญชา แต่นอกเหนือเวลานั้นจะผ่อนลงและเข้าไปสร้างความคุ้นเคยกับผู้ใต้บังคับบัญชา

“ยืนยันว่าการดำเนินการต่างๆ ไม่ใช่การปาหี่อย่างที่ถูกฝ่ายการเมืองกล่าวหา อะไรที่เริ่มต้นจากเบอร์ 1 เป็นเรื่องที่จริงจังทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องปาหี่แน่นอน ผมเข้าใจว่าสังคมอยากทราบว่าระบบสายตรง ผบ.ทบ. เวิร์กหรือไม่ ยืนยันว่าคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่เอกชนที่มีประสบการณ์ในการรับเรื่องและประมวลเรื่อง หากมีคนร้องเรียนมาเรื่องเดียวกันจำนวน 1-2 คนก็จะรับเรื่องไว้ แต้ถ้าเรื่องใดมีคนร้องเรียนมาประมาณ 100 คน ก็ควรได้รับการให้ความสำคัญ ในส่วนของผู้บังคับหน่วยที่มีความกังวลว่าอาจถูกใส่ร้าย ผบ.ทบ.ได้ให้นโยบายว่าไม่ต้องกังวล คนที่โตมาถึงระดับ ผบ.ทบ. หรือรอง ผบ.ทบ. มีดุลยพินิจพอว่าเรื่องใดเป็นการใส่ความ เรื่องใดเป็นเรื่องจริง เพราะผ่านระบบกลั้นกรองมาแล้ว จึงขอให้มั่นใจ” พล.อ.ณัฐพล กล่าว

พล.อ.ณัฐพล กล่าวอีกว่า เมื่อ ผบ.ทบ.ประเมินแล้วว่าเรื่องใดเป็นเรื่องจริงก็จะติดต่อไปยังผู้บังคับหน่วยนั้น เพื่อสอบถาม หากมีมูลความจริงก็จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ แต่ต้องยอมรับความจริงว่าเรื่องใดก็ตามที่ถูกนำมาพิจารณา ผู้ที่ถูกร้องเรียนก็จะสงสัยคู่กรณี ส่วนที่เป็นห่วงว่าผู้ถูกร้องเรียนจะถูกกลั้นแกล้งได้นั้นกองทัพบกมีระบบดูแลอยู่แล้ว โดยการย้ายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกไปก่อนเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการสอบสวน เช่นเดียวกับกรณีที่ ผบ.ทบ.สั่งย้ายผู้บังคับหน่วยในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 หลังเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น เพื่อเปิดทางการสอบสวนและผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถให้การได้อย่างอิสระ

“อยากเรียนไปถึงประชาชนว่าทุกเรื่องขึ้นอยู่กับทัศนคติ แต่อยากให้มั่นใจระบบของกองทัพบกว่ามีเจตนาดีและตั้งใจทำให้ดีที่สุด แต่หากเรื่องใดเกินอำนาจกองทัพบกก็จะส่งให้หน่วยงานภาคนอก เช่น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการ ทั้งนี้กองทัพบกให้ความสำคัญเรื่องการจัดการภายในของหน่วยนั้นๆ และหากระบบเดิมกลับมามีประสิทธิภาพ เปิดช่องทางให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเข้ามาร้องเรียนได้อย่างอิสระเสรี เป็นไปได้ว่าสายตรงผบ.ทบ.อาจยกเลิกได้ในอนาคต” รองผบ.ทบ. กล่าว
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"