หมัดต่อหมัด!'ไผ่'สาวไส้'สิระ'คืน


เพิ่มเพื่อน    

11 มี.ค.2563- นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีความขัดแย้งกับนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.ในไลน์กลุ่ม ส.ส.พปชร. ว่าไม่อยากออกมาพูดเรื่องนี้ เพราะทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคดูไม่ดี แต่เมื่อเห็นว่านายสิระยังออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อโดยพาดพิงถึงจึงต้องออกมาพูด โดยเริ่มจากการที่ตนเองไปถามในกลุ่มไลน์ว่า การที่ต้องการให้รัฐมนตรี หรือบุคคลใดในพรรคลาออกควรจะพูดกันภายในก่อน แต่หากไม่ได้ตามสิ่งที่ตนเองต้องการค่อยออกมาวิจารณ์ข้างนอกหรือไม่ และรู้สึกว่า การออกมาพูดของนายสิระในลักษณะนี้ต้องการเป็นข่าวในสื่อ หรือต้องการเหยียบหัวเพื่อนหรือไม่ 

“ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหากับนายสิระ แต่พูดตามสิ่งที่คิดเช่นนี้มาตลอด ไม่ว่าจะเป็นใคร อย่าเอาความขัดแย้งภายในบ้าน เสมือนสามีภรรยาไม่จำเป็นต้องเอาไปเล่าให้เพื่อนบ้านฟังว่าทะเลาะอะไรกัน ควรจะคุยกันก่อน ถ้าไม่ได้ค่อยฟ้องหย่า ส่วนที่นายสิระพูดว่าทำอะไรให้พื้นที่บ้างนั้น บังเอิญผมอยู่กรรมาธิการ (กมธ.) PM2.5 ได้มีการพูดถึงเรื่องหน้ากากอนามัยตลอด แต่ก็รู้หน้าที่ของ ส.ส.ว่าควรเอาเรื่องเข้ามาในสภา ไม่ใช่เอาเรื่องไปไล่จับใคร หรือไปทำอะไรเอง เพราะภาพลักษณ์จะดูไม่ดีทั้งสภา ต้องรู้หน้าที่ว่าเราต้องทำเพื่ออะไร”

นายไผ่ กล่าวอีกว่า ส่วนที่กล่าวท้าทายในกลุ่มไลน์ เพราะรู้สึกว่านายสิระ วันแรกก็ให้คนหนึ่งลาออก อีกวันก็บอกให้อีกคนลาออก มันไม่ดีกับพรรค รู้สึกเป็นห่วงพรรค จึงบอกว่า ถ้าคิดว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้องแล้ว ก็ลาออกด้วยกันทั้งคู่เลย ออกเงินลงเลือกตั้งเอง แต่ก็ยอมรับว่าสิ่งที่ได้ท้าทายไปนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ายังสามารถทำงานด้วยกันในพรรคได้ตามปกติ เพราะเมื่อได้พูดไปแล้วก็จบแล้ว แต่นายสิระกลับมาพูดว่าได้ทำอะไรเพื่อประชาชนบ้าง แบบนี้ไม่โอเค

เมื่อถามถึงกรณีการเลือกตั้งซ่อมจังหวัดกำแพงเพชรที่นายสิระพูดพาดพิง นายไผ่ กล่าวว่า เป็นเพียงการพูดลอยๆ ถ้าแน่จริงก็เอาหลักฐานมา นอกจากนี้ หากจะกล่าวหาว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำผิดแล้วต้องลาออก การที่นายสิระแจกหน้ากากก็ผิดเหมือนกัน ต้องลาออกด้วย แม้จะอ้างว่าฟ้องร้องไปแล้ว ทาง ร.อ.ธรรมนัสก็ฟ้องร้องไปแล้วเหมือนกัน ทั้งนี้ ยืนยันว่า สิ่งที่พูดในไลน์นั้นพูดในนามพรรคว่าควรจะพูดคุยกันภายใน และไม่ได้บอกว่าเขาไม่มีสิทธิพูด ไม่ได้พูดปกป้องร.อ.ธรรมนัส แต่พูดความจริง ซึ่งขณะนี้เรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจควรปล่อยให้เขาดำเนินการไปดูว่าจบอย่างไรดีกว่าหรือไม่ และตนเชื่อว่าเขาเป็นรัฐมนตรีคงไม่มายุ่งเรื่องหน้ากาก หรือรับซื้อหน้ากาก 200 ล้านชิ้นหรอก ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะตามหลักการและข้อมูลแล้วในประเทศไทย 11 โรงงาน ผลิตได้เพียง 36 ล้านชิ้นต่อเดือน แสดงว่าคนนี้ต้องรู้ว่าจะมีการใช้หน้ากากก่อนไวรัสจะระบาดล่วงหน้า 2 เดือน ซึ่งเป็นไปไม่ได้

นายไผ่ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการโยงนายบอยว่าเป็นทีมงานของ ร.อ.ธรรมนัส ต้องยอมรับว่านายบอยเป็นผู้สมัครเก่าของพรรคจริง และ ร.อ.ธรรมนัสเอามาทำงานเพื่อให้ทำงานในพื้นที่ แต่ก็ไปๆกลับๆ แต่ไม่ควรไปขุดถึงขนาดนั้น เพราะจะทำให้เสียหาย เดือดร้อนกันไปหมด ส่วนรูปก็แค่ถ่ายร่วมกัน หลักฐานอื่นก็ไม่มี ถ้ามีหลักฐานอยากให้นายสิระช่วยเอาออกมาหน่อย ให้ชัดเจนไปเลย ถ้าสมมติว่าวันหนึ่งชัดเจน ตนจะได้รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อ ทั้งนี้ นายบอยไม่ใช่คณะทำงาน แต่คนที่เป็นคณะทำงานคืออีกคน เราก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าผิดจริงหรือไม่


เมื่อถามว่าต้องเคลียร์กับนายสิระโดยตรงหรือไม่ นายไผ่ กล่าวว่า ไม่รู้จะเคลียร์อะไร เพราะมันจบแล้ว แต่ถ้าเขาจะเคลียร์กับตน ตนก็ไม่ติดนะ ตนคิดว่า เราควรรอดูต่อไปดีกว่าว่าจะจบอย่างไร
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"