ศธ.ออก13 มาตรการเข้มสกัดโควิด-19 ห้ามข้าราชการ นักเรียน เดินทางไปต่างประเทศ  หรือแม้แต่มีญาติคนในครอบครัวเดินทางไป ก็ต้องพักรอดูอาการที่บ้าน 14วัน


เพิ่มเพื่อน    

 

 

29ก.พ.63-นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้ลงนามคำสั่งประกาศกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เรื่อง มาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งมีมาตรการ ดังนี้ 1.ให้ชะลอการอนุมัติหรืออนุญาตการเดินทางไปฝึกอบรม ประชุม สัมมนา ศึกษาดูงาน และปฏิบัติ การวิจัยระหว่างประเทศ การไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัวในประเทศที่มีความเสี่ยงตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ของข้าราชการ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา บุคลากรของ ศธ. และหน่วยงานในกำกับ รวมถึงนักเรียน นักศึกษา ในสถานศึกษาสังกัด ศธ.ทุกระดับ 2.กรณีที่ได้รับอนุมัติหรืออนุญาให้เดินทางไปประเทศที่มีความเสี่ยงตามประกาศของ สธ.ก่อนประกาศฯ ฉบับนี้ ให้ข้าราชการ ข้ราาชการครูและบุคลากรทางการศึกษา บุคลากรของ ศธ. และหน่วยงานในกำกับ และนักเรียน นักศึกษา ในสถานศึษาสังกัด ศธ. ทุกระดับ งด หรือ เลื่อนการเดินทางออกไป จนกว่า สธ.จะประกาศยกเลิกประเทศที่มีความเสี่ยง กรณีมีเหตุจำเป็นอย่างยิ่ง ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเดินทางไปต่างประเทศ ให้ข้าราชการ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา บุคลากรของ ศธ. และหน่วยงานในกำกับ และนักเรียน นักศึกษา ในสถานศึกษาสังกัด ศธ.ทุกระดับแจ้งเหตุจำเป็นต่อผู้มีอำนาจอนุมัติหรืออนุญาตเพื่อพิจารณา การเดินทางไปต่างประเทศ หรือแวะผ่านประเทศที่มีความเสี่ยงตามประกาศของ สธ. โดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ถือเป็นความผิดวินัยร้ายแรง

3.กรณีนักเรียน นักศึกษาในสังกัด ศธ.ทุกระดับ ทุกประเภท มีเหตุจำเป็นต้องเดินทางไปประเทศที่มีความเสี่ยงตามประกาศของ สธ. ด้วยภารกิจส่วนตัว ศธ. ขอความร่วมมือให้ชะลอการเดินทางออกไปก่อน หากกรณีมีเหตุจำเป็นอย่างยิ่ง ไม่อาจหลีกเสี่ยงการเดินทางไปประเทศที่มีความเสี่ยงตามประกาศ ของ สธ.ได้ ขอความร่วมมือให้นักเรียน นักศึกษาในสถานศึกษาสังกัด ศธ.ทุกระดับ ให้ผู้บริหารสถานศึกษารายงานถึงกรณีที่นักเรียน นักศึกษาในสังกัดเดินทางในประเทศที่มีความเสียงตามประกาศ สธ. กำกับติดตามและรายงานผลการดำเนินการ

4.ผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศ หรือแวะผ่าน หรือกลับจากประเทศที่มีความเสี่ยงตามประกาศของ สธ. เมื่อกลับมาถึงประเทศไทยให้ผู้นั้นเข้ารับการตรวจคัดกรองและเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ที่โรงพยาบาล และพักเพื่อเฝ้าดูอาการเป็นเวลา 14 วันโดยไม่ถือเป็นวันลาและให้รายงานตัวต่อผู้บังคับบัญชาทราบผ่านทางอีเมล์ แอปพลิเคชันไลน์ หรือช่องทางสื่อสารออนไลน์อื่นๆ ตามที่ได้ตกลงกันไว้ทุกวันจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยผู้บังคับบัญชาอาจมอบหมายให้ปฏิบัติงานที่บ้าน หรือที่พัก และรายงานการปฏิบัติงานต่อผู้บังคับบัญชาด้วยรูปแบบตามที่เห็นสมควร หรือ ที่ได้ทำการตกลงกันไว้ ในระหว่างที่พัก

