ระวัง "โควิด-19" พ่นพิษ เปลี่ยน ครม.ป่วยยกเซต


เพิ่มเพื่อน    

         สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาคนในประเทศตกใจกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ราชการยังประกาศว่าเป็นการแพร่ระบาดระดับ 2 แต่ปรากฏว่าสังคมไม่เชื่อ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าความจริงขยับไปเป็นการแพร่ระบาดระดับ 3 เรียบร้อยแล้ว

                ทำให้เราได้เห็นภาพประชาชนแห่ไปห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ เพื่อกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภค บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง ยารักษาโรค เกลี้ยงชั้นวาง โดยรัฐบาลพยายามจะทำความเข้าใจว่าอย่าตระหนกถึงขนาดต้องกักตุน เพราะขณะนี้การแพร่ระบาดในไทยยังอยู่ในระดับ 2 แต่ไม่มีใครเชื่อ

                นั่นแสดงให้เห็นว่าสังคมขาดความเชื่อมั่นในตัวผู้บริหารประเทศ

                ขณะเดียวกัน หลายฝ่ายพยายามชี้ว่าเป็นเพียงแค่ข่าวลือว่าไทยเข้าสู่การแพร่ระบาดระยะ 3 แต่เชื่อหรือไม่ เรื่องเหล่านี้ไม่มีมูลหมาไม่ขี้ ที่เห็นอย่างเป็นรูปธรรมก็ถ้อยแถลงจาก นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ตีความได้หลายอย่างและทำให้คิดมาก

                โดยเฉพาะย่อหน้าแรก ซึ่งระบุไว้ว่า “ตามที่ได้มีคนไทยป่วยจากการติดเชื้อ COVD-19  เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีผู้ป่วยบางรายที่น่าจะติดเชื้อจากการระบาดภายในประเทศเราเอง ซึ่งหมายถึงการเริ่มเข้าสู่สถานการณ์ของโรคระยะที่ 3 สมาคมอุรเวชช์ได้เล็งเห็นแนวโน้มนี้ และได้มีการเตรียมความพร้อมในเชิงวิชาการตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ซึ่งตลอดสัปดาห์นี้ สมาคมได้พยายามผลักดันการเตรียมความพร้อมในเชิงการบริหารจัดการผ่านทางหน่วยงานต่างๆ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ซึ่งแม้จะได้รับการตอบสนองที่ดีในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ดีพอที่จะรับมือกับวิกฤติสุขภาพสำคัญของประเทศอีกครั้ง”

                นอกจากนี้ก็ยังมีย่อหน้าสุดท้าย ดังนี้ “เป็นอีกครั้งหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า กลไกของรัฐที่จะตอบสนองต่อภาวะวิกฤติของประเทศมักจะตามหลังสถานการณ์จริงอย่างน้อยหนึ่งก้าวเสมอ แต่นั่นไม่ได้ทำให้จิตวิญญาณของพวกเราเหล่าวิชาชีพแพทย์และวิชาชีพอื่นที่เกี่ยวข้อง จะยอมจำนนให้กับศัตรูตัวจิ๋วที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าโดยง่าย และพวกเราก็จะไม่ยอมก้มหัวให้กับผู้รับผิดชอบระดับสูง ที่ขาดความเชี่ยวชาญ และเข้าใจบริบทการทำงานของพวกเราอย่างถ่องแท้ ได้เวลาแล้วที่พวกเราต้องเตรียมทำศึกแม้จะไม่มีอาวุธที่มีประสิทธิภาพและแม่ทัพที่เด็ดขาดเข้มแข็ง สิ่งหนึ่งที่จะช่วยยึดเหนี่ยวอุดมการณ์ของพวกเราไว้ได้ในสถานการณ์เช่นนี้ คือคำสอนของสมเด็จพระบรมราชชนก ผู้ก่อกำนิดการแพทย์แผนใหม่ในประเทศสยาม ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเปนที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษเปนกิจหนึ่ง"

                แน่นอนว่าถ้าให้เลือกเชื่อถือระหว่างรัฐบาลกับแพทย์ ย่อมต้องไว้ใจหมอมากกว่าสิ่งใด เพราะเป็นผู้ปฏิบัติงานโดยตรงมากกว่า

                อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสดังกล่าวยังนำมาซึ่งการสั่งย้าย “วิชัย โภชนกิจ” อธิบดีกรมการค้าภายในเข้ากรุ ล่าสุดกลายเป็นว่าเจ้าตัวลาออกจากราชการแล้ว

                การเด้งฟ้าผ่านี้ทำให้นักการเมืองจากพรรคต่างๆ ออกมาแสดงความคิดเห็น แต่ที่เผ็ดร้อนต้องยกให้ "พิชัย นริพทะพันธุ์" อดีต รมว.พลังงาน จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งออกมาตั้งข้อสังเกตถึงการทำงานของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ โดยกล่าวว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ย้ายอธิบดีกรมการค้าภายใน โดยไม่ทันรู้ตัว หลังจากร่วมแถลงข่าวกับนายจุรินทร์ เท่ากับเป็นการตบหน้าพรรคประชาธิปัตย์ทั้งพรรค เพราะนายจุรินทร์เองก็คงไม่ทราบว่าอธิบดีกรมการค้าภายในสังกัดของตน จะโดนย้ายแบบฟ้าผ่าและย้ายแบบข้ามหัว มิเช่นนั้นคงไม่นำออกมาแถลงข่าวด้วยแน่ ซึ่งเท่ากับอาจจะทำให้เชื่อได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลนนี้ใช่หรือไม่

                สรุป ด้วยพิษไวรัสตัวนี้ นอกจากทำให้ผู้คนล้มตายทั่วโลกแล้ว ถ้านายกรัฐมนตรีไม่ไขปมกักตุนหน้ากากอนามัยให้โปร่งใส และไม่นำตัวตั้งแต่ระดับหัวยันหางมาลงโทษ เชื่อได้เลยว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ ”บิ๊กตู่” จะต้องติดเชื้อและเปลี่ยนยกเซต เพราะ ครม.ชุดนี้ป่วย.

มินนี่เมาธ์

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"