สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ.63 ผู้ป่วยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ในฝรั่งเศสเสียชีวิตเป็นรายที่ 2  โดย  เฌอโรม ซาโลมง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขฝรั่งเศส  เผยว่า ผู้เสียชีวิตเป็นชายชาวฝรั่งเศสอายุ 60 ปี เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในกรุงปารีสโดยมีอาการสาหัส และตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาในคืนวันที่ 25 ก.พ.ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมาคืนนั้น

นอกจากนี้ "นอร์เวย์" เป็นประเทศล่าสุดของยุโรปที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19  โดยสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติ (NIPH) ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ผู้ติดเชื้อรายนี้ไม่ได้แสดงอาการป่วย แต่ถูกตรวจเนื่องจากเพิ่งเดินทางกลับจากพื้นที่ที่มีการระบาดในประเทศจีน

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขบราซิลออกแถลงการณ์ยืนยันว่า พบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เป็นรายแรกในประเทศ และรายแรกในภูมิภาคละตินอเมริกา  โดยผู้ป่วยดังกล่าว ซึ่งอยู่ในวัย 61 ปี ได้เดินทางกลับจากอิตาลี และขณะนี้กำลังเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองเซา เปาโล  นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังเปิดเผยว่า มีผู้ต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่อีกจำนวน 20 รายในประเทศ

ส่วนที่ปากีสถานพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 2 คนเมื่อวันพุธ (26ก.พ.)ถือเป็นการพบผู้ป่วยโรคนี้2คนแรกในประเทศ โดยทั้ง2คนเพิ่งเดินทางกลับมาจากอิหร่าน พื้นที่การระบาดหนักของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่

ผู้ติดเชื้อชาวปากีสถานรายหนึ่ง เป็นหญิงวัย 22 ปี จากนครการาจี ที่เพิ่งกลับจากอิหร่านพร้อมครอบครัว ซึ่งทางการปากีสถานยืนยันว่าได้แยกตัวผู้ติดเชื้อรายนี้มารักษา และแยกตัวสมาชิกในครอบครัวเพื่อสังเกตอาการว่าติดเชื้อไวรัสด้วยหรือไม่ พร้อมให้ความเชื่อมั่นว่าปากีสถานควบคุมสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าได้

เมื่อวันจันทร์(24ก.พ.) ปากีสถานเพิ่งประกาศปิดพรมแดนเชื่อมต่ออิหร่าน ซึ่งพบผู้ติดเชื้อรายแรกเมื่อสัปดาห์ก่อน และจนถึงขณะนี้ อิหร่านมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 คน และติดเชื้ออีก 139 คน เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวภายในวันเดียว