ซักฟอกนอกสภาฯเดือด!แฉทหารผ่องถ่ายงานไอโอให้เอกชน ใช้คนรุ่นใหม่ทำงาน สุดท้ายโดนตลบหลัง


เพิ่มเพื่อน    

12 มี.ค.63 - เมื่อเวลา10.00น. ที่โรงแรมแลงคาสเตอร์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ฝ่ายค้านเพื่อประชาชน ซึ่งเป็นความร่วมมือของพรรคร่วมฝ่ายค้าน6พรรค เปิดซักฟอกนอกสภาฯเวทีที่1 ‘แฉกระบวนการไอโอ ฉีกหน้ากากขบวนการเพิ่มความขัดแย้ง’ มีพล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) และที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกชั่วคราว พรรคก้าวไกล นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายโอมาร์ หนุนอนันต์ เยาวชนคนรุ่นใหม่ Producer ปั่นประสาท podcast ร่วมเสวนา อย่างไรก็ดีท่ามกลางสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด19 ทำให้การเสวนาครั้งนี้จำกัดผู้ที่จะเข้าฟัง และมีการตรวจวัดไข้และบริการเจลล้างมือก่อนเข้าไปฟังเสวนา โดยเวทีดังกล่าวได้รับความสนใจจากพรรคร่วมฝ่ายค้านหลายคน อาทิ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน ร่วมรับฟังในงานนี้เช่นกัน

พ.ต.อ.ทวีกล่าวเปิดสัมนาตอนหนึ่งว่า จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ผ่านมา มีเรื่องที่ใหญ่มาก ถือว่ายิ่งใหญ่กว่าอาชญากรรม คือการสร้างให้ประชาชนเกิดความเกลียดชัง แบ่งฝ่าย ไม่ว่าใครทำสิ่งนี้ ถือว่าทำให้ประเทศแตกแยก สิ่งที่พบ มีการนำงบประมาณ2563 มีงบที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์ 2พันล้านบาท งบอบรม 8พันล้านบาท งบด้านมั่นคงหมื่นกว่าล้านบาท และงบในภาคใต้อีกหมื่นกว่าล้านบาท แต่กลับพบว่ามีการนำงบประมาณส่วนนี้ไปสร้างให้เกิดความแตกแยก เกลียดชัง ในขณะที่ประเทศชาติเผชิญวิกฤติภัยปกครอง และโรคร้าย แต่อีกวิกฤติคือการสร้างความแตกแยก ตนถือว่าเป็นการฆาตกรรมมวลชน

พล.ท.ภราดรกล่าวว่า การปฏิบัติการณ์ข่าวสาร Information Operation หรือที่เรียกว่า ไอโอ เป็นรูปแบบหนึ่งที่จะสื่อสารไปยังเป้าหมาย เพื่อให้เขาเชื่อตามที่เราจะให้เขาเชื่อ ซึ่งมีทั้งให้เชื่อความจริงที่เป็นความจริง และความจริงให้เชื่อว่าเป็นความเท็จ ในการนำไปปฏิบัติการณ์ทางทหารมี3เครื่องมือที่จะทำคือ ประชาสัมพันธ์ จิตวิทยา และข่าวสาร ซึ่งเครื่องมือทั้งสาม คือ ราชการสนาม รศ.100-20 ที่มีต้นแบบมาจากสหรัฐ เครื่องมือนี้ในประเทศมหาอำนาจ เมื่อต้องปฏิบัติการณ์นอกประเทศ จะทำให้คนในพื้นที่นั้นเข้าใจว่า จะมากอบกู้ ดูแล แต่ในไทยกลับหัวกลับหางกัน มีการนำมาใช้ในทางทหาร เดิมเพื่อจะใช้เพื่อความชอบธรรมเพื่อเข้าไปปฏิบัติการณ์ แต่ต่อมามีการใช้เพื่อให้เกิดความแตกแยก เพื่อเข้าไปปฏิบัติการณ์ จากการสร้างขึ้นมาทำให้เกิดเหตุการณ์แทรกซ้อน เช่น เรื่องชายชุดดำ ตอนแรกอาจเป็นการสร้างขึ้น ต่อมาเกิดมีผู้อินกับเหตุการณ์ไปเป็นชายชุดดำจริงๆ เลยเกิดการแทรกซ้อนขึ้นมา

พล.ท.ภราดรกล่าวว่า แนวทางทหารมี4อย่างคือ บ่อนทำลาย แกนนำปฏิวัติ มวลชน และแนวทางดั้งเดิม เดิมเป็นเรื่องของทหาร จากแค่ป้องกันปราบปรามประเทศเป็นเรื่องตำรวจกับมหาดไทย ที่ถูกฝึกมาเพื่อเผชิญกับประชาชน ต่างกับทหารที่ถูกฝึกมาเพื่อเผชิญอริราชศัตรู แต่สิ่งที่เกิดปัญหา พอไอโอผู้รับผิดชอบเป็นกองทัพ ไปๆมาตาเริ่มพร่ามัว มองคนที่เห็นต่างกลายเป็นอริราชศัตรู ในอดีตอาจทำได้ เพราะทหารเผชิญภัยคอมมิวนิสต์ สามารถใช้ได้ แต่ปัจจุบันไม่ใช่ สิ่งนี้เกิดจากการยึดอำนาจ ทหารนำมาใช้ในทางการเมือง ถ้าเป็นประเทศเจริญแล้ว ทหารจะไม่ยุ่งการเมือง เป็นทหารอาชีพ

นายวิโรจน์กล่าวว่า ในการอภิปรายไมไว้วางใจ ได้พาประชาชนร่วมตรวจสอบขณะอภิปรายด้วย จนถูกประท้วง27ครั้ง หลังจากวันนั้น ขบวนการที่มี40จุด น่าจะยกเลิกทั้งหมด เพราะโลกไซเบอร์สงบสุขขึ้น สิ่งที่กังวลสุดคือ การใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนถูกมองว่าเป็นการก่อความไม่สงบ ประชาชนถูกมองเป็นศัตรูของชาติ เรื่องเหล่านี้ถูกรีรันมาหลายครั้ง เช่น การฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป ควายแดง ชังชาติ คือการสร้างความชอบธรรม จริงไม่จริงไม่สำคัญเท่ากับเชื่อไม่เชื่อ และเชื่อไม่เชื่อไม่สำคัญเท่ากับถูกแบ่งฝ่าย ทุกวันนี้เราเกลียดกันโดยการถูกยุยงปลุกปั่นให้เกลียดกันใช่หรือไม่ ถ้าเมื่อไหร่แบ่งเขาแบ่งเรา ที่น่ากังวล คนที่มาด่าเราอาจไม่ใช่ไอโอ แต่เป็นภัยแทรกซ้อน เป็นผลผลิตจากไอโอ เป็นความเกลียดชังขยายตัว ครั้งหนึ่งเคยคิดว่า ไอโอคือการเอาความเกลียดชังหล่อเลี้ยงตัวเอง กลายเป็นว่าสิ่งนี้เป็นความต้องการอันดับที่สอง แต่อันดับแรกคือ ต้องการให้ผู้สนับสนุนเป็นเครื่องมือในการกำจัดศัตรูของเขาอีกที แล้วตัวเองวางตัวเองเป็น ฮีโร่ ทำให้ผู้สมมุติอีกฝ่ายเกลียดชังทั้งตัวเองและผู้สนับสนุนฝ่ายตัวเองด้วย แท้จริงเขาไม่ได้รักแฟนคลับ เพียงต้องการยุให้แฟนคลับของเขามีปัญหากับอีกฝ่าย

แม้สิ่งที่ได้ถามในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เกี่ยวกับปฏิบัติการณ์ไอโอ มีการใช้หน่วยงานของรัฐ โดยใช้ไฟฟ้ารัฐ ใช้น้ำรัฐ มาใช้หรือไม่ ยังไม่มีคำตอบกลับมา แต่เชื่อว่ากรอบความคิดเขายังไม่เปลี่ยน และกำลังขายเฟรนไชส์จากรัฐไปสู่เอกชน ประชาชนยุคนี้สามารถค้นคว้าข้อมูลเองได้ มีการนำข้อมูลมาคานอำนาจกันได้ ถามว่างานแบบนี้ จะคานกระแสสังคมในโลกโซเชียลที่เป็นออแกนิคส์หรือสิ่งที่เป็นธรรมชาติได้อย่างไร การเอาคนจำนวนมากมาทำงานแบบนี้ คิดว่าจะปกป้องความลับได้หรือ เมื่อเขาทนไม่ไหวก็ต้องเปิดเผยออกมา โลกดิจิตอลมีฟรุตปริ้นซ์ ไม่อย่างนั้น คงไม่รู้หรอกว่า พนักงานนั่งบีทีเอสพญาไทลงสถานีแล้วนั่งมอเตอร์ไซค์เพื่อไปทำงานต่อ นายธนาธร นายปิยบุตร คุณหญิงสุดารัตน์ คนทำก็ไม่ได้มีความเกลียดชัง สุดท้ายเขาลาออก และจะรู้ได้อย่างไร คนที่ออกจะไม่เซฟไฟล์ใดๆออกมาด้วย คุณไม่คิดหรือว่า เซียนคอมพิวเตอร์ชั้นสูงจะฝังมัลแวร์หรือโทจันเพื่อดูดข้อมูลเอาไว้ ไม่อยากให้มองประชาชนเป็นศัตรู โลกเปลี่ยนไปแล้ว ที่ออกมาเปิดเผยเพียงแค่อยากให้ประชาชนฉุกคิด ไม่อยากให้เกิดผลผลิตไอโอ เชื่อว่าคนยุคใหม่รู้ทัน เมื่อไหร่ก็ตามเขาอึดอัด เดี๋ยวก็โป๊ะแตกอีกรอบ

“การที่หน่วยงานรัฐผ่องถ่ายงานไปให้เอกชน เท่าที่สืบมีกลุ่ม2-3กลุ่ม ที่ออฟฟิศอยู่ตามแนวรถไฟฟ้า ถามว่าใช้คนรุ่นใหม่ไปทำงานแบบนี้ คิดว่าจะใช้เขาได้หรือ ไอโอบางคน แอคเค้าท์จริงเชียร์ฝ่ายค้าน แอคเค้าอวตารด่าฝ่ายค้านทุกวัน แล้วแบบนี้จะไหวหรือ สิ่งที่จะทำคือให้ เฟรนไชส์เหล่านี้เจ๊งให้ได้ อยากเตือนสติประชาชน อยู่ดีๆมีการกล่าวหา นักศึกษาชังชาติ นี่คือความจริงหรือสิ่งที่อยากให้เชื่อว่าจริง ให้เกลียด เราต้องช่วยปกป้องน้องนักศึกษาเหล่านั้น ที่น่ากลัวตอนนี้คือ มีข้อเท็จจริงอยู่บ้าง แต่มีการใส่สีตีไข่ โยงเรื่องโน้นมาเรื่องนี้ ออกมาให้มั่ว เป็น Disinformation ยกตัวอย่าง ตนจบวิศกรรมไฟฟ้า สนใจในเครื่องมือหม้อแปลงไฟฟ้าซึ่งเป็นเรื่องจริง แต่จะมาสรุปว่า ผมโกงมิเตอร์ไฟฟ้าไม่ได้ เช่นเดียวกับกรณีน้องนักศึกษาอาจทำผิดจริง แต่ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เขาผิดเท่านั้น ห้ามโยงคนละต่อน คนละท่อน มาสรุปว่าเขาเป็นผู้ร้ายของประเทศนี้ไม่ได้ เพราะถ้าเขาหมดอาลัยตายอยากกับประเทศชาติ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น การบริหารที่ล้มเหลว ปัญหาโควิด ปัญหาหน้ากากอนามัย วันนี้การเมืองเป็นเรื่องมายา แต่ปากท้องเป็นของจริง ถ้าสังคมไม่ปกป้องความจริง ปล่อยให้กระบวนการข่าวสารหลอกเรา บ้านเมืองไปไม่ได้ เศรษฐกิจแย่ พวกเรามีแต่แก่ลง ขณะที่เด็กโตขึ้นทุกวัน ความขัดแย้งประเทศอื่นไม่มี เขาพัฒนา เราอยากให้ประชากรเราแข่งขันกับนานาประเทศไม่ได้อย่างนั้นหรือ ขอเตือน ขอให้ฉุกคิดกัน หันมารักกัน แม้ไม่ชอบกันก็อยู่ด้วยกันได้ คุยกันเรื่องอื่น แต่อย่าเกลียดกัน”นายวิโรจน์กล่าว

