ไทยป่วน!ติดโควิดเพิ่ม3 ปู่-ย่ากลับญี่ปุน่ แพร่เชื้อ


เพิ่มเพื่อน    

  พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มอีก 3 รายเป็นครอบครัวเดียวกัน “หมอหนู” ฉุนปกปิดข้อมูลหวิดซ้ำรอยป้าเกาหลี “ศธ.-คลัง-ทอ.” ผวาหนัก สั่งห้ามเดินทางไปประเทศสุ่มเสี่ยง แอบดอดไปถูกคาดโทษแน่ "ยุโรป" เชื้อไวรัสลุกลามขยายวง "อิตาลี-อิหร่าน-เกาหลีใต้" มีผู้เสียชีวิต-ติดเชื้อเพิ่มไม่หยุด 

      เมื่อวันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงตัวเลขภาพรวมผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 ว่ามีเพิ่ม 3 ราย มาจากครอบครัวเดียวกัน โดยคนแรกเป็นชายอายุ 65 ปี เดินทางไปเที่ยวฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น หลังจากนั้นกลับมามีไข้ ไอ 3 วัน จึงเข้ารับการรักษาที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 23 ก.พ. และพบว่ามีอาการปอดอักเสบ ผลตรวจจากห้องปฏิบัติการของกรมการแพทย์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยืนยันตรงกัน 2 แห่งว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่ รพ.โรคทรวงอก ส่วนรายที่สองเป็นภรรยาของผู้ป่วยรายแรก เดินทางไปด้วยกันแล้วกลับมามีไข้ ไอ ผลตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่ รพ.บำราศนราดูร และรายที่สามเป็นเด็กชายวัย 8 ขวบ ซึ่งเป็นหลาน แม้ไม่ได้เดินทางไปญี่ปุ่นด้วย แต่คาดว่าได้รับเชื้อมาจากปู่และย่าที่เดินทางกลับมาจากญี่ปุ่น เนื่องจากอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน
         "ขณะนี้เรากำลังติดตามผู้ที่ร่วมทริป ตลอดจนผู้โดยสารและลูกเรือในเที่ยวบินนั้นทั้งหมด ซึ่งขณะนี้อาการยังปกติ ขอยืนยันว่าแม้จะพบเคส 3 รายที่เกิดขึ้นนี้ แต่การแพร่ระบาดของไทยยังอยู่ในระยะที่ 2 ยังไม่ใช่การระบาดภายในประเทศ" นพ.สุขุมกล่าว และว่า จากกรณีที่พบล่าสุดส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในไทยเพิ่มเป็น 40 ราย ขณะที่มีผู้ป่วย 2 รายหายดีและกลับบ้านได้แล้ว เป็นหญิงชาวไทย 1 ราย และนักท่องเที่ยวชายชาวจีน 1 ราย ทำให้มียอดผู้ที่กลับบ้านแล้วมีทั้งสิ้น 24 ราย
         สำหรับผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.-25 ก.พ.2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 1,798 ราย คัดกรองจากทุกด่าน 72 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 1,726 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 1,247 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 551 ราย
        ปลัด สธ.ระบุว่า ได้ออกประกาศห้ามบุคลากรเดินทางไปยังประเทศในกลุ่มเสี่ยงโดยไม่มีเหตุจำเป็น แต่หากมีเหตุจำเป็นจริงๆ เมื่อเดินทางกลับมาแล้วต้องเข้าสู่ขั้นตอนเฝ้าระวังโรคและติดตามอาการ 14 วัน โดยประเทศที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ประกอบด้วย โซนเอเชีย ได้แก่ จีน, ฮ่องกง, มาเก๊า, ไต้หวัน, สิงคโปร์, ญี่ปุ่น ส่วนโซนยุโรป ได้แก่ อิตาลี และโซนตะวันออกกลาง ได้แก่ อิหร่าน
        ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุขกล่าวว่า นอกจากออกประกาศให้บุคลากรของกระทรวงงดการเดินทางไปยังประเทศที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปประชุม สัมมนา ดูงาน หรือแม้แต่การท่องเที่ยว ลาพักร้อนแล้ว ยังขอความร่วมมือไปยังทุกหน่วยราชการให้เลื่อนการเดินทางไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยงเช่นกัน โดยจะเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเท่านั้น ขณะเดียวกัน ขอความร่วมมือไปยังสายการบินและบริษัทนำเที่ยวหยุดจัดโปรโมชั่นตั๋วโดยสารและโปรแกรมท่องเที่ยวในราคาถูกสำหรับการเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศกลุ่มเสี่ยง โดยขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ
         นายอนุทินกล่าวต่อว่า กรณีผู้ป่วยชายซึ่งเป็นเคสที่ รพ.บีแคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ ตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายล่าสุดว่าสมควรต้องได้รับการตำหนิ เนื่องจากผู้ป่วยทราบดีว่าเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยง แต่ไม่ยอมแจ้งประวัติการเดินทางให้แพทย์ได้ทราบในครั้งแรก และยังมีการใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับครอบครัว รวมถึงการเดินทางตามปกติ ซึ่งหาก รพ.บีแคร์ฯ ตรวจไม่เจอ ก็มีโอกาสที่ผู้ป่วยรายนี้จะกลายเป็น Super Spreader
รบ.ขออย่าปกปิดข้อมูล
“เราเห็นคุณป้าที่เกาหลีแล้ว เราไม่ต้องการคุณลุงในไทย ทำแบบนี้ทำให้เดือดร้อนกันไปทั่ว โชคดีที่เราเจอตัวได้ก่อน เพราะคนเดียวที่ติดเชื้อ ทำให้เราต้องไปตรวจคนอื่นๆ อีกอย่างน้อย 50-100 คน เพราะบุคลากรที่ รพ.บีแคร์ฯ 40 คนก็มาดูแลผู้ป่วยรายนี้ ไม่นับคนในครอบครัวที่ไปทำงาน หลานที่ไปโรงเรียนอีก แต่กระทรวงยังควบคุมสถานการณ์ได้" นายอนุทินระบุ 

                               นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ห่วงใยเรื่องการปกปิดข้อมูลการเดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง โดยขอความร่วมมือประชาชนทุกคนร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคม และจำกัดวงการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยให้ข้อมูลกับคณะแพทย์และเจ้าหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นแล้วก็ขอให้เป็นบทเรียนที่ต้องช่วยกัน แต่อย่าไปซ้ำเติมกัน ควรใช้โอกาสนี้ให้กำลังใจและหาทางป้องกันแก้ไขปัญหาจะดีกว่า
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ยืนยันว่า ไทยยังไม่เข้าสู่การระบาดของไวรัสโควิด-19 ระยะที่ 3 และไม่มีปกปิดตัวเลขผู้ติดเชื้อ โดยขอความร่วมมือจากประชาชน ช่วยพิจารณาอย่างรอบด้าน อย่าเห็นประโยชน์จากโปรโมชั่นท่องเที่ยวราคาถูกในขณะนี้ ขอให้เลื่อนหรืองดเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงที่มีการระบาดของโรคในช่วงนี้     