สำหรับนักเรียน นักศึกษา ให้รายงานตัวผ่านทางอีเมล์หรือแอปพลิเคชันไลน์ต่อครูที่ปรึกษาและครูที่ปรึกษารวบรวมข้อมูลรายงานต่อผู้บริหารสถานศึกษา และให้หยุดเรียนตามระยะเวลาโดยต้องจัดให้มีการเรียนการสอนเพิ่มเติมด้วยรูปแบบที่เหมาะสม เพื่อทดแทนช่วงที่ขาดเรียน

5.หากมีบุคคลจากต่างประเทศหรือเขตการปกครองกลุ่มประเทศเสี่ยงมาติดต่อราชการในหน่วยงานสถานศึกษา ให้หน่วยงาน สถานศึกษา ปฏิบัติตามมาตรการของ สธ.อย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ให้ชะลอการเชิญบุคคลจากต่างประเทศมาร่วมการประชุม การสัมมนา หรือการดำเนินการใดๆที่เกี่ยวข้องออกไปจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคจะคลี่คลาย กรณีมีความจำเป็นอย่างยิ่งให้เสนอเหตุจำเป็นต่อหัวหน้าหน่วยงานหรือผู้บังคับบัญชาพิจารณา และกำหนดมาตรการป้องกันการติดเชื้อที่เหมาะสม

6.กรณีข้าราชการ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา บุคลากรของ ศธ.และหน่วยงานในกำกับ และนักเรียน นักศึกษา ในสถานศึกษาสังกัด ศธ.ทุกระดับ มีบุคคลในครอบครัวหรือบุคคลใกล้ชิดเดินทางกลับจากต่างประเทศ หรือสัมผัสผู้ต้องสงสัยว่ามีความเสี่ยงต่อการติดต่อโรคนี้ให้งดเข้าชั้นเรียน หรือหยุดมาปฏิบัติงาน หรือหยุดมาปฏิบัติราชการเพื่อเฝ้าดูอาการ เป็นเวลา 14วัน โดยไม่ถือเป็นการขาดเรียน หรือขาดการปฏิบัติงาน

7.ให้ข้าราชการ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา บุคลากรของ ศธ.และหน่วยงานในกำกับ และนักเรียน นักศึกษา ในสถานศึกษาสังกัด ศธ.ทุกระดับ ระมัดระวังและป้องกันตัวเอง โดยล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย

8.ให้สถานศึกษาสังกัด ศธ.ทุกระดับ ทำความสะอาดพื้นที่ภายในสถานศึกษาอย่างต่อเนื่องและส่งเสริมความรู้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาแก่เด็กนักเรียน หากพบเด็กนักเรียนในโรงเรียนป่วย ให้แยกเด็กนักเรียนเพื่อเฝ้าระวังและดำเนินการอย่างเหมาะสม

9.ให้ทุกหน่วยงานจัดวางแอลกอฮอล์เจลไว้ในจุดให้บริการสำหรับประชาชน และบุคลากรในสังกัดให้เพียงพอ

10.ให้ทุกหน่วยงานประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ข้าราชการ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของ ศธ. และหน่วยงานในกำกับ และนักเรียน นักศึกษา ในสถานศึกษาสังกัด ศธ.รับทราบ

11. ครูและบุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ให้ สช.ไปดำเนินการตามมาตรการทางการบริหารเพื่อให้บรรลุผลของประกาศฉบับนี้ต่อไป และเมื่อดำเนินการเป็นประการใดแล้ว ให้รายงาน รมว.ศธ. เป็นระยะๆ

12.ให้องค์กรหลักและหน่วยงานในกำกับของ ศธ. พิจารณาถึงความเหมาะสมในกิจกรรมการดำเนินการในช่วงระยะเวลาที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับกับกิจกรรมใดที่มีการชุมนุม หรือ พบปะของบุคคลจำนวนมากที่อาจส่งผลโดยตรงให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาให้ดำเนินการชะลอ หรือ ระงับการดำเนินการไว้ก่อน

13.ให้สำนักบูรณาการกิจการการศึกษา เป็นหน่วยงานประสานกลางเกี่ยวกับการดำเนินงานตามมาตรการฉบับนี้

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"