นายนิคมกล่าวว่า การที่นายกฯ ทหาร สามารถควบคุมข่าวสารได้ เพราะเขามองเรื่องความมั่นคงของรัฐและความมั่นคงของทหาร ไม่ได้มองว่าเป็น ความมั่นคงของประชาชน ประชาชนทั่วไปต้องดูแลตัวเอง การที่กระทรวงดีอี ตั้งศูนย์เฟคนิวส์ ถ้าทำตรงไปตรงมา เป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ดี ถ้าเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เรื่องนี้จะไม่มีเด็ดขาด เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีการยื่นกระทู้สดหรือมีส.ส.ร่วมกันลงชื่อ ยื่นญัตติด่วนเพื่อสอบถาม นายกฯว่าได้รู้เห็นกับปฏิบัติการณ์ไอโอหรือไม่ เชื่อว่า ส.ส.ไม่ปล่อยให้ผ่านแน่นอน เพราะเห็นว่าเรื่องนี้สำคัญมาก 

นางอังคณากล่าวว่า หน่วยงานความมั่นคง หวาดระแวงประชาชนอย่างมาก กำราบคนเห็นต่างด้วยวิธีคิดโจมตีคนเห็นต่างแบบนี้ ตนเคยวิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานความมั่นคง เมื่อเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ก็ยังโดนโจมตีเยอะมาก คงเป็นความหวาดกลัวที่เมื่อเห็นคนต่างจากตัวเอง เลยใช้วิธีการสกปรกมากล่าวหา เหตุการณ์แฟลซม็อบที่ม.ธรรมศาสตร์ ตอนนั้นตนและนายสุลักษณ์ ไปร่วมงานโกมลคีบทอง เมื่อเสร็จงานชวนกันไปดูนักศึกษา แล้วถูกพวกนอกเครื่องแบบถ่ายรูป จากนั้นมีการไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ วงหน้าตนและนายสุลักษณ์พร้อมกับระบุ เป็นคนอยู่เบื้องหลัง อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะทำอะไรไป สุดท้ายคงปิดความจริงไม่ได้  ขบวนการไอโอ ตอนที่ตนเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยนายปิยบุตร ไปแสดงความเห็น ตนก็ไปสังเกตุการณ์ด้วย แต่ข่าวที่ออกมาว่า ไปสนับสนุน ไม่เป็นกลาง และมีนักร้องมาร้องเรียนให้มีการถอดถอนตน ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นคนก่อความไม่สงบ นักโทษประหารชีวิต ย่อมมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ สิ่งนี้เป็นหลักการ จะไปลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไม่ได้ ควรต้องเคารพ  ในการอภิปรายฯ เสียใจที่นายกฯ ไม่ยอมตอบเรื่องไอโอ ในสภาฯ ไม่น่าแอบหนีกลับบ้าน แม้นายกฯจะบอกว่า ยังโดนไอโอ กลายเป็นว่าจะเป็นจะตาย พอชาวบ้านโดนบ้าง ไม่เห็นทุกข์ร้อน