ด้านสำนักงานเขตดอนเมือง พร้อมศูนย์บริการสาธารณสุข 60 กองควบคุมโรคติดต่อ สำนักอนามัย กรมควบคุมโรค ได้ลงพื้นที่โรงเรียนพระหฤทัยดอนเมือง เพื่อสอบสวนโรคและเก็บตัวอย่างนักเรียนที่เป็นกลุ่มสัมผัสโดยตรง มีความเสี่ยงสูงจากรกรณีเด็กติดเชื้อ ซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ป.3/4 จำนวน 30 ราย ครู 11 ราย โดยให้ติดตามอาการ 14 วัน ทำความสะอาดที่พักอาศัย งดออกนอกบ้าน และกลุ่มสัมผัสความเสี่ยงต่ำ ประมาณ 100 คน ให้งดกิจกรรมไปในที่ชุมชนหรือที่มีผู้คนหนาแน่น นอกจากนั้น รร.พระหฤทัยฯ ยังมีคำสั่งปิดโรงเรียน 14 วัน ตั้งแต่ 26 ก.พ. ถึง 9 มี.ค.63
    นายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะโฆษก ศธ. กล่าวว่า ศธ.ได้ขอความร่วมมือให้ผู้บริหารสถานศึกษาทุกแห่งตรวจสอบพาสปอร์ตของนักเรียนและญาติว่ามีการเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ หากพบเดินทางไปให้หยุดดูอาการเป็นเวลา 14 วัน ส่วนข้าราชการในสังกัด ศธ.ที่เดินทางไปกลุ่มประเทศเสี่ยงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ศธ.จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยทันที 
นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวเช่นกันว่า ได้ขอความร่วมมือไปยังครูและผู้บริหารโรงเรียนที่จะเดินทางไปต่างประเทศกลุ่มเสี่ยง ขอให้เลื่อนการเดินทางออกไปก่อน ซึ่งหากใครฝ่าฝืนเดินทางไปต่างประเทศโดยไม่แจ้งกับหน่วยงานต้นสังกัด จะมีความผิดวินัยร้ายแรง
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังแจ้งว่า นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้เซ็นหนังสือเวียนไปยังหัวหน้าส่วนราชการ สังกัดกระทรวงทั่วประเทศเช่นกัน โดยให้หลีกเลี่ยงการเดินทางหรือเลื่อนการเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของไวรัส ส่วนที่ได้รับอนุญาตแล้วก็ให้ยกเลิกหรือเลื่อนการเดินทาง แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้พิจารณาเป็นรายกรณี เฝ้าระวังต่อเนื่องจนครบ 14 วัน เมื่อเดินทางกลับมาถึงไทยแล้ว
พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวถึงกรณีญาติกำลังพลกองทัพอากาศเป็นไข้หลังกลับจากไปเที่ยวญี่ปุ่น และถูกกักตัวที่โรงพยาบาล ว่าได้สั่งให้กำลังพลทุกคนและครอบครัว งดไปเที่ยวประเทศกลุ่มเสี่ยง มีการระบาดเชื้อไวรัสโควิด 19 รวมถึงกำลังพลที่มีภารกิจทางทหารที่ต้องเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยงก็ขอให้ชะลอไว้ก่อนแล้ว
    ส่วนธนาคารธนชาต ได้ชี้แจงถึงกรณีการเผยแพร่ข่าวสารในโลกออนไลน์ว่า ธนาคารธนชาตสั่งปิดสาขาดอนเมือง หลังมีสมาชิกในครอบครัวของพนักงานติดเชื้อไวรัส ว่าเป็นไปตามมาตรการที่วางไว้ ธนาคารจึงได้ปิดสาขาที่พนักงานปฏิบัติงานทันที และทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคเป็นกรณีพิเศษ และให้พนักงานดังกล่าวไปตรวจสุขภาพกับโรงพยาบาล ซึ่งได้รับการยืนยันแล้วว่าไม่ติดเชื้อ แต่ธนาคารยังให้พนักงานดังกล่าวหยุดปฏิบัติงานและแยกตัวเองเพื่อเฝ้าระวังเป็นเวลา 14 วัน
ยุโรปโควิด-19ขยายวง
