ตั้งแต่วงดนตรีโปงลางสะออนแพแตก ก็เป็นที่สงสัยว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แล้วความสัมพันธ์ของ นักร้องหลักอย่าง  อี๊ด-สมพงษ์ คุนาประถม, ลาล่า-ขวัญนภา เรืองศรี  และ ลูลู่-ดวงฤดี บุญบำรุง ในปัจจุบันนั้นเป็นอย่างไรบ้าง โดยทาง ลาล่า ขวัญนภา ได้เปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวผ่านรายการเรื่องลับมาก โดยยอมรับว่าอยากรีเทิร์นกลับโปงลางสะออนอีกครั้ง และเสียใจที่เคยขอแยกทางเดินกับ อี๊ด โปงลางสะออน

            “ที่เราแยกกันไม่เกี่ยวกับสัญญา แต่ทุกคนจะเห็นว่าโปงลางสะออนทำไมมันยุติเร็วจัง แต่ถ้าเทียบระยะเวลาจริงไม่น้อยเลยนะคะ ลาล่าอยู่กับพี่อี๊ดก่อนเซ็นสัญญา 5 ปี เซ็นสัญญากับอาร์เอสพร้อมวงอีก 10 ปี เบ็ดเสร็จ 15 ปี ด้วยอายุเรามันเริ่มเยอะขึ้นแล้ว ลาล่าสตาร์ทเข้าวงการอายุ 24 บวกไปอีก มันเริ่มเยอะขึ้นแล้ว ทุกคนเฮฮากับท่าปลาโลมาเรา หนูคิดว่าถ้าเราเป็นนักศึกษา วันนี้เราได้มาหนึ่งวิชาคือโปงลางสะออน แล้วทำยังไงถึงจะได้วิชาการทีวี ถ้าอยู่บนเวทีอย่างเดียวจะไม่ได้วิชาการทีวีเลย

            ณ ตอนนั้นลาล่ารู้สึกว่าเขา(อี๊ด โปงลางฯ)น่าจะอิ่มตัวกับวง และอยากพาน้องออกมาทำเอง แต่ในส่วนลาล่าเรายังสนุกกับตรงนี้อยู่เลย ไม่ว่าจะงานละคร งานพิธีกร  พี่อี๊ดอยากอิสระในการหางานไม่ผ่านค่าย แต่เราคิดว่ามีค่ายดีกว่า มีการพูดคุยกันว่าด้วยระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน หนูอิ่มตัวแล้ว อยากแยกไปทำต่างๆ นานา มากกว่าวันหนึ่งเราทัวร์อยู่บนเวที จังหวัดข้ามจังหวัด ชีวิตเป็นแบบนี้ประจำ ตื่นเช้าข้ามจังหวัดนึง ตกเย็นอยู่บนเวที กลับมานอนบนรถตู้ เป็นชีวิตประจำวันที่เบื่อ เดิมๆ

 

 

            ถ้าพูดถึงความเสียใจที่ต้องแยกกันทำงาน ไม่ใช่แค่พี่อี๊ดฝ่ายเดียว หนูก็เสียใจ เป็นความตกใจ เป็นความช็อก พูดเองเสียใจเองค่ะ เราไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ทั้งที่เราตัดสินใจเลือกเองจะแยกจากพี่ เราเสียใจมากค่ะ พูดเลย หนูแน่ใจว่าพี่เขาเสียใจ ซึ่งหนูก็เสียใจ ที่โดนด่าว่าหนูเนรคุณ เป็นคำพูดที่หนูจี๊ด เขาก็ใช้จนทุกวันนี้ หลายคนบอกว่าช่วงนี้เป็นขาลงของหนู เหมือนเราหายไปจากหน้าจอ จริงๆ มันไม่ได้หาย

            แต่ช่องในการนำเสนอเยอะขึ้น โซเชียลเยอะขึ้น ทุกวันนี้หนูก็เป็นพิธีกรข่าวชาวบ้านและบันเทิง เฮียก็มอบหมายหน้าที่ด้วยยุคสมัยก็เปลี่ยน หน้าที่บทบาทก็เปลี่ยนไปหลายรูปแบบ คอนเสิร์ตก็เริ่มมีเยอะขึ้น เราก็ทำข่าวได้ไม่เต็มร้อย แต่ด้วยคอนเสิร์ตเราอยู่ต่างจังหวัด ตีรถกลับเข้าห้องส่งไม่ได้ หนูได้ลองทำเป็นช่วงบุกเบิกช่วงแรก เราก็ยอมรับว่าทำหน้าที่ตรงนี้ได้ไม่เต็มร้อย เราก็เปลี่ยนมาลงละครให้เยอะขึ้น ทำคอนเสิร์ตเยอะขึ้น ในการทำคอนเสิร์ตช่องทีวีอาจไม่ได้มีการนำเสนอ แต่ถ้าในโซเซียลจะเห็นหนูทำโน่นนี่ตลอด

            ส่วนกับพี่อี๊ดเราก็ได้เจอกันนะคะ ถ้าส่วนตัวบางทีพี่เขาเล่นที่โรงเบียร์ก็ไปหา ไปกินข้าวกัน วันเกิดวันสำคัญก็เจอกัน งานบุญงานต่างๆ ก็ร่วมงานกันได้ วิ่งกอดวิ่งหอมตามปกติของหนู พวกงานจ้างก็มีมาค่ะตัวพี่อี๊ดก็ให้ผู้จัดการโทรมาว่าวันนี้คิวได้ไหม ทุกวันนี้มีงานติดต่อให้เรามารวมกันเยอะ แต่คิวเราไม่ได้จริงๆ แต่ก็มีการคุยกันในระดับหนึ่ง ประมาณหนึ่ง อาจมีข่าวดีเร็วๆ นี้  อยากรีเทิร์นมาก ใจหนูคิดถึงแล้ว ต้องถามแฟนๆ ว่าคิดถึงโปงลางสะออนมากแค่ไหน

            ถ้ารีเทิร์นจริงขั้นตอนแรกอาจเฉพาะกิจก่อนค่ะ การขออนุญาตค่ายไม่จำเป็นค่ะ อันนี้เหมือนการจ้างงานสองฝั่ง แล้วแต่เจ้าภาพจะสู้ราคาเราไหวไหม เคยมีคุยสคริปต์กันแล้วว่าจะร่วมกันแบบนี้ๆ แต่ไปๆ มาๆ คิวหนูไม่ว่างเอง หนูพลิกล็อกตัวเอง รับงานซ้อนไว้อีกงานนึง  ซึ่งหนูก็โดยคนด่าว่าเนรคุณอีก แต่เริ่มชินแล้ว คนอื่นไม่รู้ว่าหนูกับพี่อี๊ดคุยกันยังไง ก็ช่างมันเถอะ หนูคุยกับพี่อี๊ดรู้เรื่องกัน ใครจะว่ายังไงก็ช่างมันเถอะ"

 

 

 

 

 ขอบคุณภาพประกอบจากอินสตาแกรม @lala_bigflower