'กรณ์'ลุยตลาดคลองเตยชูหลักประคองเงินหมุนพร้อม4หลักคิดชุบชีวิตธุรกิจขนาดเล็กรอดตายจากโควิด


เพิ่มเพื่อน    

 

13มี.ค.63- ที่ตลาดคลองเตย นายกรณ์ จาติกวณิช ว่าที่หัวหน้าพรรคกล้าและทีมงาน พบพ่อค้าแม่ค้ารับฟังปัญหาความเดือดร้อนจากวิกฤติเศรษฐกิจ โดยยานกรณ์  กล่าวว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนและทีมกล้าได้เข้าพบตัวแทนจากกลุ่ม SMEs และวันนี้ก็ได้มาที่ตลาดคลองเตยพบกลุ่มพ่อค้าแม่ขาย และประชาชนที่เป็นแรงงานรับจ้างหาเช้ากินค่ำ เพื่อรับฟังข้อมูล รับเสียงสะท้อนถึงความเดือดร้อน รวมถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด19 ที่มาซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจที่หนักหนาสาหัสมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ปีนี้โดนกระหน่ำด้วยโควิด19 รัฐต้องพุ่งเเป้าดูแลคนที่เดือดร้อนให้ครบทุกกลุ่ม และต้องเริ่มจากคนที่เจ็บ หนัก สุด ทันที โดยเฉพาะ SME รายเล็ก พ่อค้าแม่ขายรายย่อย ธุรกิจท่องเที่ยว กิจการทัวร์ ไกด์นำเที่ยว ร้านอาหาร รถเข็น หาบเร่ ตามสถานที่ท่องเที่ยว ลูกจ้างแรงงานภาคบริการ คนรับจ้างหาเช้ากินค่ำ ช่วงนี้มีความลำบาก เงินสดไม่พอใช้ หนี้ไม่มีจะจ่าย

“มาตรการทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลใช้อยู่ในขณะนี้ แม้จะเป็นมาตรการที่ดี แต่เป็นการเน้นตอบโจทย์ได้เพียงกลุ่มคนตัวโต ยังไม่เข้าเป้าคนตัวเล็ก ตอบโจทย์แก้ปัญหาให้กับผู้ประกอบการได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่มีผลเท่าที่ควรกับพ่อค้าแม่ขายรายเล็กรายน้อย หลายรายไม่สามารถที่จะรอความช่วยเหลือตามรอบภาษีได้ เราต้องการมาตรการที่ยิงตรงถึงมือทันที จากประสบการณ์ย้อนไปปี 2553 ไทยเราฟื้นจากวิกฤติเเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ได้ทันท่วงทีก็เพราะระบบการบริหารจัดการที่เข้าเป้า คือการประคองเงินหมุน ต่อทุนคนทำงาน ระงับพิษโควิด พลิกวิกฤตเป็นโอกาส” นายกรณ์ กล่าวย้ำถึงหลักคิดในการแก้ปัญหาเร่งด่วน” นายกรณ์  กล่าว