    ขณะที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในต่างประเทศยังลุกลามอย่างต่อเนื่อง โดยในยุโรปซึ่งมีอิตาลีเป็นศูนย์กลางของการแพร่เชื้อ หลายประเทศตรวจพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก โดยในวันอังคาร ออสเตรีย, โครเอเชีย และสวิตเซอร์แลนด์ รายงานพบผู้ติดเชื้อในประเทศเป็นครั้งแรก ผู้ติดเชื้อที่พบใหม่ทั้งหมดเป็นผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับจากแคว้นลอมบาร์ดี ภาคเหนือของอิตาลี และในวันพุธ กรีซรายงานตรวจพบผู้ติดเชื้อรายแรกเช่นกัน เป็นผู้หญิงที่เพิ่งเดินทางกลับจากภาคเหนือของอิตาลี ส่วนฝรั่งเศสมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นรายที่ 2 แต่เป็นพลเมืองฝรั่งเศสคนแรกที่เสียชีวิต โดยรายแรกนั้นเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนเสียชีวิตเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนว่าชายคนล่าสุดนี้ติดเชื้อได้อย่างไร
    ในทวีปแอฟริกา ซึ่งอียิปต์เป็นชาติแรกที่มีผู้ติดเชื้อ เมื่อวันอังคารทางการแอลจีเรียประกาศว่าพบผู้ติดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รายนแรกในประเทศ เป็นพลเมืองชาวอิตาลีที่เดินทางเข้าแอลจีเรียเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์
    ที่เกาะเตเนรีเฟของสเปน ยังคงมีแขกหลายร้อยคนของโรงแรมแห่งหนึ่งถูกกักกันไว้ในห้องพัก ภายหลังนักท่องเที่ยวชาวอิตาลีรายหนึ่งป่วยเข้าโรงพยาบาลโดยต้องสงสัยว่าติดเชื้อ การแพร่เชื้อจากอิตาลีทำให้หลายประเทศมีคำแนะนำประชาชนงดการเดินทางไปอิตาลี โดยเฉพาะภาคเหนือ และเพิ่มมาตรการคัดกรองผู้โดยสารที่มาจากอิตาลีด้วย 
    จำนวนผู้ติดเชื้อในอิตาลีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 374 รายแล้วในวันพุธ และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 รายจากค่ำวันอังคาร ทำให้ยอดรวมเป็น 12 ราย ผู้ตายทั้งหมดเป็นผู้สูงอายุหรือไม่ก็มีโรคประจำตัว
    ส่วนอิหร่าน ที่เป็นศูนย์กลางการแพร่เชื้อไปยังหลายประเทศตะวันออกกลาง รัฐบาลรายงานว่า มีคนเสียชีวิตอีก 4 ราย ยอดรวมเพิ่มเป็น 19 ราย มีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 44 ราย รวมเป็น 139 ราย หนึ่งในผู้ติดเชื้อไวรัสคือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ข่าวไอเอสเอ็นเอรายงานเมื่อวันพุธด้วยว่า ตำรวจไซเบอร์ของอิหร่านจับกุมผู้ต้องสงสัย 24 คนที่ถูกกล่าวหาว่าปล่อยข่าวลือทางออนไลน์เกี่ยวกับการแพร่ระบาด
    ก่อนหน้านี้ ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ แสดงความวิตกว่าอิหร่านอาจปิดบังรายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการระบาดของไวรัส ขณะเดียวกัน ในสหรัฐซึ่งมีผู้ติดเชื้อกว่า 20 ราย เจ้าหน้าที่สาธารณสุขร้องขอให้รัฐบาลท้องถิ่น, ธุรกิจ และโรงเรียน จัดทำแผนรับมือ เช่นยกเลิกการชุมนุม หรือทำงานผ่านระบบออนไลน์
    คูเวตแถลงเมื่อวันพุธว่ามีผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มอีก 13 คน รวมเป็น 25 คนในวันพุธ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมดเคยเดินทางไปอิหร่าน
    ศูนย์กลางการแพร่เชื้ออีกแห่งคือเกาหลีใต้ ซึ่งวันพุธตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 284 คน เป็นจำนวนเพิ่มมากสุดใน 1 วัน ยอดรวมผู้ติดเชื้อในเกาหลีใต้พุ่งเป็น 1,261 คน มีคนเสียชีวิต 12 คน ศูนย์กลางการระบาดอยู่ที่เมืองแทกูและคย็องซังเหนือ
    วันเดียวกัน กองทัพสหรัฐในเกาหลีใต้รายงานว่า มีทหารอเมริกันอายุ 23 ปีติดเชื้อโควิด-19 เป็นรายแรก ทหารนายนี้ประจำการที่แคมป์คาร์โรล อยู่ห่างจากเมืองแทกูราว 20 กิโลเมตร แคมป์นี้ยังอยู่ใกล้ศูนย์คนพิการที่พบการแพร่ระบาดเช่นกัน
    เมืองแทกูซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 4 ของเกาหลีใต้ และมีประชากรราว 2.5 ล้านคน พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด โดย 90% โยงถึงคริสตจักรพระเยซูชินชอนจิ ซึ่งสมาชิกมากกว่า 212,000 คนจะต้องได้รับการตรวจเชื้อ สภาพท้องถนนในเมืองนี้แทบร้างผู้คนในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เว้นแต่ตามร้านค้าที่ประชาชนต่อแถวยาวเหยียดเพื่อซื้อหน้ากากอนามัย 
    รัฐบาลของประธานาธิบดีมุน แจอิน กำลังโดนวิจารณ์อย่างหนักที่ไม่ตัดสินใจจำกัดการเดินทางเข้าประเทศของชาวจีนทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะผู้ที่มาจากศูนย์กลางการแพร่ระบาดในจีน แต่รัฐมนตรีสาธารณสุขปกป้องการตัดสินใจดังกล่าวว่าผู้ที่แพร่เชื้อไวรัสนั้นยังรวมถึงชาวเกาหลีใต้ที่เคยเดินไปจีน อีกด้านหนึ่งชาวเกาหลีใต้ลงชื่อกันมากกว่า 687,000 คนเมื่อวันพุธ เรียกร้องให้ถอดถอนมุนพ้นตำแหน่ง
    ทางการจีนสั่งกักกันโรคผู้เดินทาง 94 รายบนเที่ยวบินจากกรุงโซลมาเมืองหนานจิง ภายหลังพบชาวจีน 3 คนบนเที่ยวบินนี้มีอาการไข้เมื่อวันอังคาร
    ในขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกน่าวิตกมากขึ้น การแพร่ระบาดในจีนกลับทุเลาลง คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนแถลงเมื่อวันพุธว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เมื่อวันอังคาร 406 ราย มีเพียง 5 รายที่อยู่นอกมณฑลหูเป่ย์ ผู้ติดเชื้อโดยรวมมีมากกว่า 78,000 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตมีเพิ่ม 52 ราย เป็นจำนวนต่ำที่สุดในรอบ 3 สัปดาห์และไม่มีคนเสียชีวิตนอกหูเป่ย์ ยอดเสียชีวิตรวมเป็น 2,715 ราย 
    ที่สิงคโปร์ ซึ่งมีคนติดเชื้อไวรัสนี้แล้วเกือบ 100 ราย เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า ชายชาวจีนชื่อ หู จวิน และภรรยาของเขา ถูกตั้งข้อหาว่าโกหกเจ้าหน้าที่ที่สอบสวนว่าเขาได้แพร่เชื้อสู่คนอื่นหรือไม่ ชายวัย 38 ปีรายนี้มาสิงคโปร์เมื่อวันที่ 22 มกราคม ต่อมาเขาป่วยแต่ภายหลังหายดีและออกจากโรงพยาบาลได้ ส่วนภรรยาถูกกักกันโรค กระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่าทั้งคู่ให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวและที่อยู่เมื่อเจ้าหน้าที่สอบสวน ทั้งคู่ถูกตั้งข้อหาเพราะพฤติกรรมของพวกเขาก่อความเสี่ยงร้ายแรงต่อสาธารณสุข หากถูกตัดสินว่ามีความผิด พวกเขาอาจถูกจำคุก 6 เดือน และปรับเงิน 7,150 ดอลลาร์สิงคโปร์.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"