เราได้เรียนรู้จากเหตุการณ์รวันดา วันนี้ไม่ต่างกัน คนไม่รู้จักกัน เกลียดชังกัน รัฐควรมีหน้าที่คุ้มครอง แต่เมื่อรัฐเสี้ยม ทำให้เกิดความเกลียดชัง มันป่วยการที่จะพูดเรื่องสมานฉันท์ปรองดอง เรื่องเสรีภาพในการแสดงความเห็น เป็นเรื่องที่เราต้องเคารพกัน ขอให้รัฐลดความหวาดระแวง ลดความกลัว เรื่องนี้คงไม่จบแค่นี้ ในเวทีโลกเบลมมิ่งประเทศไทยมาต่อเนื่องหลายปี เราไม่ได้อยู่ในยุคที่จะปิดบัง ปิดตาคนได้ทั้งหมด เราต้องถูกตรวจสอบได้ ทหารก็ต้องถูกตรวจสอบ ไม่ควรใช้วิธีการทำให้คนอื่นด้อยค่า และยิ่งมาทำต่อผู้หญิง ถือเป็นวิธีไร้ศักดิ์ศรีและสกปรก ส่วนที่ต่างประเทศได้พูดถึงประเทศไทย ต่อปฏิบัติการณ์ไอโอในประเทศ ที่ผ่านมาในการประชุมมีทั้งผู้แทนจากกระทรวงยุติธรรมไปด้วย แต่การตอบเป็นการแก้ตัว มากกว่าแก้ปัญหา คนไทยเองก็ไม่รู้ว่ามีเรื่องแบบนี้จริง ความที่เราเองก็ไม่รู้ ส่วนที่ถามว่า นายกฯอายหรือไม่ ที่ประเทศถูกด่าแบบนี้ จริงๆก็อยากให้นายกฯไปตอบคำถามนี้ด้วยตัวเอง

นายโอมาร์กล่าว่า ถ้ารัฐเป็นรัฐประชาธิปไตย ต้องไม่แทรกแซงสิทธิเสรีภาพของประชาชน การเข้าถึงข้อมูลข้อเท็จจริง ย่อมเคารพประชาชนในการใช้เหตุผลแยกแยะวิเคราะห์ความจริง และต้องปราบปรามปฎิบัติการที่มุ่งบิดเบือนความจริง แต่หากรัฐเป็นเผด็จการก็ทำตรงกันข้าม ที่อ้างชาติอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยมองชาติว่าคือประชาชน การแทรกแซงบิดเบือนความจริงเพื่อหลอกประชาชน เท่ากับเป็นการหลอกลวงชาติ ดังนั้นการปฎิบัติการสร้างความเท็จให้ประชาชนเข้าใจผิดเชื่อว่าคือความจริงย่อมต้องมีมูลเหตุ จากการเชื่อว่าประชาชนโง่ ทั้งนี้ตนเชื่อว่าเราเท่ากัน ดังนั้นถ้าประชาชนโง่รัฐบาลก็โง่เช่นเดียวกัน และอาจจะโง่กว่าด้วยซ้ำ เพราะประชาชนรู้ว่าอันไหนผง อันไหนแป้ง แตรัฐบาลกลับแยกไม่ออก

ในช่วงสุดท้ายมีการเปิดให้ถามตอบ มีผู้ถามว่าสถานการณ์โควิด19 รัฐบาลพยายามสื่อว่าคุมได้ การให้ข้อมูลข่าวสารแบบนี้ถือเป็นไอโอกับประชาชนหรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะมีผู้ส่งสารชัดเจน การที่ประชาชนหวาดระแวง แตกตื่น ไม่ใช่เพราะมีคนตายมาก แต่แตกตื่นเพราะการบริหารจัดการของรัฐ เกิดความไม่ไว้วางใจรัฐ เราเคยเห็นหน่วยงานรัฐมาฟ้องกันเองหรือไม่ เราได้รับสารว่าหน้ากากอนามัยไม่ขาดแคลน แต่เวลาไปเดินตลาดกลับหายาก สิ่งเหล่านี้ คือสิ่งที่รัฐบอกกับความเป็นจริงมันโป๊ะแตกตลอด  

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ได้มานั่งฟังเสวนาด้วย ได้กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้น มูลค่ามหาศาลในการทำลายประชาชนที่เราเคยอยู่ด้วยกันอย่างดี ทำให้เกิดปัญหากัน จากการอภิปราย หวังว่าประชาชนจะได้ตรวจสอบ สังเกตุ เมื่อมีไอโอรัฐมา จะได้ตรวจสอบ ใช้ดุลพินิจบอกลูกหลานว่า ไม่ถูกต้อง คิดว่า ผู้ปฏิบัติไอโอของรัฐ จะได้ระมัดระวัง ไม่ให้เกิดความเสียหาย และทำให้เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองในอนาคตแทน
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"