ว่าที่หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า ช่วงนี้คือช่วงที่ทุกคนทุกพรรคการเมืองต้องช่วยกันคิดช่วยกันทำงานเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และจากประสบการณ์ที่ผมและคณะ อยู่ในแวดวงเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็กตัวน้อย จึงขอเป็นตัวแทนที่จะคิดและนำเสนอมาตรการที่เราเชื่อว่า จะสามารถต่อชีวิตให้พวกเขาได้โดยตรงและทันเวลา โดยรัฐบาลต้องพุ่งเป้าตรงไปที่  4 เรื่องนี้เป็นหลักก่อนเท่านั้น
หลักคิดที่หนึ่ง “ประคองเงินหมุน” เป็นการเติม Cashflow หรือเงินสดในระบบ ห้ามให้ภาคธุรกิจขนาดเล็กหยุดชะงัก เพราะตายแล้วฟื้นยาก ต้องฉีดยาให้ถูกเส้นเพื่อพยุงลมหายใจทางเศรษฐกิจไว้ให้ได้ โดยผู้ที่จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากมาตรการคือ ผู้ประกอบการ SMEs เน้นที่รายเล็ก รายกลาง ร้านค้ารายย่อย หาบเร่ แผงลอย กลุ่มท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง-โลจิสติกส์และการบิน-ร้านอาหาร-โรงงานที่ขาด Supply Chain-ตลาดชุมชน
มาตรการ “ประคองเงินหมุน”
1) ให้แบงก์รัฐและเอกชนช่วยดอก ปลอดต้น ในวงเงินดอกเบี้ย 30,000 บาทในระยะเวลาเศรษฐกิจชะงักจากโควิด 3 เดือน
2) ให้ออมสินปล่อยกู้โดยตรง แก่กิจการขนาดเล็ก พ่อค้าแม่ขายที่ร่อแร่ วงเงิน 5หมื่นบาท ดอกเบี้ย 1% ต่อเดือนใช้พยุงชีวิตและที่ทางในการทำกินต่อไป
หลักคิดที่สอง “ต่อทุนคนทำงาน” เป็นการช่วยปั๊มหัวใจคนทำงานจากภาวะรายได้ขาดมือ ให้กลับมาหายใจหายคอให้คล่องขึ้น โดยผู้ที่จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากมาตรการคือ มนุษย์เงินเดือนในกิจการ 5 ประเภทที่กระทบหนักได้แก่ ท่องเที่ยว-ขนส่ง-ร้านอาหาร-โรงงาน-SMEs รวมไปถึงพ่อค้าแม่ขายรายย่อย หาบเร่แผงลอย รับจ้างอิสระ แรงงานขั้นต่ำ แท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ ที่ขาดรายได้จากการที่นักท่องเที่ยวไม่มา
มาตรการ “ต่อทุนคนทำงาน”
 1) รัฐจ่ายประกันสังคมแทนทั้งขานายจ้าง และลูกจ้างเป็นเวลา 6 เดือน เงินส่วนนี้จะกลับไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งตรงนี้ต่างจากของรัฐที่ทำไปแล้วแต่ให้แค่ลดอัตราเพียง 1% เท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอ และพนักงานเสียสิทธิในการสมทบที่ลดลง
2) สำหรับพนักงานบริษัท มนุษย์เงินเดือนให้มีการ ลดภาษีเงินได้ส่วนบุคคลในส่วนของรอบปี 2562 ทันที 20% สรรพากรคำนวณคืนย้อนหลังได้จากระบบ เพิ่มเม็ดเงินให้ระบบมากขึ้นโดยไม่ต้องแจก รัฐบาลหลายพรรคสัญญาเอาไว้นานแล้ว
3) นำค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์ที่ใช้ในการดูแลตัวเองจากโควิดมาหักลดหย่อนได้ บุคคลธรรมดา 15,000 บาท นิติบุคคล 50,000 บาท
4) ปล่อยซอฟท์โลน รายละ 50,000 บาท สำหรับกลุ่มแรงงานนอกระบบ พ่อค้าแม่ค้าที่สู้ภาวะเศรษฐกิจอันยากลำบาก ตรงนี้จำเป็นมากเพราะจะเป็นกันตัดวงจรหนี้นอกระบบที่เสี่ยงมากที่จะเกิดขึ้น หากวิกฤตยืดเยื้อ

หลักคิดที่สาม มาตรการ “ระงับพิษโควิด” ขอให้รัฐบาลเร่งรัดการบูรณาการการจัดการปัญหาด้วย โมเดลถ้ำหลวงช่วยหมูป่า พร้อมทำทุกวิถีทางลดอัตราผู้ติดเชื้อเพิ่ม เตรียมพร้อมทุกการรับมือที่ภาคสาธารณสุขต้องการ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมีขั้นตอนดูแลคนแข็งแรงให้ไม่ป่วยเพิ่มแบบเป็นระบบ

หลักคิดที่สี่ ซึ่งสำคัญที่สุดคือ การ “พลิกวิกฤตเป็นโอกาส” โดยยกตัวอย่าง เถาเป่าหรือตลาดออนไลน์ของจีนที่โตก้าวกระโดขึ้นมาได้จากวิกฤตโรคซาร์ส

 “ถึงเวลาภาครัฐชู E-Commerce พร้อมพลิกโฉมการบริการภาครัฐเป็น GovTech” เพราะว่าตอนนี้ประเทศไทยเกิดภาวการณ์ที่เรียกว่า รถโล่ง คนหาย ห้างวาย ร้านเงียบ แต่การซื้อขายยังคงอยู่!! ดังนั้น สิ่งที่ทำทันทีได้คือ รัฐเอื้อระบบนิเวศน์ E-Commerce  โดยมีการเสนอมาตรการหั่นค่าส่งไปรษณีย์ 50% ทันที พร้อมเจรจาเอกชนโลจิสติกส์รายอื่นๆ และต้องเปิด Platform ค้าออนไลน์ที่ใช้ง่าย ส่งง่าย สำหรับสินค้าจำเป็นเช่น หน้ากาก เจล 4 หลักคิดและมาตรการด่วนทั้งหมดที่กล่าวข้างต้น ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลทำเรื่องหลักที่สำคัญจำเป็นเร่งด่วนแก่คนตัวเล็กที่เดือดร้อนที่สุดก่อน โดยเรียกร้องให้เร่งทำทันทีก่อนที่พวกเราจะตายกันหมด" นายกรณ์ กล่าวย้ำ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"